โบท็อกที่ได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศไทยมีให้เลือกด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ นำเข้ามาจากหลากหลายประเทศค่ะ และในทุกวันนี้คนจำนวนมากนิยมมาฉีดโบท็อกกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อช่วยลดริ้วรอยตามบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า ช่วยลดกรามที่ใหญ่อันมีต้นเหตุมาจากกล้ามเนื้อกราม แต่เราควรจะเลือกฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี วันนี้เรามีข้อมูลจากคุณหมอมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนที่กำลังสนใจการฉีดโบลดกรามหน้าเรียว หน้าเด็กค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากปรับรูปหน้า แก้กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม หรือลดริ้วรอย แต่ยังลังเลอยู่ว่า เลือกฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ? ปัจจุบันนี้โบท็อกซ์มีให้เราเลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ ควรพิจารณาเลือกใช้ botox ที่นำเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก อย.
จุดเด่นของโบท็อกแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันไป ได้แก่ ชนิดของ protein complex, การจะทำให้ตัวยามีความบริสุทธิ์ใช้กรรมวิธีอะไร, molecule complex มีขนาดเท่าใด รวมไปถึงการเก็บรักษามีความคงทานเพียงไร
หนึ่งในคุณสมบัติหนึ่งของโบท็อกก็คือ Molecule Complex ซึ่งหลัก ๆ แล้วจะมีด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่
1.) Accessories protein (750kDa)
ส่วนที่ 1 คล้ายกับหน่วยปกป้อง
มีหน้าที่นำพา อีกทั้งยังช่วยปกป้องโบท็อกส่วนที่ 2 แล 3 จากจุดที่ฉีด เพื่อให้โบท็อกแพร่ไปยังบริเวณปลายเส้นประสาทได้อย่างปลอดภัย และไม่ถูกทำลายไปก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง
โบท็อกส่วนที่ 1 มีความสำคัญคือ การแพร่กระจายตัวยา
ถูกออกแบบมาให้โบท็อกมีการกระจายตัวแคบ
จากการย้อมสีผิวหนัง จะเห็นถึงพื้นที่ที่โบท็อกออกฤทธิ์ ซึ่งพบว่า โบท็อกยี่ห้อ Dysport (ทางด้านขวามือ) ตัวยาจะกระจายตัวกว้างกว่าโบท็อก Allergan (ทางด้านซ้ายมือ)
ถูกออกแบบมาให้โบท็อกมีการกระจายตัวกว้าง
2.) Heavy chain (100kDa)
โบท็อกซ์ส่วนที่ 2 นี้คือกุญแจที่จะทำให้โบท็อกส่วนที่ 3 สามารถเข้าไปสู่เซลล์เส้นประสาทได้
3.) Light chain (50kDa)
สำหรับโบท็อกส่วนที่ 3 จะเป็นส่วนที่จะไประงับการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด
การฉีดโบท็อกแท้จะมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากโบท็อกเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติได้หมด แต่ว่าในคนไข้บางคน ร่างกายเกิดการสร้างภูมิต้านทาน (หรือ antibody) ขึ้นมา ส่งผลให้คนไข้รายนั้นเกิดอาการดื้อโบท็อกค่ะ เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปแล้วไม่ออกฤทธิ์ ไม่เห็นผล สาเหตุมาจาก antibody ของร่างกายจะไปจับกับตัวโบท็อกแทนค่ะ
ทั้งนี้ การดื้อโบท็อกเกิดขึ้นได้ทั้งจากโปรตีนส่วนที่ 1, 2, 3 (ตามข้อ A) โบท็อกส่วนที่ 3 จะมีความคล้ายคลึงกันในทุกยี่ห้อ เพราะเป็น botulinum toxin type A เหมือนกัน (ต่างกันตรงสายพันธุ์เล็กน้อย) ซึ่งความแตกต่างของโบท็อกจะอยู่ตรงส่วนที่ 1 และ 2 ของแต่ละยี่ห้อ
โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ Botulinum toxin type A (โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ) สารสกัดที่มาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum (คลอสตริเดียม โบทูลินัม)
ในวงการเสริมความงามได้นำมาใช้ สำหรับคนที่อยากฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ลดกราม เพราะฉีดแล้วจะไปออกฤทธิ์ต่อประบบประสาท หรือ Neurotoxin ส่งผลให้มัดกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทำงานได้ลดน้อยลงเป็นการชั่วคราว
ข้อสำคัญคือ เราต้องเลือกใช้โบท็อกของแท้เท่านั้น สามารถสลายไปเองได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง
ส่วนคำถามที่ว่า ฉีดโบท็อกแล้วอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดโบท็อกลดกรามจะคงอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน สำหรับการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยจะคงอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือนค่ะ
หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับโบท็อกของประเทศต่าง ๆ มาบ้าง ที่นำเข้ามาใช้ในไทย อาทิ โบท็อกของอเมริกา, อังกฤษ, เยอรมัน หรือเกาหลี แต่คุณสมบัติจะเป็นอย่างไร โบท็อกแต่ละยี่ห้อต่างกันด้านไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่ ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับยี่ห้อโบท็อกซ์กันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย หรือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โบท็อกอเมริกายี่ห้อ Allergan คือ botox ที่คนนิยมฉีดกันมากค่ะ อันเป็นต้นแบบของโบท็อกซ์ทุกชนิด รวมถึงเป็นโบท็อกตัวแรกที่เรานำมาฉีดเพื่อช่วยด้านความงาม ได้รับการยอมรับด้านความปลอดภัย อ้างอิงจากงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมากกว่า 3,500 งานวิจัย (since 1989)
ความบริสุทธิ์ของโบท็อกยี่ห้อ Allergan มีมากถึงประมาณ 99.5% และยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมส่วนหนึ่งก็เพราะโอกาสการดื้อโบท็อกน้อยที่สุด เมื่อเทียบกันด้านผลการักษา โบท็อก Allergan ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด, ให้ผลการรักษาที่แม่ยำที่สุด, การกระจายตัวของยาแคบที่สุด หมอจึงสามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของตัวยาได้แม่นยำ อย่างไรก็ตาม เราควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากเพียงพอ
หากเทียบกับโบท็อกของเกาหลี โบท็อก Allergan จากสหรัฐอเมริกาจะมีอายุการใช้งานนานกว่า 20% โดยประมาณ ซึ่งมีราคาสูงกว่าโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ
โบท็อกจากประเทศอังกฤษ ยี่ห้อ Dysport ผลิตโดยบริษัท Ipsen ที่ได้รับความนิยม เมื่อดูจากงานวิจัยจะพบว่า โครงสร้างของสารที่มีโมเลกุลของ Dysport เล็กกว่าโบท็อกสหรัฐอเมริกา โบท็อกอังกฤษมีการกระจายตัวกว้าง ต้องเลือกฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์มากพอ มีความแม่นยำ ระมัดระวังในการฉีด ไม่เช่นนั้นจะต้องเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอย่างยิ้มไม่สุด ตาตก ปากเบี้ยว
Dysport
โบท็อกซ์อังกฤษมีจุดเด่นเรื่องออกฤทธิ์เร็ว ส่งผลให้การกระจายตัวของโบท็อกทั่วถึง โบท็อกซ์ Dysport จะไม่กระจุกกันเป็นจุดแคบ การปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคที่ชื่อ dermolift สามารถใช้โบท็อกตัวนี้ได้ เพื่อให้ใบหน้ายกกระชับ ริ้วรอยลดลง ผิวกระชับดียิ่งขึ้นค่ะ
ส่วนใหญ่ที่นิยมฉีดโบท็อกอังกฤษกันก็คือ ฉีดลดกราม ลดน่อง แก้ปัญหาฝ่ามือและรักแร้มีเหงื่อมาก เนื่องจาก Dysport สามารถกระจายได้ในบริเวณกว้าง ผลลัพธ์เห็นได้อย่างชัดเจน
โบท็อก Xeomin ผลิตในประเทศเยอรมัน และ FDA ของอเมริกาให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย จำกัด (Merz Aesthetics) เป็นผู้นำเข้ามาเพื่อใช้ในคลินิกในไทยที่เป็นคลินิกชั้นนำ
Xeomin คือโบท็อกซ์เยอรมันที่ได้รับพัฒนาโดยนำเอาข้อดีของโบท็อกอเมริกา Allergan มารวมกับข้อดีของโบท็อกอังกฤษยี่ห้อ Dysport คุณสมบัติเด่นของตัวยาคือ ไม่กระจุกตัวแคบจนเกินไป ฉีดแล้วไม่ตึงมากเกินไป ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ จากงานวิจัยพบว่า Xeomin ได้ผลลัพธ์ที่ดีในคนไข้ที่ดื้อยา หากคนไข้ในเคสนั้นหยุดฉีดโบท็อกมาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้วเป็นอย่างน้อยค่ะ
หากพูดถึงโบท็อกของเกาหลีก็จะเป็นที่ทราบกันดีว่าในไทยนิยมฉีดกันอย่างรวดเร็วมาก เริ่มนำเข้ามาใช้กันเมื่อราว ๆ สิบปีที่ผ่านมา โบท็อกเกาหลีมีประสิทธิภาพดี ราคาไม่สูง มีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้
Nabota โบท็อกเกาหลี ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน กว่า 30 ปี ซึ่งบริษัท DAEWOONG เป็นผู้ผลิตคิดค้น ออกมาเป็นเทคโนโลยีอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับการผลิตโบท็อก (Patent registration KR: 10-1339349) ส่งผลให้ความบริสุทธิ์ของตัวยาสูงมากถึง 98.7% ปัจจุบันนี้
Nabota คือโบท็อกของเกาหลีเพียงยี่ห้อเดียว ที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย. ของสหรัฐอเมริกา (U.S.FDA approved 2018) มีจุดเด่นคือ ได้รับการพัฒนาให้ออกฤทธิ์เร็ว
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณหมอ พบว่า Nabota ออกฤทธิ์เร็วกว่าโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ ของเกาหลีเล็กน้อย ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ราคาไม่แพง เหมาะกับใครที่อยากฉีดโบท็อกซ์แล้วได้ผลเร่งด่วนค่ะ
โบท็อก Aestox เป็นหนึ่งแบรนด์โบท็อกของเกาหลี ในไทยได้นำมาใช้กันไม่นานนัก โดยมีบริษัท Aestec Pharma เป็นผู้นำเข้ามาอย่างถูกต้อง ผ่านการรับรองจาก KFDA (คือ องค์การอาหารและยาของประเทศเกาหลีใต้) อีกทั้งยังผ่านการรับรองจาก ThaiFDA หรือ อย.ไทยแล้วด้วย
แพทย์นิยมใช้โบท็อกเกาหลียี่ห้อ Aestox ในการฉีดเพื่อลดกราม, ฉีดปรับรูปหน้าให้เรียว, ฉีดลิฟต์หน้า รวมถึงใช้ฉีดลดริ้วรอยบนใบหน้าตามจุดต่าง ๆ เพราะเห็นผลได้เร็ว ดูเป็นธรรมชาติ ตัวยาที่ฉีดออกฤทธิ์ไว
ตัวยาของโบท็อก Aestox มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5 % ซึ่งเป็นจุดเด่นของ botox เกาหลียี่ห้อนี้ค่ะ ซึ่งส่งผลให้โอกาสที่จะดื้อยาหรือดื้อโบท็อกลดน้อยลง อีกทั้งโบท็อกแบรนด์ Aestox ยังได้มีทำการวิจัยกับทาง รพ.ศิริราช เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราคนไทย มาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 5 ปีอีกด้วย
คนที่อยากปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย สามารถเลือกฉีดโบท็อกได้หลายจุดทั้งบนใบหน้าและตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายที่ต้องการแก้ปัญหา ได้แก่
สุดท้ายนี้ สำหรับคำถามที่ว่า ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี แนะนำให้เพื่อน ๆ เข้าไปปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ในคลินิกที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ ให้ช่วยประเมินสภาพผิวหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไข ช่วยแนะนำโบท็อกยี่ห้อที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด เพราะปัญหาของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น อยากฉีดโบลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย บางคนต้องการแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า หรือต้องการฉีดโบท็อกลดเหงื่อ ลดน่อง ลดแขน เป็นต้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
