วิกูล

ผู้เขียน : วิกูล

อัพเดท: 22 ก.ค. 2007 22.51 น. บทความนี้มีผู้ชม: 5892 ครั้ง

พระคือผู้ประเสริฐ แม้ไม่ได้บวชแต่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในธรรมสมบูรณ์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระ ปกติของพระคืออาศัยอยู่วัดและดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัยสี่ประการ คือ เที่ยวบิณฑบาตร นุ่งห่มผ้าบังสกุล อยู่โคนต้นไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า แต่โลกเปลี่ยนไปแล้ว ปฏิบัติอย่างไรจึงจะให้เกิดความแตกต่างระหว่างพระและฆารวาส ฆารวาสรู้ไว้เพื่อได้บำรุงพระได้ถูกต้องยิ่งขึ้น


อยู่อย่างพระหรือฆารวาส

อยู่อย่างพระหรือฆารวาส

 

วิกูล  โพธิ์นาง

pd_wikulp@hotmail.com

๑๙  กรกฎาคม  ๒๕๕๐

               

                ประชาชนทั่วไปที่อยู่บ้านเราเรียกว่าฆาราวาส  หรือหมายถึงผู้ครองเรือน  ส่วนพระภิกษุสามเณรนั้นเรียกบรรพชิต หรือนักบวชที่อยู่อาศัยคือวัด  ในหมู่บ้านหนึ่งๆมีวัดอยู่ประมาณ ๑ วัด  หากหมู่บ้านใหญ่อยู่ห่างไกลกันมากเดินไปมาหาสู่กันลำบากก็จะมีวัดอาจเป็น ๒ หรือ ๓ วัด ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละสถานที่ไป  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้เกิดความสะดวกในการไปทำบุญติดต่อประสานงานดำเนินการทางด้านศาสนาพิธีด้วย

                ในวัดนั้นๆผู้ที่ไปอยู่เป็นพระภิกษุสามเณร ที่มาจากฆารวาสในถิ่นนั้นเป็นส่วนใหญ่ และถือเป็นผู้เสียสละหากวัดใดไม่มีพระอยู่ก็จะกลายเป็นวัดล้างวิถีชุมชนก็เกิดความยากลำบากทางศาสนาขึ้นมาทันที  หากไม่มีใครในหมู่บ้านมาบวชก็อาจไปเชิญหรือนิมนต์มาจากถิ่นอื่นหรือท่านมาเองก็เป็นไปได้  การจะมาบวชหรือไม่บวชไม่มีใครบังคับรวมถึงการลาสิกขาเช่นกัน

                เพื่อให้ผู้ออกบวชแตกต่างไปจากฆารวาส  บัญญัติทางศาสนาได้บัญญัติสรุปว่าผู้ที่ออกบวชต้องไม่ทำตนเป็นผู้ “ยาก” ต้องทำตนให้ “ง่าย” โดยรวมก็คืออย่าให้เป็นภาระของฆารวาส ดังนั้นต้องอยู่อย่างในลักษณะนี้คือ “กินอย่างหมู อยู่อย่างหมา ไปมาอย่างนก” หรือทำตนเป็นผู้เลี้ยงง่าย อยู่อย่างสันโดษ และต้องไม่ติดถิ่นพร้อมเดินทางไปที่ต่างๆเพื่อเผยแพร่ธรรมคำสั่งสอนและปฏิบัติศาสนกิจได้ทุกเมื่อ การเป็นอยู่ทุกอย่างต้องไม่หรูหราฟุ่มเฟือย เพราะถือว่าเป็นผู้ประสงค์จะมาละกิเลศเพื่อให้ตัดห่างจากโลกีย์วิสัย

                ออกบวชไปอยู่วัดแล้วจึงต้องมีการเป็นอยู่ด้วยปัจจัยเพียง ๔ อย่าง  ตามพระธรรมวินัยบัญญัติเรียกว่า “เครื่องอาศัยของบรรพชิต ๔ อย่าง” ซึ่งพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้เมื่อครั้งพุทธกาล สรุปได้ดังนี้คือ

๑.            ต้องออกบิณฑบาตรเพื่อนำอาหารมาแต่พอยังชีพวันหนึ่งๆเท่านั้น

๒.          เครื่องนุ่งหุ่มต้องใช้เพื่อปกปิดร่างกายเท่านั้นไม่หรูหราราคาแพง

๓.           ยากรักษาโรคให้ใช้เฉพาะที่จำเป็นต่อการรักษาโรคเท่านั้น

๔.           ที่อยู่อาศัยต้องมีเพื่อบังแดดบังฝนลม พอนอนเฉพาะตนเท่านั้น

                จะเห็นได้ว่าพระพุทธองค์ประสงค์  จะให้ผู้ออกบวชสละแล้วซึ่งทางโลกไม่สนใจ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ  ใช้เวลาและการเป็นอยู่อย่างประหยัด ได้มีเวลาศึกษาพระธรรมวินัยประพฤติปฏิบัติตนให้หลุดพ้น  นำธรรมคำสั่งสอนไปเผยแพร่ต่อฆารวาสที่เขาไม่มีเวลาเพราะต้องทำมาหากินทั้งยังต้องนำบางส่วนมาเกื้อกูลต่อบรรพชิตอีกทางด้วย

                การเป็นอยู่ของพระหรือบรรพชิตทั้ง ๔ ประการดังกล่าวมายังเป็นการวัดระดับของพระได้อีกด้วยว่าท่านใด  “คือศิษย์ตถาคต” แท้จริงมากน้อยเพียงใด

 

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที