บรรณวิท

ผู้เขียน : บรรณวิท

อัพเดท: 31 ก.ค. 2007 07.45 น. บทความนี้มีผู้ชม: 31519 ครั้ง

การดำเนินการกิจกรรม Autonomous Maintenance มีเคล็ดลับอย่างไร จึงจะได้ผล จากผู้ที่ประสบการณ์ตรง


ลงมือทำความสะอาด

ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากที่เราเตรียมการที่จะเข้าไปทำความสะอาดเครื่องจักรของเรา โดยการจัดเตรียมเรื่องความปลอดภัย จัดเตรียมเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือที่จะใช้ในการทำความสะอาดพร้อมทั้งจัดเตรียมเรื่องบุคคลาการที่จะเข้าไปสนับสนุนการทำความสะอาดแล้ว ทีนี้เราก็พร้อมที่จะลงมือกันแล้ว

                แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงมือทำความสะอาดคือ พนักงานเดินเครื่องหรือ Operators ลองนึกภาพดูว่า ถ้าวันหนึ่งจากการที่กดปุ่มเดินเครื่องหลังจากนั้นก็ยืนมองเครื่องทำงาน ให้เปลี่ยนมาเป็นเช็ดเครื่องทำความสะอาด คงเป็นอะไรที่น่ามึนงงน่าดูสำหรับพนักงานเดินเครื่อง ดังนั้นพนักงานเดินเครื่องก็ต้องได้รับการเตรียมการด้วย โดยการอบรมก่อนที่จะเข้าไปทำความสะอาดว่าทำไมจึงต้องทำความสะอาด การทำความสะอาดมีความสำคัญอย่างไร ต้องให้เข้าใจจริงๆว่าทำเพื่อนั้นเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไร และจะช่วยเพิ่มความรู้ความสามารถของเขาอย่างไร สิ่งที่เราจะมองหาในการทำความสะอาดคืออะไร ขั้นตอนเมื่อพบว่ามีสิ่งผิดปรกติทำอย่างไร การใช้ Tag ทำอย่างไร เครื่องมือที่ใช้ในการทำความสะอาดใช้อย่างไร

                หลังจากนั้นก็ต้องเริ่มลงมือทำความสะอาด โดยการจัดแบ่งพนักงานช่างโดยมากจะจัด ช่าง1 คนต่อพนักงานเดินเครื่อง 2-3 คน เป็นชุดๆ ไป การทำความสะอาดควรเริ่มทำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำโดยการทำนี้ช่างต้องเป็นผู้แนะนำว่าชิ้นส่วนนั้นๆ ทำความสะอาดอย่างไร ทำไมเป็นต้องเป็นเช่นนั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ทำตามที่แนะนำ รวมถึงชิ้นส่วนนั้นคืออะไร ทำงานได้อย่างไร ความถูกต้องในการใช้งานเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นหากชิ้นส่วนนั้นเสียหายเช่น ชิ้นนี้เรียกว่ามอเตอร์ ทำงานโดยใช้ไฟฟ้า 3 เฟส การทำความสะอาดต้องใช้แปรงปัดที่โครงภายนอกเท่านั้น ห้ามใช้น้ำหรือน้ำมันโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้มอเตอร์ได้รับความเสียหายได้ มอเตอร์ตัวนี้จะเป็นตัวที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรทั้งหมดผ่านสายพาน หากมอเตอร์เสียหายเครื่องจักรจะเดินไม่ได้เป็นต้น จะเห็นว่าการดำเนินการเช่นนี้จะเป็นการทำให้พนักงานเดินเครื่องได้เรียนรู้เครื่องจักรของตนเองและยังเป็นการให้ช่างต้องทำการศึกษาเครื่องจักรมากขึ้นด้วย หลังจากนั้นก็ช่างและพนักงานเดินเครื่องก็ต้องลงมือทำไปพร้อมๆ กัน และช่างต้องชี้สิ่งผิดปรกติให้ดูว่าอะไรคือสิ่งผิดปรกติ ทำไมจึงผิดปรกติ ความผิดปรกตินี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ควรแก้ไขอย่างไร หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดความเสียหายตามมาอย่างไร หลังจากนั้นต้องเขียน Tag ทันทีที่พบสิ่งผิดปรกติ หากสามารถแก้ไขได้ในขณะนั้นก็ต้องลงมือแก้ไขเลย (อย่าปล่อยติด Tag แล้วทิ้งไว้เป็นอันขาด เพราะจะทำให้พนักงานเดินเครื่องเห็นว่าการติด Tag แล้วก็จบรอได้ นี้จะเป็นบ่อเกิดของความเข้าใจที่ผิดพลาดต่อการใช้ Tag) และปลด Tag ออก หากแก้ไขไม่ได้ก็ต้องวางแผนมาแก้ไข เมื่อไร โดยใครต่อไป

สิ่งผิดปรกติที่เรามองหาคือ การแตกหัก เสียหาย การหลุดหลวม การคลายตัว การขาดการหล่อลื่น การหล่อลื่นมากเกินไป ที่มาของความสกปรก ฝุ่น ต้นตอของการรั่วไหล การใช้น็อตที่ผิดประเภท ฯลฯ

การติด Tag นอกจากจุดที่เป็นสิ่งผิดปรกติแล้ว ยังรวมไปถึงจุดที่ทำความสะอาดยาก จุดที่เข้าถึงได้ยาก จุดที่ตรวจสอบได้ยาก และแหล่งที่มาของความสกปรก

            เทคนิคในการทำความสะอาดนั้นจะเริ่มจากบนลงล่างเพื่อให้เศษสิ่งสกปรกตกลงมาที่พื้น แต่เมื่อเราพบสิ่งสกปรกเช่นน้ำมันที่เปื้อนอยู่ เราจะติด Tag เพราะเป็นสิ่งผิดปรกติ แต่เราจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เราต้องมองย้อนขึ้นไปด้านบนว่าน้ำมันที่เปื้อนอยู่นั้นมีที่มาจากที่ไหน และติด Tag ในจุดที่เป็นที่มาของการรั่วไหลนั้นเพิ่มอีก

                จะเห็นว่าการทำความสะอาดนั้น นอกจากเครื่องจักรที่จะสะอาดขึ้นแล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้ช่างและพนักงานเดินเครื่องได้พัฒนาตนเอง โดยช่างก็ต้องพัฒนาเพื่อเป็นผู้สอน พนักงานเดินเครื่องก็ได้เรียนรู้เครื่องจักรเป็นการพัฒนาความสามารถให้มากขึ้น การทำความสะอาดจึงเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

                เมื่อพูดถึงการเรียนรู้สิ่งที่เราต้องทำจากการเรียนรู้คือการจด เพื่อกันลืม แต่การจดนั้นหากจดและเก็บไว้เพียงคนเดียวก็ไม่เป็นการเพิ่มมูลค่าแต่อย่างใด ดังนั้นจึงต้องมีการเขียนออกมาเป็นเรื่องๆ สั้น ง่าย แต่ได้ใจความหรือที่เรามักเรียกว่า One Point Lesson หรือที่เรียกว่า OPL

                การเขียน OPL นั้นควรเน้นการใช้รูปวาด มากกว่ารูปถ่าย ที่เป็นเช่นนี้เพราะหากเราสามารถวาดรูปได้นั้นหมายความว่าเราเข้าใจการทำงานของชิ้นส่วนนั้นเป็นอย่างดี การใช้รูปถ่ายอาจทำได้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในจุดนั้นๆ เพียงเท่านั้น

การเขียน OPL นั้นต้องเน้นการใช้รูปเพราะรูปสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้องมากกว่าการเขียนบรรยาย

ดังนั้น OPL จึงต้อง เน้นที่รูป ข้อความน้อย กระชับ และสั้น เพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้ในเวลาไม่เกิน 5 นาที

ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้อนของ ขั้นตอนที่ 1 ของ Autonomous Maintenance


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที