13 ข้อควรระวัง ต้องรู้ก่อนฉีดโบท็อก
ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อก สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจฉีดโบท็อกครั้งแรก คงมีคำถามและข้อสงสัยมากมายว่า โบท็อกช่วยเรื่องอะไร โบท็อกกี่วันถึงเห็นผล แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน โบท็อกแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร โบท็อกของแท้ดูอย่างไร การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีดโบท็อกต้องทำอย่างไรบ้าง รวมไปถึงข้อควรระวัง ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อก ฯลฯ หากคุณกำลังกังวลใจกับเรื่องเหล่านี้ วันนี้เราจะพามาเจาะลึกทุกข้อสงสับเกี่ยวกับโบท็อก ที่นี่ที่เดียว! อยากสวยแต่ไม่อยากพลาด ต้องอ่าน!!
โบท็อก ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
โบท็อก Botulinum toxin A มีคุณสมบัติมากมาย ดังนี้
-
ลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง
- ลดขนาดกรามให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้น
- ลดขนาดน่องให้ขาเรียวยาวสวย
- ลดขนาดปีกจมูกให้เล็กลงเห็นสันแกนจมูกชัดเจนขึ้น
-
คลายขนาดกล้ามเนื้อที่หดตัวให้เรียบตึงขึ้น
- รอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว
- ผิวหนังบริเวณคอ มือ ที่เหี่ยวย่น โบท็อกซ์ช่วยให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียนและดูเด็กขึ้น
-
ลิฟท์กรอบหน้า
- ยกกระชับใบหน้า ไม่ให้หย่อนคล้อย
- ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉีดใต้วงแขน รักแร้
- ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง
- ระงับกลิ่นกายได้อีกด้วย
-
รักษาโรคไมเกรนเรื้อรัง
- ระงับอาการปวดให้น้อยลง
- ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย
-
รักษาอาการตากระตุก
- ทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานชั่วขณะ ช่วยลดอาการตากระตุกได้
ฉีดโบท็อก กี่วันถึงจะเห็นผล ?
- โบท็อก ลดริ้วรอย จะเห็นผลลัพธ์ที่ 2 สัปดาห์ โดยหลังฉีดไป 3 วันจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
- โบท็อก ลดกราม ลดน่อง จะเห็นผลลัพธ์ที่ 1 เดือน โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่ 2 ขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
- โบท็อกรักแร้ ลดกลิ่นกาย จะเห็นผลลัพธ์ที่ 1 เดือน
ฉีดโบท็อก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกของแท้จากคลินิกความงาม ที่มีคุณภาพ จะไม่ได้อยู่อย่างถาวร ซึ่งปกติแล้วโบท็อกจะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน โดยการออกฤทธิ์ของโบท็อกนั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- ยี่ห้อของโบท็อกที่ฉีด หากเลือกโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้นานกว่า เพราะร่างกายจะทำลายโปรตีนที่จับกับโบท็อก โดยโบท็อกที่มีโปรตีนมากกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายกว่าโบท็อกที่มีโปรตีนสูง
- ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่โบท็อกออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่ในการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
หลายคนจะมีความกังวลใจว่าเมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาใหญ่กว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะโบท็อกทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ฉีดไปทำงานลดลง ขนาดกล้ามเนื้อจึงเล็กลง เมื่อหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานเพิ่มขึ้น ขนาดกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้งานมากก็มีโอกาสสูงที่มัดกล้ามเนื้อจะมีขนาดกลับมาเท่าเดิม
โบท็อก แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
ปัจจุบันโบท็อกมีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งบริษัทที่ผลิต ประเทศที่ผลิต เช่น ประเทศเกาหลี ประเทศเยอรมัน ประเทศอังกฤษ เป็นต้น รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของตัวยาที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาและระยะเวลาในการออกฤทธิ์อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ โบท็อกยอดนิยมที่หลายคนเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่รู้ถึงความแตกต่างในแต่ละยี่ห้อกันค่ะ
- Xeomin โบท็อกซ์ จากประเทศเยอรมัน ที่มีความบริสุทธิ์สูงไม่มีโปรตีนผสม ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ เห็นผลชัดเจน นั้นหมายถึงความถ้าคนไข้ฉีดโบท็อกซ์ Xeomin ก็จะได้รับตัวยาโบท็อกเพียว ๆ 100 % โอกาสดื้อยาน้อยที่สุด ผลลัพธ์ให้ความธรรมชาติ ไม่เเข็งตึง มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 8 เดือน – 1 ปี ( หากเป็นเคสที่เคยดื้อยาเเล้วหยุดฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2-3 ปี คุณหมอจะเเนะนำให้ลอง Xeomin )
- Allergan โบท็อกจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก มีความบริสุทธิ์สูงเเต่ยังคงมีโปรตีนผสมอยู่เล็กน้อย โอกาสดื้อยาน้อย ผลลัพธ์เเม่นยำเป็นธรรมชาติ
- Nabota โบท็อกจากประเทศเกาหลี ราคาไม่เเรงคุณภาพเกินร้อย มีความบริสุทธิ์สูง 98.7% ได้รับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA ตัวยาออกฤทธิ์เร็ว ผลลัพธ์ไม่ทำให้ใบหน้าเเข็งตึง สามารถเเสดงสีหน้าได้อย่างปกติ
- Aestox โบท็อกจากประเทศเกาหลี ตัวนี้มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 99.5% มีโปรตีนผสมอยู่ค่อนข้างเยอะกว่ายี่ห้อ Allergan , Xeomin เเต่ก็ได้รับความนิยมไม่เเพ้กัน เหมาะสำหรับมือใหม่อยากฉีดโบเเต่มีงบจำกัด ล่าสุดผ่านการรับรองจาก อย.เกาลี อย.ไทย และ U.S.FDA เป็นที่เรียบร้อย
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดโบท็อก
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- สุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ฉีดทราบถึงปัญหาที่กังวลและสิ่งที่ต้องการในแต่ละส่วนอย่างชัดเจนก่อนฉีด เนื่องจากความต้องการที่ต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เช่น บางท่านชอบให้ตึงมาก ๆ แต่บางท่านอาจชอบให้ดูเป็นธรรมชาติ แตกต่างกันไป
-
หากเป็นไปได้ในวันฉีดควรล้างเครื่องสำอางหรือทำความสะอาดใบหน้าก่อนพบแพทย์
ขั้นตอนการฉีดโบท็อก 3 สเต็ปสู่ความสวย
- คุณหมอประเมินปัญหาพร้อมกับประเมินจำนวนยูนิตที่ต้องใช้ และกำหนดจุดที่จะฉีดโบท็อก
- ทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยและประคบน้ำแข็งบริเวณที่จะทำการฉีดโบท็อก
- คุณหมอทำการฉีดโบท็อกเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไข้อย่างเบามือ
ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก ให้ความสวยอยู่กับเราไปนาน ๆ
- หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ เป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
- งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเกิดอาการ Fushing เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ออกกำลังกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
- กรณีฉีดโบท็อกบริเวณกราม หลังฉีดให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่า ๆ กัน โดยการสลับซ้ายขวา เป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ดียิ่งขึ้น
- หลังฉีดโบท็อกได้ประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยจะมีรอยแดงจากเข็มและรอยนูนจากการฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายในเวลา 1 – 2 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์ แต่สามารถทาครีมไม่ตามปกติ
อันตรายและผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อก
ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วโบท็อกของแท้ ผ่านอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายของเรา แต่การฉีดโบท็อกนั้นก็มีความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะตามมา จะเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อก ดังนี้
- ติดเชื้อ เกิดจากการเลือกคลินิกที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดไม่สะอาด รวมไปถึงเกิดจากหมอที่ฉีดไม่ใช่หมอจริง ๆ ที่เคยได้ยินว่า หมอกระเป๋า นั่นเอง เพราะผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์จะไม่รู้จัก Sterile technique (เทคนิคการทำให้ปราศจากเชื้อโรค) ซึ่งเป็นเทคนิคที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อจากการทำหัตถการทุกชนิด
- ตาตก จะพบได้ในการฉีดโบท็อกริ้วรอยระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้เปลือกตาด้านบน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรงและตกลงมาได้ หากฉีดไม่ถูกวิธีและใช้เทคนิคที่ไม่ปลอดภัย
- มุมปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด จะพบได้จากการฉีดโบท็อกบริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการกระจายตัวไปผิดจุดของโบท็อก จะเกิดได้ทั้งการยิ้มไม่ขึ้น แสดงสีหน้าได้ไม่ปกติ หรือเรียกกันว่า หน้าแข็ง นั่นเอง
โดยสาเหตุหลักการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกดังกล่าวมานี้ เกิดได้ด้วยกันหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
- ความไม่ชำนาญของแพทย์ หากไม่ใช่แพทย์จริง ๆ หรือเป็นหมอกระเป๋า อาจเกิดความผิดพลาดในตำแหน่งที่ฉีดมีความคลาดเคลื่อนขึ้นได้
- คุณภาพของโบท็อกซ์ หากเป็นโบท็อกของแท้ ผ่านอย. ไม่ใช่ยาหิ้ว หรือยาที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าโบท็อกของปลอม
- ปริมาณในการฉีด หรือเรียกว่ายูนิต ซึ่งการฉีดในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการแข็งตึง จนไม่สามารถแสดงสีหน้าความรู้สึกได้ เช่น ยิ้มไม่สุด ไม่สามารถยกปากบนได้ ไม่สามารถยกคิ้วได้
- การไหลของโบท็อก เกิดได้จากการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกของคนไข้ เช่น การนอนราบหลังฉีดโบท็อกทันที ก็จะทำให้ตัวยากระจายไปในส่วนที่เราไม่ต้องการ จนเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมานั่นเอง นอกจากนี้ความบริสุทธิ์ของโบท็อก ก็จะส่งผลให้เกิดการไหลของตัวยาได้เช่นเดียวกัน ยิ่งตัวยาที่มีความบริสุทธิ์มาก ความเสี่ยงในการไหลก็จะลดลงด้วย
ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำสวยได้ด้วยการฉีดโบท็อก ซึ่งบุคคลไม่สามารถฉีดโบท็อกได้ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
- ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก
โบท็อก FACE LIFT VS HIFU
หลายคนคงกำลังลังเลใจว่าจะเลือกทำ HIFU หรือจะฉีดโบท็อก Face lift ดี เนื่องจากทั้งสองอย่างนี้มีฤทธิ์ในการยกกระชับเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์ของทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน จะต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน มาทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
-
การยกกระชับ HIFU ลงลึกกว่าโบท็อก Face lift จึงทำให้มีแรงดึงใบหน้าที่มากกว่า
- HIFU เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง พลังงานลงลึกถึงใต้ผิวหนังถึงชั้น SMAS ช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างล้ำลึก ทำให้มีแรงดึงได้มากกว่าการฉีดโบท็อกลิฟท์กรอบหน้า ซึ่งจะช่วยยกหน้าแค่เพียงชั้นผิวตื้น ๆ เท่านั้น
-
HIFU กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน HIFU ในขณะที่โบท็อกทำให้ผิวชั้นบนตึงขึ้น
- เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานไปใต้ผิวหนังจึงจะช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งและแน่นฟูขึ้น และ HIFU สามารถยิงลงบนผิวหนังได้ทั่วใบหน้า ซึ่งโบท็อกจะไม่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำได้เพียงบริเวณกรอบหน้า
-
ผลลัพธ์ มีความแตกต่างกัน
- HIFU จะสามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล โดยสามารถทำซ้ำได้หากมีความหย่อนคล้อยสูง ส่วนผลลัพธ์ของโบท็อก Face lift อยู่ได้สั้นกว่า HIFU เพราะโบท็อก Face lift ทำงานในชั้นที่ตื้นกว่า
- ค่าใช้จ่าย การฉีดโบท็อกเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด เพราะจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการทำ HIFU จึงทำให้การฉีดโบท็อกเป็นที่นิยมมากว่านั่นเอง
โบท็อก VS ฟิลเลอร์
ทั้ง 2 สิ่งนี้อยู่คู่กับสาว ๆ มานาน แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจในความแตกต่างของ โบท็อก และ ฟิลเลอร์ วันนี้เราจะมาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันค่ะ
- ผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์ของ โบท็อก และ ฟิลเลอร์ มีความแตกต่างกัน อย่างที่กล่าวมาคือโบท็อกซ์จะช่วยในการลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง และช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดย่น ให้กลับมาเรียบเนียนตึงได้อีกครั้ง โบท็อกจึงเปรียบเสมือนเตารีด ส่วนการฉีดฟิลเลอร์เปรียบเสมือนการสร้างบ้าน และเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปให้ดูสมส่วนและมีมิติยิ่งขึ้น
- ตำแหน่งที่ฉีด โบท็อกและฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายจุด ดังนี้
ตำแหน่งการฉีดโบท็อก
- ลดกราม
- ลิฟท์กรอบหน้า
- ลดน่อง
- ลดริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว
- ผิวหนังบริเวณคอ มือที่เหี่ยว
- บริเวณใต้วงแขนเพื่อลดกลิ่นกาย
ตำแหน่งการฉีดฟิลเลอร์
-
ปัญหาปากบาง ปากไม่เป็นทรง
หลังฉีดฟิลเลอร์ ริมฝีปากจะดูอวบอิ่ม กระจับคมชัด มุมปากยก เพิ่มความหวานละมุนให้กับใบหน้า เวลายิ้ม เวลาพูด ก็จะดูมีเสน่ห์ ทาลิปสวยมากขึ้น -
ปัญหาใต้ตาดำ เป็นร่องลึก
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอิ่มฟูขึ้น หน้าดูสดใส ดูเด็กลง ความโทรม ความหมองคล้ำจะจางลงทันที -
ปัญหาคางสั้น คางตัด
หลังฉีดฟิลเลอร์รูปหน้าจะเปลี่ยนทันที หน้าเรียว V-shape ได้สักส่วนที่ดีมากขึ้น ผลลัพธ์หลังทำดีไม่เเพ้การผ่าตัดศัลยกรรมคางเลยก็ว่าได้ -
ปัญหาร่องแก้มลึก
หลังฉีดฟิลเลอร์ นอกจากจะช่วยเรื่องใบหน้าอิ่มฟูเเล้ว ยังได้ความหน้าเด็กควบคู่มาด้วย หมดปัญหาหน้าดูเเก่กว่าวัย -
ปัญหาขมับตอบ
หลังฉีดฟิลเลอร์ โหงวเฮ้งของใบหน้าจะเปลี่ยนทันที หน้าจะดูละมุนมากขึ้น ดูสดใสเอิบอิ่ม หมดปัญหาหน้าโทรม หน้าแก่กว่าวัย
เช็กก่อนสวย โบท็อกของแท้ต้องดูอะไรบ้าง
หลายคนที่คิดจะทำสวยด้วยการฉีดโบท็อก ก็คงมีเรื่องหนักใจอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับโบท็อกที่เราจะฉีดไป เป็นของแท้ ผ่าน อย. มีคุณภาพจริงหรือเปล่า เนื่องจากช่วงนี้มีโบท็อกระบาดเยอะมากจนน่ากังวลใจ วันนี้เรามีเทคนิคเช็กโบท็อก Aestox ของแท้ต้องดูอะไรบ้าง ? จาก คุณหมอไอซ์ แพทย์ด้านการปรับรูปหน้าและดูแลผิวพรรณจาก Sowon Clinic มาฝากกันค่ะ
- หน้ากล่องเขียนยี่ห้อเขียนว่า Aestox
- ข้างกล่องมีอักษรสีเเดงว่าเขียนว่า ยาควบคุมพิเศษ
- บนกล่องจะมี hologram สามารถขูดเเละสแกนเพื่อเช็คว่าเป็นของเเท้
- ภายในกล่องจะมีฉลากยา เป็นภาษาไทยเนื่องจาก อย.ไทยเป็นคนบรรจุ
-
ก้นกล่องจะมีเลขวันผลิตเเละวันหมดอายุ เเละข้างขวดก็จะมีเลขวันผลิตวันหมดอายุ
ทั้ง 2 เลขต้องตรงกัน
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ?! เทคนิคเลือกคลินิกฉีดโบท็อก
- ประสบการณ์เเละฝีมือของเเพทย์
เทคนิคเเละประสบการณ์ของเเพทย์ถือเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ ให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้เลย ว่า..ไม่ใช่เเพทย์ทุกคนที่จะ ฉีดโบท็อก ได้ ดังนั้นเเพทย์ที่เราเลือกต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดโบปรับรูปหน้าเเละในการวางตำแหน่งที่จะลงเข็มอย่างเเม่นยำ รวมไปถึงต้องรู้ปริมาณการฉีดโบท็อกเเต่ละตำแหน่งเป็นอย่างดีว่าจุดไหนควรใช้กี่ยูนิตนั้นเอง
- ทีมเเพทย์ให้คำเเนะนำ เเละประเมินรูปหน้าอย่างตรงไปตรงมา
เเพทย์ต้องมีความสามารถประเมินโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ได้อย่างละเอียด สามารถออกเเบบใบหน้าให้ได้สักส่วนที่พอดีเเละสวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่เซลล์ขายจนเกินไป หากเคสไหนประเมินเเล้วเห็นว่าไม่ควรทำ เเพทย์ต้องเเจ้งเเละเเนะนำอย่างจริงใจ
- การเลือกใช้ยี่ห้อโบท็อกที่ได้มาตรฐาน ผ่านอย. ของจริงตรวจสอบได้
ทางคลินิกควรแกะกล่องเปิดขวดให้คนไข้ดูต่อหน้า ให้เห็นเลยว่าเป็นของใหม่ เพื่อความชัวร์ว่าโบท็อกที่เราเลือกสะอาดปลอดภัยไร้สิ่งเจือปน
- คลินิกที่ให้บริการต้องได้มาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้
คลินิกที่เปิดให้บริการความงามต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการ จากกระทรวงสาธารณสุข อุปกรณ์เครื่องมือในการรักษาหรือพื้นที่ทำหัตถการต้องสะอาด กว้างขวาง
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ เเละตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริง
- โบท็อกราคา มีความเหมาะสมไม่ถูกหรือเเพงจนเกินไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหารูปหน้าของคนไข้ที่ต้องการเเก้ไขเเละปริมาณที่เเพทย์ ประเมินเบื้องต้นเเล้วว่าควรใช้กี่ยูนิต ซึ่ง 2 อย่างนี้ต้องสมดุลกันนั้นเองค่ะ
- ช่องทางการติดต่อสื่อสาร สะดวกรวดเร็ว