วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 03 เม.ย. 2023 11.33 น. บทความนี้มีผู้ชม: 596 ครั้ง

การเรียนต่อนั้นมีหลายสิ่งที่เราต้องรู้ แต่เมื่อเรารู้แล้วก็จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเปิดโอกาสให้ชีวิต


การไปเรียนต่ออเมริกาในระดับปริญญาตรีต้องใช้เวลานานแค่ไหน มีหลักสูตรอะไรให้เลือกบ้าง บทความนี้มีคำตอบ

น้องๆ ทราบกันแล้วหรือยังคะ ว่าการเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกานั้น จะต้องใช้เวลาเรียนกี่ปี มีหลักสูตรไหนให้เลือกบ้าง และจะเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาที่มหาวิทยาลัยไหนดี เรามาร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน ผ่านบทความเรื่องนี้กันได้เลย

การไปเรียนต่ออเมริกาในระดับปริญญาตรีให้อะไรดีๆ กับชีวิตของเราเยอะมาก

หากน้องๆ คิดว่าตัวเองไม่สามารถไปเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาได้ เพราะว่าน้องๆ นั้นไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษแล้วล่ะก็ ต้องบอกเอาไว้ ณ ตอนนี้เลยค่ะว่าไม่จริง เพราะทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของน้องๆ นั้นสามารถดีขึ้นได้ ด้วยการฝึกฝนและพยายามอย่างถูกวิธี และก่อนที่จะเริ่มเรียนต่ออเมริกาในระดับปริญญาตรีแบบจริงจัง เราก็สามารถไปลงทะเบียนเรียนคอร์สปรับพื้นฐานทางภาษาอังกฤษก่อนได้ ซึ่งถ้าน้องๆ ผ่านความยากของจุดนี้ไปได้ และได้เรียนต่ออเมริกาในระดับปริญญาตรีจนสำเร็จการศึกษา ประตูแห่งโอกาสของการทำงานในทุกๆ ประเทศทั่วโลก ก็ได้เปิดกว้างรอรับน้องๆ ให้เข้าไปสัมผัสโลกแห่งการทำงานของผู้ใหญ่ ที่ใครๆ ก็อยากได้ตัวน้องๆ ไปร่วมงานแล้วค่ะ พอมีงาน มีเงิน จากนี้ก็จะสามารถมีอิสรภาพที่จะทำอะไรตามที่ใจต้องการได้แล้ว

เรียนต่ออเมริกา
 

คอร์สเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา มีกี่ประเภท

อีกหนึ่งสิ่งที่น้องๆ ต้องรู้ก่อนบินลัดฟ้าไปเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา น้องๆ ต้องรู้ก่อนว่าหลักสูตรสำหรับเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา ที่น้องๆ สามารถเลือกเรียนได้นั้น มีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ทั้งแบบเรียนปกติ 4 ปี เรียนแบบ Community College ก่อนแล้วย้ายไปเรียน University และเรียนหลักสูตรอาชีวะเพื่อประกอบอาชีพ
 

การเรียนใน มหาวิทยาลัย 4 ปี

น้องๆ อาจจะยังไม่ทราบ ว่าการเรียนระดับปริญญาตรีอเมริกาเรียนกี่ปีถึงจะจบ บอกได้เลยว่าจำนวนปีนี่ไม่มากไม่น้อยไปกว่าระยะเวลาในรั้วมหาวิทยาลัยของประเทศไทยสักเท่าไหร่ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว นักศึกษาสามารถสำเร็จการศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ภายในระยะเวลา 4 ปี แต่อาจจะมีกรณีพิเศษเฉพาะบางคนที่มีความสามารถพิเศษ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มีความเป็นอัจฉริยะ ก็อาจจะสามารถใช้เวลาเรียนที่สั้นกว่านี้ได้ และเคยมีการมอบสิทธิพิเศษให้กับเด็กอัจฉริยะบางคนพาสชั้นไปเรียนระดับปริญญาโทและปริญญาเอกได้เลย โดยไม่ต้องเรียนในระดับปริญญาตรี ถึงแม้ว่ากรณีเช่นนี้นั้นก็เคยเกิดขึ้นมาน้อยมากๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย ส่วนคนที่ชอบท่องเที่ยวหาประสบการณ์ หรือมีผลการเรียนที่ย่ำแย่ ก็อาจจะต้องใช้เวลาเรียนมากกว่า 4 ปี ถึงจะสำเร็จการศึกษาได้เช่นกัน

เรียน Community College ก่อนแล้วย้ายไปเรียน University

คนงบน้อยมักจะเลือกเรียนที่ Community College ก่อน 2 ปี แล้วย้ายไปเรียน University อีก 2 ปี ก่อนที่จะเข้ารับปริญญา และได้ใบหลักรองหลักฐานการสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เพราะ Community College นั้นสามารถเข้าเรียนได้ง่ายมากๆ เกรดน้อย ทักษะภาษาไม่ดี Community College ก็ยังรับเข้าเรียน แถมค่าเทอมก็ถูกกว่า University หลายเท่าตัว ใครอยากได้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มเติม สามารถเข้าไปชมซีรีย์เรื่อง To All the Boys I’ve Loved Before ทาง Netflix ได้ ในตอนที่นางเอกของเรื่องกำลังจะจบไฮสกูล แล้วพยายามที่จะไปเรียนที่เดียวกันกับพระเอก จะได้ความรู้เรื่องการเลือกเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐแบบต่างๆ เยอะมากๆ

หลักสูตร Associate of Applied degree (vocational)

ปิดท้ายด้วยหลักสูตร Associate of Applied degree (vocational) หรือหลักสูตรอาชีวะเพื่อการประกอบอาชีพ สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบเขียนบทความและไม่อยากทำงานวิจัย แต่อยากไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่อเมริกา บอกได้คำเดียวเลยว่า หลักสูตร Associate of Applied degree (vocational) นี่เหมาะกับน้องๆ มาก โดยหลักสูตรที่น่าสนใจก็คงจะหนีไม่พ้นพวกงานบริการ การโรงแรม และพวกงานคหกรรม ทำอาหารและเบเกอรี่ต่างๆ ที่น้องๆ สามารถนำความรู้กลับมาใช้ต่อได้ที่ประเทศไทย หรือไม่อย่างนั้น ก็ยังมีพวกวิชางานช่าง เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างประชา ช่างไม้ ช่างโลหะ และงานจิปาถะที่สามารถนำไปใช้ในการทำงานในโรงงานได้ บรรจุเอาไว้ในหลักสูตรอาชีวะของหลักสูตร Associate of Applied degree (vocational) อีกด้วย

เรียนต่อประเทศอเมริกา

 

รูปแบบของ University เรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา

รูปแบบของ University เรียนต่อปริญญาตรีอเมริกานั้นไม่ซับซ้อน โดยมีมหาวิทยาลัย 3 ประเภทด้วยกัน คือ มหาวิทยาลัยของรัฐบาล(Public University) มหาวิทยาลัยของเอกชน(Private University) และวิทยาลัย(Liberal Arts Colleges)

Public University

ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยของรัฐบาล (Public University) ในระดับปริญญาตรีของประเทศสหรัฐอเมริกาจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเท่ากับมหาวิทยาลัยของเอกชน(Private University) ที่เป็นศูนย์รวมของมหาวิทยาลัยระดับตัวท็อปในนามไอวี่ลีกส์ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามหาวิทยาลัยของรัฐบาล (Public University) ในระดับปริญญาตรีของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมาตรฐานในการจัดการศึกษาที่ดีในระดับต้นๆ ของโลก เพราะมีแหล่งเงินทุนสำหรับให้นักศึกษาสามารถรับไปเพื่อทำการวิจัยเป็นจำนวนมาก แถมยังช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ หากว่านักศึกษาสนใจอยากเรียนรู้เรื่องอื่นใดเป็นพิเศษ ผ่านการยื่นคำร้องหรือเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา ก่อนเข้าสู่ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีหน่วยงานพิเศษคอยพิจารณาว่าสามารถให้ความช่วยเหลือได้ในรูปแบบใดบ้าง นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยของรัฐบาล (Public University) ในระดับปริญญาตรีของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังมีทุนการศึกษามอบให้กับนักศึกษาจากประเทศแบบที่ไม่ต้องใช้ทุนคืนเป็นประจำทุกปี การสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐบาล (Public University) ในระดับปริญญาตรีของประเทศสหรัฐอเมริกา จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่เรียนเก่ง แต่ขาดทุนทรัพย์

Private University

มหาวิทยาลัยของเอกชน(Private University) เรื่องมหาวิทยาลัยเอกชนของอเมริกานี่ยืนหนึ่งเรื่องความฮอตกันอยู่แล้ว ซึ่งนักศึกษาที่อยากเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของเอกชน(Private University) ในสหรัฐอเมริกานั้นก็มีเยอะมากๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะไอวีลีกส์ มหาวิทยาลัยเบอร์ต้นระดับ 10 อันดับแรกของอเมริกานั้นมาเรียงคิวอัดแน่นกันอยู่ในรั้วเครือเถาองุ่นแห่งนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยมหาวิทยาลัย Havards, MIT, Yale และมหาวิทยาลัยในเครือ แต่ที่ยิ่งใหญ่และใหญ่ยิ่งไม่แพ้กัน ก็คือ ค่าเทอมของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ ที่แพงชนิดหูดับตับไหม้กันเลยทีเดียว บางคณะนี่จ่ายค่าเทอมกันปีนึงเป็นล้านบาท ทำให้คนที่สามารถเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้ นอกจากจะต้องเก่งมากๆ จนสามารถขอทุนมาเรียนได้ ก็จะต้องเป็นลูกเศรษฐีกระเป๋าหนัก ที่สามารถจ่ายเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาในระดับมหาโหดแบบนี้ได้นั่นเอง

Liberal Arts Colleges

ปิดท้ายด้วยการศึกษาในวิทยาลัย(Liberal Arts Colleges) พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นมหาวิทยาลัยชุมชนตามท้องถิ่น ที่เปิดการเรียนการสอนเฉพาะทาง เช่น วิทยาลัยที่สอนด้านการแสดง การร้องเพลง เต้นรำ รวมไปถึงวิทยาลัยการกีฬาต่างๆ ซึ่งคนดังของไทยบางคน ก็ไปเรียนหลักสูตรครูสอนเต้นบัลเลย์ก่อนที่จะกลับมารับบทนางเอกในวงการบันเทิงไทยจนดังเปรี้ยงปร้างมาแล้ว
เรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา
 

แนะนำ เรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรี มหาลัยไหนดี

หากจะให้แนะนำว่า จะเรียนต่ออเมริกาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยไหนดี ทางทีมงานก็ยอมรับว่า คงหนีไม่พ้น Harvard, MIT และ Yale เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ บุคลากรมีคุณภาพ แถมยังมีแหล่งการเรียนรู้ที่ครบเครื่อง ทั้งห้องสมุดขนาดยักษ์ที่นักศึกษาจะใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปค้นคว้าและทำการบ้าน มีห้องแลปที่ทันสมัยให้นักศึกษาได้ทำการทดลอง งบวิจัยพร้อมสรรพ มีอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง อย่างตอนช่วงโควิดใหม่ๆ ต้องปิดมหาวิทายาลัยไปเรียนที่บ้าน MIT ก็ถึงกับแจกแว่น VR ของ Oracle ไปให้นักศึกษาได้ใช้ เพื่อที่จะได้สามารถเข้าประชุมมาร่วมอภิปรายหัวข้อทางวิชาการกันเป็น 100-200 ชุดมาแล้ว

 

สรุป

หากน้องๆ รู้สึกสนใจอยากเรียนต่ออเมริกาในระดับปริญญาตรี แต่อยากขอข้อมูลอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อพี่ๆ ทีมงาน GENT ที่พี่เบสท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท GENT ได้โดยตรงที่เบอร์ 062-656-5996 เราพร้อมเคียงข้าง และให้คำปรึกษากับน้องๆ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที