วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 18 มี.ค. 2024 02.03 น. บทความนี้มีผู้ชม: 672998 ครั้ง

ผิวแห้งคัน ปัญหาคันยุบยิบที่รักษาให้หายได้


เสริมจมูก ศัลยกรรมความงามยอดฮิต ยิ่งรู้ลึกก็ยิ่งสวยใสปลอดภัยหายห่วง

เสริมจมูก


หลายคนอาจจะมีปัญหากับจมูก ไม่ว่าจะเป็นจมูกงุ้ม จมูกโต หรือจมูกสั้น ก็ล้วนแต่ทำให้ขาดความมั่นใจ ดังนั้น จึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการเสริมจมูก ซึ่งเป็นการศัลยกรรมความงามที่ช่วยให้ใบหน้าดูสมบูรณ์โดดเด่นมากขึ้น ทำให้ดั้งโด่งเป็นธรรมชาติ เสริมความมั่นใจและปรับโหงวเฮ้ง โดยบทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักการเสริมจมูกให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่า เราควรจะใช้เทคนิคอย่างไร หรือเสริมให้จมูกเป็นทรงอย่างไรดี พร้อมแล้วก็ไปกันเลย


การเสริมจมูก คือ ?

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) หรือ ทำจมูก คือ การผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลง แก้ไข และตกแต่งรูปทรงจมูกเดิม ให้สวยขึ้น เพิ่มความโด่ง ความมีมิติ รวมไปถึงการแก้ไขรูปทรงที่เป็นปัญหา ด้วยการเสริมวัสดุ เช่น ซิลิโคน (Silicone), กอร์เท็กซ์ (Gore-tex), เม็ดพอร์ (Medpor) หรือกระดูกอ่อน ด้วยเทคนิคต่าง ๆ

ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีปัญหาจมูกแบบใด เช่น จมูกฮัมพ์ จมูกงุ้ม จมูกโต จมูกสั้น เนื้อน้อย ก็สามารถแก้ไขรูปจมูกที่ผิดปกติ จมูกไม่ได้สัดส่วน ช่วยแก้ไขโครงสร้างจมูกที่มีปัญหา ทั้งจากความบกพร่องแต่กำเนิดและอุบัติเหตุได้ เพื่อเสริมความงาม เพิ่มความมั่นใจ และเสริมโหงวเฮ้ง สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เสริมจมูก


เทคนิคเสริมจมูก 3 เทคนิค

เทคนิคเสริมจมูก

การเสริมจมูกในทางการแพทย์ แบ่งออกเป็น 3 เทคนิค ซึ่งแต่ละเทคนิคมีรายละเอียดขั้นตอนและเหมาะกับสภาพจมูกที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

1. เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) หรือที่เรียกว่า “เสริมจมูกแบบโอเพ่น” เป็นการเปิดจมูกเข้าไป เพื่อปรับโครงสร้างของกระดูกอ่อนจมูกโดยตรง โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูกและกรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก แยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูก และทำการปรับแต่งโครงสร้างเดิมที่มีปัญหาก่อนการเสริมจมูก

เทคนิคนี้เหมาะกับการแก้ปัญหาโครงสร้างจมูกเดิม เช่น กระดูกฮัมพ์นูน จมูกงุ้ม จมูกโต จมูกสั้นแหงน ปลายจมูกโด่งเกินไป โครงสร้างจมูกใหญ่ รวมถึงฐานเดิมเบี้ยวเอียง หรือคด เรียกได้ว่า เป็นเทคนิคที่เคลียร์ปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจมูกแบบไหนก็ตาม เนื่องจากคุณหมอได้เปิดเข้าไปแก้ไขที่โครงสร้างโดยตรง

และที่สำคัญ เทคนิคนี้แทบจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ การผ่าตัดรูปแบบนี้จะมีความยากและซับซ้อนกว่า ดังนั้น คนไข้จึงควรเลือกแพทย์ที่ชำนาญ และมีประสบการณ์ในด้านนี้โดยตรง อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคนที่ไม่จำเป็น ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงสามารถใช้เทคนิคยืดผนังกั้นจมูก ตอกฐานจมูก และบีบเข้ามาเพื่อให้สันจมูกดูเล็กลงได้

สรุปข้อดี การเสริมจมูกแบบโอเพ่น คือ สามารถแก้จมูกได้แทบทุกรูปแบบ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่โครงสร้างภายในจมูก โดยเฉพาะปัญหาที่ซับซ้อน ปัญหาพังผืด จมูกบิดเบี้ยว หรือรูปทรงไม่ได้ตามต้องการ ก็สามารถแก้ไขได้ เป็นการทำให้พื้นฐานจมูกแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้การทำเสริมจมูกโด่งพุ่งขึ้นด้วย

2. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty)

การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Endonasal Rhinoplasty) เป็นการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดเปิดแผลเล็ก ๆบริเวณขอบรูจมูกเพื่อสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูก แล้วใส่แท่งซิลิโคนแท่งที่ถูกเหลาเป็นทรงเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัด พร้อมกับตกแต่งโครงสร้างภายในจมูกและปลายจมูก แผลเปิดนี้อาจเปิดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ โดยไม่ต้องการปรับโครงสร้างกระดูกอ่อนของจมูก จึงซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด 

เป็นเทคนิคที่เสริมจมูกด้วยการใช้วัสดุต่าง ๆ อย่างซิลิโคนหรือวัสดุอื่น ๆ ที่คล้ายกัน แต่ส่วนมากนิยมใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูหรือเนื้อเยื่อไขมัน มารองบริเวณปลายจมูก เพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อ ลดปัญหาปลายจมูกทะลุ

เทคนิคนี้สามารถทำได้ ในกรณีที่จมูกไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด เนื่องจากการผ่าตัดรบกวนเนื้อเยื่อน้อย และหลังทำจะมองไม่เห็นแผลเป็นจากการผ่าตัด มักใช้เวลาในการผ่าตัดราว 30 - 60 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย เรียกว่าสวยไว เจ็บตัวน้อย ปลอดภัย และราคาถูก จึงเป็นที่นิยมมากในประเทศไทย

แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ยาก อย่างเช่นในกรณีจมูกสั้นมาก จมูกงุ้มเกิน หรือในเคสที่ผ่านการผ่าตัดจมูกหลาย ๆ ครั้งแล้วยังไม่จบ มีข้อจำกัดความโด่งได้ตามกำลังของเนื้อเยื่อจมูก มักทำทรงได้ไม่โด่งพุ่งเท่าการทำจมูกด้วยวิธีแบบเปิด

3. เสริมจมูกแบบ Semi - Open

การเสริมจมูกแบบเซมิโอเพ่น Semi-Open คือ การผ่าตัดโดยเปิดแผลทั้ง 2 ด้านของรูจมูก โดยแพทย์จะผ่าตัดเปิดช่องว่างในเนื้อเยื่อจมูกแบบกึ่งเทคนิคโอเพ่น เพื่อให้แพทย์ผู้ผ่าตัดสามารถสร้างช่องว่างในการเสริมจมูกได้แม่นยำ สมมาตร ลดโอกาสเบี้ยวเอียงของซิลิโคนและลดโอกาสบาดเจ็บเนื้อเยื่อจมูกที่มากเกินความจำเป็น การบวมช้ำจึงลดน้อยลงไปด้วย แพทย์จะเห็นโครงสร้างของจมูกได้ละเอียดมากขึ้น  จึงสามารถเลือกวัสดุในการเสริมได้หลากหลาย

เป็นเทคนิคที่ใช้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง แถมยังช่วยลดระยะเวลาในการผ่าตัดในเคสแก้หรือเคสที่ยากต่อการผ่าตัด ลดโอกาสเกิดการบวมช้ำ และความเสี่ยงในการติดเชื้อ และด้วยการพักฟื้นที่น้อยกว่าและสามารถซ่อนรอยแผลผ่าตัดได้ง่ายกว่า ทำให้เป็นเทคนิคที่กำลังได้รับความนิยม

โดยมีข้อดีคือ สามารถเสริมจมูกได้เร็ว ทำให้มีอาการบวม ช้ำน้อย และการเปิด 2 ข้าง โอกาสการเอียงจะน้อยลงไปด้วย เนื่องจากหลังเสริมซิลิโคนไปแล้ว เย็บแผลปิดจะทำให้ จมูก 2 ข้างตึงเท่ากัน และช่วยให้การตะไบกระดูกจมูก ทำได้อย่างทั่วถึง  ข้อดีที่สำคัญคือ สามารถนำไปสู่การเย็บอินเตอร์โดมได้อีกด้วย

เหมาะสมกับเคสเสริมจมูกใหม่ที่ต้องการเสริมสันจมูกและปลายจมูกด้วยซิลิโคนเป็นหลัก เคสที่โครงสร้างจมูกเอียงไม่มาก เคสที่จมูกไม่สั้นมาก หรือปลายจมูกไม่ใหญ่มาก หรือสันกระดูกของจมูกไม่กว้างมาก เคสแก้จมูกที่ไม่มีปัญหาจากซิลิโคน เคสที่ไม่ต้องการผ่าตัดเป็นเวลานาน และไม่มีข้อห้ามการใช้ซิลิโคน 

 


เสริมจมูกตอกฐาน คือ ? 

การเสริมจมูกตอกฐาน เป็นเทคนิคพิเศษที่ช่วยในการศัลยกรรมจมูก ทำเพื่อปรับเปลี่ยนและจัดตกแต่งฐานจมูก แก้ปัญหาโครงสร้างและรูปทรงจมูกที่มีมาแต่เดิม เช่น การเบี้ยว การเอียง เป็นต้น เพื่อให้จมูกรับกับซิลิโคนที่ต้องการเสริมให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดโอกาสจมูกเบี้ยว เอียงและลอยของซิลิโคนจากปัญหาฐานจมูกไม่เท่ากัน 2 ข้างได้เป็นอย่างดี
 

วิธีการตอกฐานจมูกจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

การเสริมจมูกตอกฐานจมูกเหมาะสำหรับคนที่มีฐานจมูกใหญ่และกว้างเกินกว่าบริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง ทำให้จมูกดูโต ไม่ได้รูป หรือในคนที่มีฮัมพ์ ทำให้จมูกดูงองุ้ม คนที่มีแกนจมูกเบี้ยว เอียง คด ซึ่งวิธีการตอกฐานจมูกจะช่วยให้ใส่ซิลิโคนได้ง่ายขึ้น ทำให้จมูกออกมาดูตรงสวย


เปรียบเทียบการเสริมจมูกแบบเปิดกับแบบปิด 

เปรียบเทียบการเสริมจมูกแบบเปิดกับแบบปิด


จาก 2 เทคนิคที่ต่างกันอย่างชัดเจน คือ แบบเปิดและแบบปิด หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทั้ง 2 เทคนิคนี้ แบบใดดีกว่ากัน แล้วตนเองนั้น เหมาะกับเทคนิคแบบใด เราจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ดังนี้
 

การเสริมจมูกแบบโอเพ่น มีข้อดี คือ

ส่วนการเสริมจมูกแบบปิด มีข้อดี คือ

ส่วนข้อเสียของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น คือ

ส่วนข้อเสียของการเสริมจมูกแบบปิด คือ


วัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมจมูก 

การเสริมจมูกนั้น เราสามารถเลือกวัสดุมาใช้ได้อย่างหลากหลาย แต่วัสดุที่เป็นที่นิยมหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ
 

1. ซิลิโคน 

ซิลิโคนมีส่วนผสมหลัก เป็นธาตุ Silicon ซึ่งมีความปลอดภัย และยืดหยุ่น สามารถนำมาใช้ทำเป็นซิลิโคนจมูกทรงต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนจมูกแมนทิสหรือทรงตั๊กแตน ซิลิโคนจมูกบราว (Brown Silicone) ซิลิโคนจมูกทรงบาร์บี้ ซิลิโคนจมูกซินเดอเรลลา เป็นต้น
 

ซิลิโคนจมูก หากแบ่งตามการใช้งานของแพทย์จะมี 2 แบบ ได้แก่

2. กระดูกอ่อน 

นอกจากจะเลือกใช้ซิลิโคนแล้ว เรายังสามารถใช้กระดูกอ่อนภายในร่างกายของเรามาเสริมจมูกได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระดูกอ่อนหลังใบหู กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก (Septum) หรือกระดูกอ่อนซี่โครง โดยการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไป โดยผู้ป่วยอาจต้องดมยาสลบ และหลังผ่าตัดต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน
 

ข้อดีของการใช้กระดูกอ่อน คือ มีความปลอดภัยเพราะเป็นเนื้อเยื่อของคนไข้เอง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสที่ร่างกายจะแพ้ หรือต่อต้านเลย เมื่อระยะเวลาผ่านไปร่างกายก็จะทำการสมานจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ยิ่งนานวันก็ยิ่งดูสวยเป็นธรรมชาติ
 

ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงที่ปลายจมูกจะทะลุในระยะยาว เพราะเป็นการเพิ่มความหนาของผิวหนังบริเวณปลายจมูก ป้องกันไม่ให้ซิลิโคนกระทบกับผิวหนังปลายจมูกโดยตรง ลดการเสียดสี และเป็นวิธีที่ทำให้ปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น


ทรงจมูกยอดนิยมในปี 2023 

ทรงเสริมจมูก

 

การเสริมจมูกเป็นการปรับรูปทรงของจมูกให้เป็นไปตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงามหรือเสริมโหงวเฮ้ง เราสามารถเลือกทรงจมูกได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นจมูกทรงเกาหลี ทรงจมูกธรรมชาติ หรือแม้แต่ทรงจมูกผู้ชาย ก็สามารถปรับแต่งเพิ่มความมั่นใจได้ ซึ่งทรงจมูกที่กำลังเป็นที่นิยมในปี 2023 ได้แก่


เตรียมความพร้อมก่อนเสริมจมูก

ก่อนการเสริมจมูก เราจะต้องรู้ว่า ควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้การเสริมจมูกนั้น ประสบความสำเร็จมากที่สุด และลดความเสี่ยงที่เราจะแพ้ หรือหายช้าลงไปด้วย ดังนี้

  1. แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด ได้แก่ ปัญหาสุขภาพ โรคร้ายแรง / โรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัดและการได้ยาระงับความรู้สึก ฟันโยก ฟันปลอม และปัญหาเกี่ยวกับฟัน การแพ้ยา / แพ้อาหาร และอื่น ๆ
  2. ในกรณีมีภาวะเสี่ยงหรือโรคประจำตัวจะมีการเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการผ่าตัดและดมยาสลบ ได้แก่ การเอกซเรย์ การตรวจเลือด การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรม
  3. งดใช้ยา ยาบำรุง สมุนไพรบางชนิดที่อาจมีผลกับการผ่าตัด ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน และนำยาประจำตัวและยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่รับประทานมาโรงพยาบาลเพื่อแจ้งแพทย์ในวันผ่าตัด เช่น ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน วิตามินดี วิตามินซี น้ำมันตับปลา และอื่น ๆ  ที่มีผลต่อการไหลของเลือด (เลือดหยุดช้า) หลังผ่าตัด
  4. งดสูบบุหรี่ ก่อนการผ่าตัดประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เนื้อเยื่อตายได้ ถ้าสูบบุหรี่จัดต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที และควรงดสูบบุหรี่หลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  5. หยุดดื่มสุรา ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด และควรหยุดดื่มสุราหลังผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  6. อาบน้ำชำระร่างกายและสระผมให้สะอาด
  7. ห้ามใช้เครื่องสำอาง งดแต่งหน้า งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวนบนร่างกาย
  8. งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดตามแพทย์สั่ง เพื่อป้องกันการสูดสำลักน้ำย่อยหรือเศษอาหารจากกระเพาะอาหารเข้าไปสู่ปอดระหว่างการได้รับยาระงับความรู้สึก
  9. งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  10. งดรับประทานทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะจะส่งผลต่อการอักเสบของแผล

ขั้นตอนการเสริมจมูก

ขั้นตอนการเสริมจมูก


เมื่อเราเตรียมตัวพร้อมเรียบร้อย ทีนี้ เราก็มาดูว่า ในการเสริมจมูกนั้น มีขั้นตอนอย่างไรกันบ้าง

  1. ทำประวัติกับทางคลินิก เข้ารับคำปรึกษาเรื่องทรงจมูกและเทคนิคต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ โดยทางศัลยแพทย์จะเป็นผู้ทำการประเมินพร้อมกับดูทรงจมูกที่ทางคนไข้ต้องการควบคู่ไปด้วย
  2. ก่อนผ่าตัดแพทย์จะทำการซักถามประวัติคนไข้ เช่น ประวัติแพ้ยา ประวัติโรคประจำตัว ฯลฯ และระหว่างนี้แพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างใบหน้าและจมูก เพื่อวางแผนการผ่าตัด เช่น การเหลาซิลิโคนจมูกหรือวัสดุที่นำมาใช้เสริมจมูก ฯลฯ ที่ทำให้จมูกออกมารับกับใบหน้าได้มากที่สุด 
  3. ให้ยาชาหรือยานอนหลับ จะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัด แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าจะใช้ยาชาหรือยาชาร่วมกับยากล่อมประสาท เช่น หากใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดจะต้องใช้การวางยานอนหลับโดนวิสัญญีแพทย์ ส่วนการผ่าตัดแบบปิดจะเป็นการฉีดยาชาเฉพาะจุด
  4. ในกระบวนการผ่าตัดเสริมจมูก แพทย์จะใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไปเพื่อแก้ไขตามปัญหาของแต่ละเคส ตั้งแต่การเหลาซิลิโคน การเปิดแผล ปรับโครงสร้าง ตกแต่ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 - 3 ชั่วโมง 
  5. หลังจากแก้ไขจมูกเสร็จเรียบร้อย แพทย์ทำการเย็บปิดแผล ดามเฝือกอ่อนจมูก และให้ยาปฏิชีวนะ เมื่อคนไข้รู้สึกตัวดีขึ้น สามารถเดินทางกลับบ้านได้
  6. ใช้เวลาพักฟื้น 5 - 7 วัน ระหว่างนี้คนไข้สามารถดูแลทำความสะอาดแผลได้ด้วยตัวเอง ก่อนนัดมาติดตามผลและตัดไหม

เสริมจมูกพร้อมตัดปีกจมูก 

นอกจากนี้ ยังมีการเสริมจมูกพร้อมตัดปีกจมูกอีกด้วย โดยการผ่าตัดปีกจมูกเป็นหัตถการที่สามารถทำควบคู่ไปกับการแก้ไขโครงสร้างจมูกต่าง ๆ หรือ การเสริมจมูก แต่ในกรณีที่มีสันจมูกหรือทรงจมูกที่สวยงามอยู่แล้ว แต่มีปัญหาเรื่องปีกจมูกบานเพียงอย่างเดียวก็สามารถเลือก “ตัดปีกจมูก” อย่างเดียวก็ได้ เพื่อให้จมูกได้รูปทรงที่สวยงาม มีมิติ และปีกจมูกที่ดูเรียวเล็ก
 

การตัดปีกจมูก โดยส่วนมากจะแก้ไขเฉพาะส่วนปีกด้านข้าง ซึ่งมีผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้น และซ่อนแผลไว้บริเวณขอบของปีกจมูก ซึ่งในการตัดปีกจมูกจะต้องคำนึงถึงความสมดุลกับจมูกส่วนบน และสันจมูกหลังทำจะช่วยให้รูจมูกเล็กลงด้วย ซึ่งการตัดปีกจมูกราคาก็เบากว่าอีกด้วย
 

ขั้นตอนในการตัดปีกจมูก

  1. ปรึกษาแพทย์และวางแผนการผ่าตัดร่วมกัน ก่อนจะทำความสะอาดโพรงจมูก และบริเวณที่จะผ่าตัด
  2. ศัลยแพทย์จะให้ยานอนหลับชนิดที่มีฤทธิ์สั้นนำไปก่อน เพื่อให้ผู้มารับการรักษาคลายความวิตกกังวลและไม่รู้สึกเจ็บขณะฉีดยาชา จากนั้นศัลยแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณปีกจมูก เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แล้วจึงจะทำการผ่าตัดในการผ่าตัดปีกจมูก 
  3. ศัลยแพทย์จะตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ปีกจมูกออก และจัดโครงสร้างฐานปีกจมูกใหม่ ใช้เวลาในการผ่าตัด 30-45 นาที (เฉพาะการตัดปีกจมูก)
  4. เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเย็บปิดแผล โดยซ่อนรอยแผลไว้บริเวณขอบของปีกจมูก
  5. หลังทำศัลยแพทย์จะให้นอนพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง จนกว่ายานอนหลับจะหมดฤทธิ์ จากนั้นจึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
  6. ทำการนัดหมายให้กลับมาติดตามผลและตัดไหมหลังจากผ่าตัด 1 สัปดาห์

วิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก

หลังจากที่คุณเสริมจมูกมาแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกให้ดี โดยมีวิธีการ ดังต่อไปนี้


สรุป

สรุปเสริมจมูก

การเสริมจมูก เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อตกแต่งรูปทรงจมูกเดิมให้สวยขึ้น ทั้งเสริมความงาม เพิ่มความมั่นใจ และเสริมโหงวเฮ้งให้แก่เจ้าตัว โดยที่เราควรจะศึกษาข้อมูล เตรียมความพร้อมของร่างกาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

 


 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที