ถ้าใครที่มีปัญหาทางสายตาและกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการรักษา ในปัจจุบันนี้คงหนีไม่พ้นการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดก็มีหลายวิธีให้เลือก มีทั้งแบบของการผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ มีข้อดีคือเจ็บตัวน้อยกว่า หรือบางคนจะผ่าตัดด้วยใบมีดก็ได้เช่นกัน แต่การจะเลือกรักษาด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน และการรักษาภาวะสายตาผิดปกติที่รู้จักกันดีและทันสมัยที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นการผ่าตัดด้วยวิธี ReLEx SMILE เรามาดูกันเลยว่าวิธีผ่าตัดแบบนี้มีข้อดีอย่างไร
ReLEx SMILE ย่อมาจากคำว่า Refractive Lenticule Extraction และ Small Incision Lenticule Extraction หรือเรียกว่า เลสิคแบบไร้ใบมีด คือ นวัตกรรมรูปแบบใหม่เป็นการรักษาสายตาผิดปกติด้วยแสงเลเซอร์ (Femtosecond Laser) แก้ปัญหาสายตาสั้น รวมไปถึงการรักษาสายตาเอียงและเป็นวิธีการผ่าตัดที่พัฒนาต่อจากการผ่าตัดวิธี LASIK (เลสิค) และ FemtoLASIK ซึ่งจะแตกต่างจากแบบเดิม ๆ มีความแม่นยำสูง ทำให้วิธีนี้ลดภาวะแทรกซ้อนลงไปได้
โดย ReLEx SMILE เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2004 โดย Carl Zeiss Meditec และคณะ เพื่อสร้างเลเซอร์ในการตัดเลนส์ภายในกระจกตาให้ดีขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นประสบความสำเร็จในการทดลองกับสัตว์ ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 จึงได้เริ่มการรักษากับคนในคลินิกที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเริ่มรักษาในคน
ในเวลาต่อมา ก็ได้มีการศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบการสแกนของเลเซอร์ การเพิ่มความถี่ ลดพลังงานของเลเซอร์ รวมถึงการปรับปรุงขั้นตอนการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย จนสำเร็จเป็น ReLEx SMILE และได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับการรักษาภาวะสายตาสั้น ในปี ค.ศ. 2016
การทำเลสิค ReLEx SMILE นี้ ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ผู้สนใจจะต้องทำความเข้าใจ ก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อเป็นการเตรียมตัวและทราบข้อควรระวังที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เรามาดูกันเลยว่าข้อดีของการทำ ReLEx SMILE มีอะไรบ้าง
ข้อจำกัด หรือข้อเสียของ ReLEx SMILE มีดังนี้
ReLEx SMILE ไม่สามารถรักษาปัญหาทางสายตาให้แก่ทุกคนได้ ดังนั้น จึงมีข้อควรระวังและประเมินตนเองเสียก่อนว่า ตัวเราสามารถเข้ารับการรักษาด้วยเลสิค ReLEx SMILE หรือไม่ โดยเราได้ทำสรุปบุคคลที่ควรทำไว้ ดังนี้
1. ผู้ที่มีค่าสายตาสั้นหรือสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง สายตาสั้นสูงสุด (ไม่เกิน) - 10 D (รวมสายตาเอียงสูงสุด 5 D)
2. มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี กรณีนี้ถ้าผู้เข้ารับการรักษาอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันตรวจ และวันผ่าตัด
3. อายุสูงสุดไม่เกิน 55 ปี ส่วนผู้ที่มีสายตาสั้นและอายุเกิน 40 ปีขึ้นไปที่มีภาวะสายตายาวตามอายุ หากต้องการผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธี ReLEx SMILE มีอยู่ 2 ทางเลือกคือ ทำทั้งสองข้าง เพื่อแก้ค่าสายตาสั้นและใช้แว่นตาในการอ่านหนังสือเพื่อช่วยในการมองใกล้ หรือทำ ReLEx ข้างหนึ่งให้ค่าสายตาใกล้เคียงปกติเพื่อให้มองชัดในที่ไกล และอีกข้างทำให้เหลือค่าสายตาสั้นไว้ช่วยมองใกล้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าสายตาและอายุด้วย ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินถึงความเหมาะสมว่าสามารถใช้วิธีนี้ได้หรือไม่
4. ไม่มีโรคเกี่ยวกับกระจกตา เช่น โรคกระจกตาย้วย ตาแห้งอย่างรุนแรง และโรคตาอย่างอื่น เช่น จอประสาทตาเสื่อม
5. ไม่มีโรคทางร่างกายที่มีผลต่อการหายของแผล เช่น โรค SLE, โรค Sjogren's syndrome, โรคสะเก็ดเงิน, โรคภูมิคุ้มกันเกินอื่นๆ รวมถึงโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
6. ไม่อยู่ในช่วงใช้ยารักษาสิว เช่น Roaccutane, Acnotin, Isotret ต้องหยุดยาก่อนวันตรวจวิเคราะห์สภาพตา และก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 1 เดือนเต็ม เนื่องจากยาชนิดนี้ ส่งผลให้เยื่อบุต่างๆ แห้งกว่าปกติ รวมถึงผิวกระจกตา และ
7. ถ้ากินยารักษาโรคประจำตัวอื่น ๆ อยู่ กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบในวันตรวจ เช่น เบาหวาน, ความดัน, ไขมัน, ยาธัยรอยด์ และยานอนหลับทุกชนิด แต่สามารถกินยาได้ตามปกติ ไม่ต้องหยุดยาใด ๆ ในวันตรวจ
8. สตรีไม่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หากมีการวางแผนตั้งครรภ์ ต้องหลังผ่าตัดอย่างน้อย 3 เดือน
9. สตรีหลังคลอดบุตรรอบเดือนต้องมาอย่างน้อย 2 ครั้งติดต่อกัน
10. ไม่ได้อยู่ระหว่างการใช้ยาในการรักษาอาการทางจิตเวช
11. ผ่านการตรวจวิเคราะห์สภาพตา โดยจักษุแพทย์ว่าสุขภาพตาสมบูรณ์แข็งแรง สามารถเข้ารับการรักษาด้วย ReLEx ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัย
12. มีความเข้าใจถึงการผ่าตัดด้วย ReLEx อย่างละเอียด และมีความคาดหวังที่ถูกต้อง
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธี ReLEx SMILE จะต้องมีการตรวจประเมินสภาพสายตา โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการประเมิน ดังนี้
นอกจากนี้จักษุแพทย์จะประเมินจากคุณสมบัติต่าง ๆ ที่กล่าวมา ของคนไข้ว่า มีค่าสายตาสั้น ยาว หรือเอียงเท่าไหร่? สายตาคงที่แล้วหรือยัง? นอกจากนี้ จะประเมินอายุ โรคประจำตัว ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับดวงตา ยาที่ใช้ประจำ (หรือใช้อยู่ในปัจจุบัน) ลักษณะการดำเนินชีวิต เพื่อพิจารณาความจำเป็นด้านระยะเวลาพักฟื้น เป็นต้น
ทีนี้ เราลองมาดูวิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธี ReLEx SMILE กันบ้าง ว่า เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
สำหรับขั้นตอนการรักษาสายตาผิดปกติด้วยการทำ ReLEx SMILE มีรายละเอียดขั้นตอน ดังนี้
1. เมื่อพร้อมแล้วเข้าพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสภาพดวงตาก่อนทำ ReLEx SMILE และเตรียมตัวตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ เช่น งดการใส่คอนแทคเลนส์ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด หรืองดใช้ยารักษาสิวในกลุ่ม Isotretinoin อย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนตรวจตา เป็นต้น
2. ในวันที่เข้ารับการทำ ReLEx SMILE แนะนำให้สระผม งดแต่งหน้า งดใช้น้ำหอม สวมใส่เสื้อผ้าที่ง่ายต่อการถอด และควรพาญาติไปด้วย
3. เข้ารับการทำ ReLEx SMILE โดยจักษุแพทย์จะใช้ยาชาหยอดที่ตาก่อน เป็นการรักษาที่ไม่มีความเจ็บปวด
4. ยาชาเริ่มออกฤทธิ์ จักษุแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัด โดยการนำแสงเลเซอร์ที่มีชื่อว่า Visumax Femtosecond แยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ในเนื้อกระจกตา (Lenticule) เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา ให้เหมาะสมกับค่าสายตาที่ต้องการแก้ไข โดยไม่ทำลายผิวกระจกตาชั้นนอกสุด
5. จักษุแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร และใช้เครื่องมือดึงเลนส์ในเนื้อกระจกตาที่ตัดออกมาจากแผลที่เปิด ใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย แผลเล็ก และง่ายต่อการดูแล
6. เมื่อผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะปิดฝาครอบตา และอนุญาตให้กลับบ้านได้
การปฏิบัติตัวภายหลังการผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธี ReLEx SMILE เราควรจะต้องดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้
ราคาการทำ ReLEx SMILE มีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ให้บริการ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 80,000 - 140,000 บาท หรือ ประมาณ 90,000 - 150,000 บาท หรืออาจจะราคาสูงกว่านี้ก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ราคาประมาณนี้จะรวมค่าตรวจประเมินสภาพตาก่อนผ่าตัด การตรวจติดตามหลังผ่าตัด และค่ายาแล้ว ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดก่อนเข้าใช้บริการ
จากข้อมูลข้างต้น การทำ ReLEx SMILE เป็นวิธีรักษาสายตาผิดปกติทั้งสายตาสั้นและเอียงด้วยแสงเลเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีข้อดีมากมาย การทำ ReLEx SMILE มีความแม่นยำปลอดภัยสูง ใช้เวลาผ่าตัดน้อยกว่าวิธีอื่นและลดภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่จะคำนึงถึงความเสี่ยง ความปลอดภัย รวมถึงผลลัพธ์ที่จะได้หลังทำการผ่าตัด วิธีนี้เหมาะกับทุกคนที่มีปัญหาด้านสายตา ดังนั้นควรเลือกวิธีการรักษาสายตาที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที