ฟิลเลอร์ 1 cc มีปริมาณ 1 cc หรือเทียบเท่า 1 ml ซึ่งฟิลเลอร์ 1 cc จะเหมาะกับตำแหน่งที่มีปัญหาน้อย ใช้ปริมาณฟิลเลอร์เติมเต็มเล็กน้อยก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงคืนความอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติเช่น ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์ 1 หลอด มีปริมาณ 1 cc หรือเทียบเท่า 1 ml. หรือในบางยี่ห้อ 1 หลอดอาจจะมี 2 cc ซึ่งในต่างประเทศจะบอกปริมาณเป็น ml. สำหรับประเทศไทย จะนิยมใช้ cc มากกว่า โดยฟิลเลอร์ 1 cc หากฉีดออกจากไซริงค์จะมีขนาดเทียบเท่ากับเหรียญ 1 บาท 1 เหรียญ ภายในกล่องที่บรรจุฟิลเลอร์ จะประกอบไปด้วย ฟิลเลอร์ขนาด 1 cc 1 หลอด หรือ 2 หลอด แล้วแต่รุ่นของฟิลเลอร์ พร้อมกับเข็มไซริงค์สำหรับฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงเอกสารประกอบการฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ 1 cc มีปริมาณเท่ากับ 1 ml ซึ่งมีความหมายเดียวกัน ปริมาณเท่ากัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะนิยมใช้ cc มากกว่า ซึ่งเมื่อฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ออกจากไซริงค์แล้วจะมีขนาดเทียบเท่าประมาณ 1 เหรียญบาท
โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์จะใช้ในปริมาณเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ทำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ cc ไม่เท่ากัน แพทย์อาจพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากหรือน้อยโดยจะพิจารณาเป็นเคส ๆ ไป เช่น บริเวณใต้ตาเติมใต้ตาให้อิ่มฟูสวยทั้งสองข้าง ใช้ประมาณ 1 - 2 cc ขึ้นอยู่กับพื้นฐานใต้ตาเดิมของแต่ละคน โดยแพทย์จะเลือกฟิลเลอร์ที่เข้ากับปัญหาแต่ละเคส เพื่อให้การเติมเต็มออกมาเนียนสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด บริเวณขมับ ส่วนใหญ่คนไทยจะมีปัญหาเรื่องขมับ ขมับไม่เต็มทำให้ใบหน้าดูไม่ละมุน จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ประมาณ 2 - 4 cc ขึ้นอยู่กับรูปหน้าของแต่ละคน การเติมแก้มให้ใบหน้าดูเด็ก มีวอลลุ่ม สร้างมิติ จะใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 1 - 3 cc ขึ้นอยู่กับพื้นฐานหน้าแก้มและรูปหน้าของแต่ละบุคคล บริเวณร่องแก้มซึ่งเป็นปัญหายอดฮิต ถ้าต้องการเติมฟิลเลอร์ให้ตื้นขึ้น สามารถช่วยให้หน้าอ่อนเยาว์ขึ้นได้ โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ จะอยู่ที่ประมาณ 1 - 2 cc ต่อร่องแก้มทั้ง 2 ข้าง บริเวณคาง เติมคางให้สวยจะอยู่ที่ประมาณ 1 - 2 cc ขึ้นอยู่กับรูปหน้าของแต่ละคนแต่หากอยากเติมทั้งคางและกรอบหน้าสร้างมิติให้รูปหน้าอาจจะใช้ถึง 3 cc และเติมริมฝีปากให้ริมฝีปากอวบอิ่ม ปั้นทรงสวย ใช้ปริมาณ 1 - 2 cc หากชอบริมฝีปากเนียนสวยแบบธรรมชาติจะใช้ประมาณ 1 cc แต่ถ้าอยากได้ปากอวบอิ่ม อาจจะใช้ปริมาณ 1 - 2 cc ขึ้นอยู่กับทรงปากที่ต้องการ
ฟิลเลอร์ 1 CC จะมีระยะเวลาในการอยู่ได้นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับแบบและรุ่น ซึ่งฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือแบบที่ 1 ฟิลเลอร์เรสติเลน (Restylane) ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีรุ่นโมเลกุลกลุ่ม NASHA technology ระยะเวลาฟิลเลอร์คงอยู่ได้ประมาณ 8 - 12 เดือน รุ่นโมเลกุลกลุ่ม OBT Technology รุ่น OBT ระยะเวลาฟิลเลอร์คงอยู่ได้ประมาณ 18 - 24 เดือน แบบที่ 2 ฟิลเลอร์นิวรามิส (Neuramis) จากประเทศเกาหลีซึ่งในกลุ่มนี้จะมีรุ่น Neuramis Deep ระยะเวลาฟิลเลอร์คงอยู่ได้ประมาณ 6 - 8เดือน และแบบที่ 3 ฟิลเลอร์จูวิเดิร์ม (Juvederm) จากประเทศอเมริกา ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีรุ่น Juvederm volume ระยะเวลาฟิลเลอร์คงอยู่ได้ประมาณ 18 – 24 เดือน รุ่น Juvederm volift ระยะเวลาฟิลเลอร์คงอยู่ได้ประมาณ 12 - 18 เดือน และรุ่นJuvederm Ultra Plus ระยะเวลาฟิลเลอร์คงอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC หรือ 2 CC ดี การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่สภาพปัญหาใบหน้าของแต่ละบุคคล รวมถึงความพึงพอใจ บางคนอาจฉีดตำแหน่งเดียวกันแต่ใช้ปริมาณไม่เท่ากัน เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปาก หากชอบริมฝีปากเนียนสวยแบบธรรมชาติจะใช้ประมาณ 1 cc แต่ถ้าอยากได้ปากอวบอิ่ม อาจจะใช้ปริมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับทรงปากที่ต้องการ เป็นต้น ควรให้แพทย์ช่วยประเมินว่าตำแหน่งที่จะฉีด ควรใช้ปริมาณฟิลเลอร์กี่ cc เท่าไรถึงจะเพียงพอ และฉีดออกมาดูเป็นธรรมชาติหากไม่มั่นใจว่าควรใช้ฟิลเลอร์กี่ cc หรือ ฟิลเลอร์ 1 cc จะเพียงพอสำหรับฉีดในบริเวณที่ต้องการฉีดหรือไม่ สามารถหาข้อมูลก่อนการฉีดหรือปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะก่อนได้
ฟิลเลอร์ 1 CC เป็นปริมาณที่ค่อนข้างเหมาะสมกับการปรับแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าในส่วนต่างๆ ที่มีปัญหาไม่มาก เช่น ลดปัญริ้วรอย แก้ไขปัญหาผิว หรือในจุดที่ไม่ต้องการการเติมเต็มมาก เช่น ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ปาก รวมถึงฟิลเลอร์แก้มส้ม สำหรับการใช้ฟิลเลอร์ ปริมาณ 0.5 CC เหมาะกับคนที่มีปัญหาน้อย เช่นการฉีดฟิลเลอร์แก้มที่ 2 ข้าง อาจแบ่งฉีดข้างละ 0.5 CC เพื่อทดลองฉีดและดูผลลัพธ์ หรืออยากเพิ่มปริมาณฟิลเลอร์ค่อยทยอยเติมได้
ฟิลเลอร์เป็นตัวช่วยในการลดปัญริ้วรอย แก้ไขปัญหาผิว ฟิลเลอร์ 1 หลอด มีปริมาณ 1 cc หรือเทียบเท่า 1 ml. ปริมาณการฉีดฟิลขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล แพทย์จะพิจารณาการใช้ฟิลเลอร์เป็นราย ๆ ไปสำหรับปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc ในเคสที่ต้องการปรับรูปหน้า และมีปัญหาไม่เยอะมาก ใช้ฟิลเลอร์ 1 cc ก็เพียงพอ หากไม่มั่นใจว่าตนเองควรใช้ฟิลเลอร์กี่ CC หรือ ฟิลเลอร์ 1 cc จะเพียงพอสำหรับฉีดในบริเวณที่ต้องการฉีดหรือไม่ สามารถหาข้อมูลก่อนการฉีดหรือปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะก่อนได้
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
