โบท็อกซ์เป็นนวัตกรรมที่นอกจากจะช่วยลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยปรับรูปหน้า ลิฟกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าของคุณเรียวสวยขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดหรือพักฟื้นเป็นเวลานาน โดยจะต่างจากการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจากกล้ามเนื้อกรามเท่านั้น วันนี้เราจะมาอธิบายว่าโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าคืออะไร ดีอย่างไร รวมไปถึงข้อแนะนำต่างๆกันค่ะ
การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าเป็นการใช้สารสกัดในรูปแบบที่บริสุทธิ์ของสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum toxin type A) จากแบคทีเรียสายพันธุ์คลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เหมือนกับที่ใช้ในการฉีดลดริ้วรอย และโบท็อกซ์กราม
เป็นการฉีดโบท็อกซ์ประมาณ 30-50 ยูนิตเข้าที่บริเวณกรอบหน้า ใต้คาง และลำคอ เพื่อทำให้แก้มน้อยลง โดยคำว่า ลิฟ มาจากคำว่า Lifting ที่แปลว่าการยกขึ้น จึงเป็นการยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย ลิฟกรอบหน้าให้ดูชัด เป๊ะ และมีมิติมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ลำคอดูยาวขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนใน 2 สัปดาห์
โดยมีด้วยกัน 2 เทคนิคหลักที่ใช้ในปัจจุบัน
Dermolift
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใบหน้าเรียวแบบเร่งด่วน เพราะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ลงบนผิวชั้นตื้นบริเวณกรอบหน้าขึ้นไปด้านบน เห็นผลรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์อยู่ได้เพียง 1-2 เดือนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ควรทำบ่อย เพราะอาจทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้
Nefertiti lift
เป็นเทคนิคที่แพทย์นิยมใช้ โดยจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ไปที่กล้ามเนื้อพลาทีสมา (Platysma) บริเวณคางไปจนถึงคอและไหปลาร้า ช่วยทำให้ใบหน้ายกกระชับ กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดไม่หย่อนคล้อย โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ซึ่งนานกว่าแบบ Dermolift
หากกล่าวถึงการทำหัตถการเพื่อให้หน้าเรียว หรือการปรับรูปหน้า คุณอาจจะได้ยินเรื่องโบท็อกซ์ลดกรามเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีการลิฟกรอบหน้าที่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้เช่นกัน
การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า และการโบท็อกซ์ลดกรามนั้น คล้ายกันโดยจะทำให้ใบหน้าเรียวสวยขึ้น แต่การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจากกล้ามเนื้อกรามเท่านั้น โดยจะเน้นการฉีดผิวหนังชั้นลึกตรงกล้ามเนื้อกราม เพื่อทำให้กรามลดลง ในขณะที่ลิฟกรอบหน้าจะเน้นฉีดผิวหนังชั้นตื้นที่บริเวณกรอบหน้า เพื่อยกกระชับให้กรอบหน้าชัดเจนมากขึ้น
โดยการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าและโบท็อกซ์ลดกรามร่วมกัน จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี กรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีใบหน้ากระชับมากยิ่งขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ต้องการสร้างกรอบหน้าให้มีความชัดเจน โดยสามารถเห็นส่วนหน้าและส่วนลำคอแยกออกจากกัน
หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าแล้ว จะสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างเต็มประสิทธิภาพได้ใน 7-14 วัน โดยผิวจะตึงกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงบริเวณเหนียง ลำคอจะมีความกระชับมากยิ่งขึ้น และช่วยลดริ้วรอยบริเวณที่ฉีดได้อีกด้วย
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าแบบ Dermolift จะอยู่ได้ 1-2 เดือน ในขณะที่การฉีดโบท็อกซ์ด้วยเทคนิค Nefertiti จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน โดยสามารถฉีดซ้ำได้ ไม่เป็นอันตราย แต่ควรเว้นระยะประมาณ 3-4 เดือนต่อครั้ง
การฉีดโบท็อกซ์ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมากเป็นพิเศษ แต่คุณจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อทำการตรวจเช็คผิวหนังและปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์
URL : https://michikoclinic.com/botox
โดยก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวดังนี้
ศึกษาข้อมูลเรื่องการฉีดโบท็อกซ์อย่างละเอียด
ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือหากมีโรคประจำตัวจะต้องแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรอยู่
งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบ เช่น Ibruprofen และ Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดโบท็อกซ์เพื่อป้องการอาการฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้น
งดการใช้วิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยากเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก๊วย
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2 วันก่อนการฉีด
งดรับประทานอาหารที่ต้องนั่งอยู่กับความร้อน เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง และชาบู เป็นต้น
งดรับประทานอาหารประเภทหมักดอง เพราะจะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัวได้
หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า คุณควรปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และไม่เกิดผลข้างเคียงอื่นตามมา โดยปฏิบัติดังนี้
ไม่ถูหรือนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์หลังจากรับการรักษา เพราะอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผิวหนังโดยรอบ ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยานและปัญหาอื่นๆตามมา
ไม่นอนราบในช่วง 3-4ชั่วโมงหลังการฉีด เพราะอาจะทำให้โบท็อกซ์ไหลไปในบริเวณอื่น โดยให้นอนหงายหนุนหมอนสูงแทน
ห้ามประคบร้อน หรือโดนความร้อนบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
หากมีอาการบวมแดงหลังการฉีด สามารถใช้การประคบเย็นด้วยน้ำแข็งได้
ควรไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์ และประเมินผลการรักษา
งดออกกำลังกายหนัก
งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ และวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก
เนื่องจากสารโบทูลินัมท็อกซินเอมีความเสี่ยงต่อระบบประสาทไม่มากก็น้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้ อีกทั้งยังมีโบท็อกซ์ปลอมอยู่ในท้องตลาดมากมาย คุณจึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์ทุกครั้ง รวมไปถึงเลือกสถานประกอบการที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
โดยคุณสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ได้ที่ Michiko Clinic ซึ่งมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 11 ปี โดยคุณหมอเน้นการดูภาพรวมของใบหน้า ฉีดให้เข้ากับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที