โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายซึ่งไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากว่าปกติ ชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีผู้คนจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยเป็นโรคภูมิแพ้ บางคนแพ้ไม่มาก ในขณะที่บางคนมีภาวะแพ้แบบรุนแรง สารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยคือ สารก่อภูมิแพ้ที่เข้าสูงร่างกายผ่านการหายใจ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ เป็นต้น สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทาน เช่น นม ไข่ขาว อาหารทะเล เป็นต้น และสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัส เช่น แมลงชนิดต่างๆ
อาการของโรคภูมิแพ้แต่ละคนไม่เหมือนกัน รวมถึงระดับความรุนแรงที่ไม่เท่ากันด้วย ปฏิกิริยาที่สอบสนองต่อร่างกายมักเกิดตามอวัยวะต่างๆ ส่งผลให้มีอาการ ดังต่อไปนี้
- มีอาการไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
- เกิดการระคายเคืองบนผิวหนัง เช่น ผื่นขึ้น ลมพิษ คันตามผิวหนัง เป็นต้น
- มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มีเสียงหายใจหวีด เป็นโรคหอบหืด
- มีภาวะตาแดง แสบตา น้ำตาไหล เคืองตา
- น้ำมูกไหลลงคอ แสบคอ หรืออาจมีภาวะหูอื้อ
- มีอาการบวมเกิดขึ้นรอบๆ บริเวณริมฝีปาก
- ท้องเสีย อาเจียน บางรายน้ำหนักลด
โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย จริงๆ แล้วมีด้วยกันหลายสาเหตุ ที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โดยมีดังนี้
สาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคภูมิแพ้คือโรคประจำตัว บางคนเป็นภูมิแพ้มาตั้งแต่เด็ก เกิดขึ้นจากพันธุกรรมหรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็มีโอกาสสูงที่เด็กเกิดมาจะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย
โรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ อย่างที่เราได้กล่าวถึงในตอนต้นว่าสารก่อภูมิแพ้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง มีทั้งการสูดดม การสัมผัสและการรับประทาน สารก่อภูมิแพ้บางอย่างเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น เกสร เชื้อราที่อยู่ในอากาศ ไรฝุ่น ฯลฯ
สภาพอากาศคือหนึ่งในสาเหตุทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ การที่ร่างกายอยู่ในสถานที่ที่อากาศหนาวเย็นมากจนเกินไปหรืออากาศร้อนเกินไป ตลอดจนสถานที่ที่มีความชื้นสูง อาจไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ตามมาได้
การใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่กำลังปฏิบัติงานเกี่ยวกับสารเคมี ควันบุหรี่หรือสารเคมี อาจทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้ ยิ่งเป็นห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท ยิ่งมีความเสี่ยงสูง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควัน ละออง หรือแม้กระทั่งกลิ่นน้ำหอมแรงๆ สิ่งเหล่านี้อาจไปกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ตามมาได้ การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นสามารถเริ่มต้นได้จากการทำความสะอาดห้องนอน เก็บกวาด ซักทำความสะอาดเครื่องนอนเป็นประจำป้องกันการสะสมของไรฝุ่น เชื้อโรค หรือแบททีเรียต่างๆ
ควรออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง โดยออกกำลังกายวันละ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เป็นเหมือนการสร้างเกาะป้องกันที่ดี ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ ด้วย
แนะนำให้ทานอาการที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานผัก ผลไม้ ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ การทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายได้ แต่ต้องระมัดระวังอาหารที่ทานแล้วแพ้ด้วย เช่น อาหารทะเล ฯลฯ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอสำคัญมาก หากร่างกายนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ไม่ดี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เข้ามาเบียดเบียนง่าย ส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน รวมถึงโรคภูมิแพ้ แต่ถ้านอนพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะปรับสมดุล ฟื้นฟูอวัยวะต่างๆ ส่งผลดีต่อสุขภาพของเรา
หากพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ สำคัญมากๆ เลยคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ การป่วยเป็นภูมิแพ้ไม่ใช่โรคร้ายแต่ถ้าคุณไม่ทำตามคำแนะนำของแพทย์ อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพได้
ถึงตอนนี้ก็คงได้รู้จักกันแล้วว่า โรคภูมิแพ้ คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีการดูแลหรือป้องกันอย่างไรบ้าง ทั้งหมดนี้คือแนวทางดีๆ ที่เรานำมาฝากกัน เพื่อให้คุณได้รู้เท่าทันโรคภูมิแพ้มากขึ้น สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของเราได้ เพื่อให้ร่างกายห่างไกลจากภูมิแพ้ เพราะอาการภูมิแพ้นั้นไม่มีใครดูแลตัวเราได้ดีที่สุด นอกจากตัวเราเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก: https://sashiibrand.com/
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
