สิ่งแรก ๆ ที่ฉันได้จากการไปปฏิบัติธรรม ก็คือการเห็นความไม่เที่ยงของทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งรอบตัวฉัน เช่น พวกราคาน้ำมัน อะไรให้ยุ่งยากเลย เอาแค่กายกับใจของฉันเองนี้ ในแต่ละเสี้ยววินาทีที่ผ่านไปนั้น มันก็เปลี่ยนไปไม่รู้ตั้งกี่อย่างแล้ว
ฉะนั้นจึงไม่แปลก ที่เด็กอ้วนคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเด็กเรียน และไม่เอาอ่าวเรื่องกีฬาใด ๆ เลย จะมาฮึดไล่ตามความฝัน (ซึ่งไม่ใช่อแคดามี่ฯ) ด้วยการลองตั้งเป้าว่าจะไปให้ถึงการแข่งชิงแชมป์โลกของศิลปป้องกันตัวชนิดหนึ่งเอาตอนแก่
จริง ๆ แล้วมันก็แปลก เพราะตอนเด็ก ๆ ก็ชอบเชียร์มวยไทยกับพ่อและอา ๆ ลุง ๆ ตั้งแต่จำความได้ พอโตหน่อยเชียร์ได้เอง ก็ชอบเชียร์มวยไทยชิงแชมป์โลก แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ความจริงการที่จับพลัดจับผลูมาเรียนเจ้าสิ่งนี้ มันเกิดจากการเป็นเด็กเรียนปนเด็กวัดแท้ ๆ เชียว
เพราะถ้าไม่ใช่เพราะวิทยานิพนธ์ ซึ่งดันอยากจะเปรียบเทียบวิปัสสนากับเซน ก็คงไม่ไปเรียนดาบซามูไรโบราณ ซึ่งเน้นเรื่องการฝึกสมาธิแบบเซน
ซึ่งนำไปสู่การเรียน sports chanbara หรือศิลปป้องกันตัวร่วมสมัยที่จำลองเอาอาวุธต่าง ๆ ของซามูไรมาให้ใช้สู้กันได้จริง ๆ โดยไม่ตายกันไปข้างนึงเสียก่อน
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่ง เซนเซดาบก็บอกว่า ให้ไปเขียน thesis มาส่ง ในหัวข้อที่ฟังดู เซ้น เซน ว่า สภาพจิตใจในปัจจุบันขณะ ของผู้ที่จะเข้าสู่ 1st DAN นั้นเป็นอย่างไร
กำลังเคลิ้ม ๆ กับหัวข้อที่ฟังดูเป็น abstract กึ่ง ๆ poetic เล็กน้อยของเซนเซอยู่ดี ๆ (ในใจแอบคิดว่าเขียนด้วยพู่กันจีน บนกระดาษสา เป็นไฮกุส่ง ก็คงจะเท่ไม่น้อย) แล้วก็สะดุ้งเฮือกตื่นจากความฝัน เมื่อนึกได้ว่า
"อึ๊ย...1st DAN นั่นมันสายดำนี่นา....." เซนเซล้อกันเล่นรึเปล่า วิทยายุทธเพลงดาบยังโหลยโท่ยอยู่เล้ย ตอนเซนเซให้เกียรติมาลงนวมคู่ เอ๊ย มาซ้อมคู่ด้วย ยังโดนฟาดเสียน่วมไปหมด แล้วจะให้ไปสอบสายดำหรือนี่
ปรากฏว่าเซนเซไม่ได้ล้อเล่น คราวนี้คนที่เครียดเลยกลายเป็นข้าพเจ้าแทน แต่เป็นเครียดปนขำ เพราะว่าเกิดมาก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าวิทยายุทธสายนี้เขาต้องมีสอบข้อเขียนเชิงอัตนัยด้วยถ้าจะขึ้นสายดำ แต่ก็นับว่าถูกกับจริตดี เนื่องจากเป็นคนพูดมาก
แต่ข้อสอบนี้ไม่ง่ายเลยน่ะ Please describe in 1-2 pages, the present state of the mind of someone entering 1st DAN. hmm....
เรื่องการเน้นเรื่องจิตใจนี้ มันมีที่มาที่ไปมาจากวิชาดาบซามูไรโบราณ หรือ บัตโต จูทซึ (Battou Jutsu) นี่แหละ เพราะฉะนั้น เดี๋ยวต้องไปนึกทบทวนจากวิชานู้นอีกที เรียกว่า มีวิทยายุทธเท่าไหร่ ต้องงัดขึ้นมาใช้ให้หมด
และเซนเซก็บอกว่า ได้ไปสมัครให้เราแล้ว สำหรับการไปเตรียมแข่งเพื่อจะให้ทันชิงแชมป์โลกปลายปีนี้ที่ญี่ปุ่น!! ทั้งนี้ เนื่องจากเซนเซรู้ว่าเราจะไปทำวิจัยอยู่ที่นั่นพอดีสามเดือนนั่นเอง โห....เครียด ๆ ๆ
ไงล่ะเนี่ย เริ่มจากปฏิบัติวิปัสสนา ไป ๆ มา ๆ ไหงจะกลายไปชิงแชมป์โลก chanbara ได้ยังไงเนี่ย
ตอนแรกก็ถามว่า เขาแบ่ง อายุ นน. อะไรอย่างนี้หรือเปล่า ฮิ ๆ แต่พอเซนเซบอกว่า เปล่า แข่งรวมกันหมด แถมรวมผู้หญิงผู้ชายอีกต่างหาก แบ่งแค่ประเภทของอาวุธ และอาจจะแบ่งสายเข็มขัดแค่นั้นเอง
อ้าว เลยเครียดหนักเข้าไปอีกเลยทีนี้ นึกว่าจะได้ใช้นน.รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวทของสภามวยโลกให้เป็นประโยชน์เสียหน่อย หรือได้แข่งลีกผู้สูงอายุก็ยังดี อดเลยเรา
อยู่ดี ๆ ไปหาเรื่องให้คนเอาอาวุธมาไล่ตีหัวหรือเปล่าเนี่ยวุ้ย
ไม่ได้ ๆ สู้ตาย เพื่อชาติ (เอ๊ะ..ชักฟังเหมือนบทความการเมือง)
อะนะ...อย่างน้อยต่อให้ตกรอบแรก แต่ก็ถือว่าได้ไปซ้อมปฏิบัติธรรมในเวทีประลองฝีมือแหละ
ไปซ้อมกำหนดดูสภาพจิตใจตัวเองไง ไปฝึกดูความกลัวเสียให้เข็ด หรือไม่ก็ไปกำหนดดูฐานเวทนานุปัสสนาก็ได้ ในกรณีที่โดนฟาดจนบาดเจ็บน่ะนะ
อือ...ถ้าเรารู้จักหมุนจิตให้เป็นกุศลได้ทุกเรื่อง ทุกขณะจิต ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบกายใจ มันก็น่าจะมีแต่ได้กับได้น่ะเนอะ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที