เหตุผลการทำรัฐประหารคืนนั้นคือความเป็นห่วงใยบ้านเมืองของทหารไทยกลุ่มหนึ่ง ที่อยากจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ ตัดสินใจนำขบวนรถถังเข้ากรุง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสันติวิธี ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์นั้น หลายคนอาจมีความเห็นแตกต่างกันไป แต่สำหรับทีมเว็บ แผนกแบรนด์/สื่อสารการตลาดอย่างพวกเรามีความคิดตรงกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ เหตุการณ์นี้ นอกจากจะได้เห็นการแสดงออกถึงความห่วงใยระดับชาติแล้ว เรายังได้เห็นความห่วงใยที่เชื่อมโยงกันภายในองค์กรของเราด้วย ถึงแม้สเกลจะแตกต่างกันไปก็ตาม
เช้าวันที่ 20 กันยายน พนักงานบริษัทของเรา ได้รับ SMS จากบริษัทฯ ว่าหยุดทำการ 1 วัน ซึ่งสิ่งที่เราเห็นในครั้งนั้น คือการแสดงออกถึงความรับผิดชอบและความห่วงใยครั้งสำคัญขององค์กรที่มีต่อชีวิตและความปลอดภัยพนักงานทุกคน สถานการณ์เช่นนี้ ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ทุกวินาที ซึ่งถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจริงกับชีวิตพนักงานคนใดคนหนึ่ง ความสูญเสียไม่เพียงกระทบกับองค์กรเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงครอบครัว ญาติ เพื่อนและอีกหลายๆ คนที่รักเขาด้วย
สปิริตความห่วงใยของผู้บริหารไม่ได้หยุดอยู่แค่พนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความปลอดภัยและความไม่สะดวกของลูกค้าด้วย จึงจำเป็นต้องประกาศปิดช้อปทุกช้อปในวันที่ 20 นั้น แต่ช้อปจะหยุดทำการไปโดยไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบก็ไม่ดี เราต้องรีบสื่อสารบอกลูกค้าให้เร็วที่สุด แน่นอนคงไม่มีวิธีไหนจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายเท่ากับประกาศผ่านออนไลน์ทางเว็บไซต์ขององค์กร
ก่อนออกจากบ้าน เพื่อนในทีมผู้อาสาเข้าไปทำงานที่เพื่ออัพเดทเว็บไซต์ คงได้เห็นสายตาวิตกกังวลด้วยความรักความห่วงใยของครอบครัว แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบและความเป็นห่วงลูกค้าอีกหลายร้อยพันคนที่อาจต้องเสียเวลาเดินทางมาเก้อ สิ่งเล็กๆ ที่เราทำ อาจช่วยลูกค้าและรักษาภาพลักษณ์องค์กรได้ด้วย เราเชื่อเช่นนั้น
งานเสร็จเรียบร้อยภายในไม่กี่ชั่วโมงด้วยแรงใจแรงกาย ค่าโทรศัพท์บ้านและมือถือเพิ่มขึ้นหลายบาท เพราะ ต้องคอยโทรเช็คความเรียบร้อยปลอดภัยกันตลอดทาง แต่พอผ่านไป เรากลับรู้สึกดีที่นึกถึง ความภูมิใจเล็กๆ ไม่ได้อยู่แค่ที่ได้ทำงานให้ลุล่วงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่ทำให้เราได้มองเห็น ได้รู้จัก ได้เคารพในคุณค่าของทั้งตัวเอง และคนอื่นในมิติที่ลึกขึ้น
หากจะมีบทสรุปที่บอกว่า วิธีการที่จะแสดงความรักความห่วงใยต่อคนรอบข้างควรเป็นอย่างไรนั้น เราเชื่อว่าคำตอบคงจะมีหลากหลาย เหมือนคำตอบของข้อสอบอัตนัยที่เปิดกว้างจริงๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรา มีมุมความเชื่อเล็กๆ ว่ามันอาจจะเป็นการนำเอา Caring ไปเป็นส่วนหนึ่งของมุมมอง และความเข้าใจ ถ้าเรารู้จัก เอาใจเขามาใส่ใจเรา และ เอา Caring ของเราไปมอบให้เขา การ ทำ ของเรา ก็อาจหมายถึงการมีความคิด ความเชื่อที่ดี แล้ว นำมันไปกลมกลืนอยู่ในการกระทำอย่างเป็นธรรมชาติ เราอาจพอจะมองเห็นว่าความรัก ความห่วงใย มันเป็นสิ่งที่มีจริง และยังอบอวลอยู่รอบๆ ตัวเราเสมอ...
ป.ล. มนุษย์มีหัวใจ ไม่ใช่เครื่องจักร การที่ตัวเรา และองค์กรของเรา ให้ความสำคัญกับเรื่องของการดูแลกันและกันในองค์กร ย่อมทำให้ทรัพยกรมนุษย์ ใช้หัวใจและสติปัญญา สร้างผลงานที่มีคุณค่าได้ไม่รู้จบ...
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที