หากคุณคือเจ้าของธุรกิจเกิดใหม่ที่กำลังมองหาช่องทางในการกระจายสื่อเสียงแก่แบรนด์ให้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) แล้วละก็ Search Engine Optimization หรือ SEO คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นของเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ที่ได้ผลและมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย จุดเด่นๆ ของการเลือกใช้ SEO เป็นเครื่องมือทางการตลาดก็คือสามารถการตัดความกังวลเรื่องของค่าใช้จ่ายออกไปได้เลย อย่างที่บริษัทผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO ทราบเป็นอย่างดีและมักจะหยิบเอา SEO มาเป็นเครื่องมือในการนำเสนอเพื่อวางแผนทางการตลาดออนไลน์ให้แก่ลูกค้าเนื่องจากเป็นการพัฒนาอันดับหน้าเว็บไซต์แบบออร์แกนิก แม้ว่าจะใช้เวลาอยู่พอสมควร คือประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่เป็นช่องทางการตลาดที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อพัฒนาจนติดอันดับการค้นหาที่หน้าแรกแล้วก็จะอยู่อย่างนั้นไปสักพักใหญ่ๆ จนกว่าจะมีหน้าเว็บไซต์อื่นๆ ที่จัดอันดับได้ดีกว่ามาดันให้อันดับตกลงไป เรียกได้ว่าวัดกันที่ความสามารถทางด้านเทคนิคล้วนๆ ทั้งนี้ย้อนกลับไปที่ฐานะของเจ้าของธุรกิจเกิดใหม่หรือ Start Up ทั้งหลายที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการเลือกใช้วิธีการทำ SEO ด้วยตนเอง บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาแชร์ กับเคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญรับทำ SEO ใช้เพื่อพัฒนาหน้าเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหานั้นมีอะไรบ้าง
ทำความรู้จักองค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์เสียก่อน
หัวใจสำคัญของการเลือกทำการตลาดด้วยวิธี Search Engine Optimization คือหน้าเว็บไซต์ที่ใช้โปรโมทบนแพลตฟอร์ม Google วิธีหรือเคล็ดลับแรกที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO เลือกก็คือการหันมาให้ความสำคัญและทำความรู้จักกับองค์ประกอบบนหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ให้ดีเสียก่อน โดยทั่วไปแล้วเว็บไซต์แบบ HTML จะมีองค์ประกอบหลักๆ อยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ Header หรือส่วนหัวที่อยู่ด้านบนสุดของหน้าเว็บไซต์, Body หรือส่วนที่มีไว้เพื่ออัปเดตเนื้อหา คอนเทนต์ต่างๆ เป็นส่วนที่อยู่ในระดับพอดีสายตาของผู้ที่เข้ามาเยือนหน้าเว็บไซต์ ดังนั้นเนื้อหาที่จะถูกนำมาอัปเดตในส่วนนี้ต้องเป็นระเบียบ มีความน่าดึงดูดด้วยถ้อยคำ หรือ Hook ต่างๆ เพื่อดึงดูดสายตาจากผู้เข้าชมให้หยุดเพื่อรับชมเนื้อหาในส่วนนั้นๆ และสุดท้าย Footer หรือส่วนท้ายของหน้าเว็บไซต์ ทั้งนี้อีกหนึ่งเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO มักเลือกใส่ไว้ที่บริเวณ Footer คือข้อมูลที่จำเป็นของแบรนด์ที่ลูกค้าสามารถใช้ในการติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ตลอดไปจนถึง Line ID ก็สามารถทำได้เช่นกัน
รู้จักเลือกคำสำคัญ (Keyword) ที่ทรงพลัง
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่มีความหมายไปไม่น้อยกว่าหน้าเว็บไซต์เลยนั่นก็คือคำสำคัญ หรือ Keyword สิ่งที่บริษัทผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO มักจะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดด้วยวิธีนี้ส่วนใหญ่จะเทน้ำหนักไปที่การคัดเลือก Keyword อย่างไรก็ตามจะต้องเป็นคำสำคัญที่มีน้ำหนัก มี Volume ที่เหมาะสม มีความเกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการจะโปรโมท หากกำลังอยู่ในเทรนด์หรือกำลังเป็นที่พูดถึงได้ก็จะดีมาก อย่างไรก็ตามอย่าลืมคำนวณระยะเวลาในการเผยแพร่และคำนึงถึงระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาอันดับด้วย เนื่องจากเป็นการตลาดที่เน้นพัฒนาอันดับบนหน้าเว็บไซต์แบบออร์แกนิก ระยะเวลาอย่างต่ำมักจะอยู่ที่ 6 เดือนถึง 1 ปี ดังนั้นการคิดค้นคำสำคัญเพื่อนำเอาไปทำเนื้อหาทางการตลาดในลำดับถัดไปจะต้องเป็นเนื้อหาที่ยังคงความสดใหม่อย่างสม่ำเสมอ แนะนำให้เลือกทำเนื้อหาที่เป็นความจริง (Facts) มากกว่าหัวข้อที่โด่งดังเพียงแค่ชั่วข้ามคืน เนื่องจากหากพัฒนาอันดับจนติดการค้นหาขึ้นมาแล้วถึงเวลานั้นหัวข้อที่พูดถึงบนหน้าเว็บไซต์อาจจะล้าหลังไปแล้วก็เป็นได้
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที