โรคดึงผมตัวเอง หยุดดึงผมไม่ได้ เกิดจากอะไร? วิธีรักษาให้หายขาด
โรคดึงผม มักพบได้กับคนไข้ที่มีภาวะเครียด นับว่าเป็นโรคทางจิตเวชที่ส่งผลให้มีพฤติกรรมชอบดึงผมตัวเอง โรคนี้มักพบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง รวมไปถึงในเด็ก เมื่อมีอาการเครียดจะหยุดดึงผมไม่ได้ ทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายขึ้น อาการเครียด ดึงผมตัวเองจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพจิตจนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้แล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพเส้นขนและเส้นผมตามมาด้วย
ในบทความของวันนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคดึงผม เกิดจากอะไร หรือ อาการเครียด ดึงผมตัวเองให้มากขึ้น พร้อมทั้งเช็คอาการชอบดึงผมตัวเอง โรคนี้รักษาให้หายขาดได้หรือไม่ และโรคดึงผม รักษาอย่างไรให้หายขาด
โรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania)
โรคดึงผม (Trichotillomania) จัดอยู่ในอาการจิตเวชในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ โดยคนไข้มักมีอาการเครียดและทำการดึงผมตัวเอง หรือดึงขนบริเวณอื่น ๆ ซ้ำ ๆ ซึ่งคนไข้มักจะรู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยหากดึงผมตัวเองแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย นานวันเข้า เมื่อมีพฤติกรรมการดึงผมตัวเองบ่อย ๆ ก็จะส่งผลให้ผมบาง ผมหายเป็นหย่อม จนอาจนำไปสู่ปัญหาศีรษะล้านจากโรคดึงผมที่เป็นอยู่
คนไข้ที่เป็นโรคดึงผมมักจะชอบใช้นิ้วม้วนผม ใช้ฟันกัดดึงผม กัดเล็บ แกะผิวหนัง กัดปาก หรือแม้กระทั่งเมื่อเห็นสิ่งของรอบข้าง เช่น ตุ๊กตา ก็จะดึงขนเล่น หรือแม้กระทั่งบางรายอาจมีพฤติกรรมกินเส้นผมที่ดึงออกมา จนส่งผลให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารภายหลัง
ในคนไข้โรคดึงผมนั้นมักพบได้ในวัยรุ่นอายุก่อน 17 ปี และหากเป็นในผู้ใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย รวมถึงในคนไข้บางรายอาจมีพฤติกรรมดึงขนคิ้ว ถอนขนตา และมักจะไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นโรคดึงผม หรือชอบการดึงผมตัวเอง มักปกปิดเพื่อไม่ให้คนรอบข้างรู้ และมักจะใส่หมวก คลุมผ้า ใส่ขนตาปลอม เพื่อปกปิดบริเวณที่ไม่มีเส้นผม เส้นขน
สาเหตุของโรคดึงผมตัวเอง
โรคดึงผมเป็นภาวะความผิดปกติในการควบคุมตนเอง และเป็นโรคที่ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้แน่ชัด แต่คาดว่าโรคดึงผม เกิดจากพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอด มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคดึงผม และสาเหตุจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าโรคดึงผม เกิดจากปัจจัยดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคดึงผมตัวเอง
มักเกิดขึ้นก่อนหรือในช่วงวัยรุ่นตอนต้น โดยส่วนใหญ่มักอยู่ในช่วงอายุ 10-13 ปี และมักเป็นปัญหาตลอดชีวิต โดยหากเกิดขึ้นในวัยเด็กหากค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมซึ่งผู้ปกครองสามารถค่อย ๆ บอก ค่อย ๆ สอน ไม่ดุด่า หรือพาเข้าพบจิตแพทย์ ก็มักจะหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา แต่หากอาการนี้เกิดในวัยรุ่น อาจเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จึงทำให้มีอารมณ์และการแสดงออกฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย จึงอาจต้องเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามรุนแรง สำหรับคนไข้ในวัยผู้ใหญ่มักมาด้วยอาการที่สืบเนื่องจากวัยรุ่นและมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วย โดยไม่ได้เข้ารับการรักษา และมักมีอาการผมร่วง ผมบาง ผมหลุดเป็นหย่อม ซึ่งรักษาได้แต่ก็ทำได้ยากกว่าวัยเด็กหรือวัยรุ่น จึงต้องเข้ารับการรักษาเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจตามมาได้
-
ความผิดปกติทางจิตใจและอารมณ์
คนไข้มักมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ เช่น เป็นโรคเครีย, โรควิตกกังวล, โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือโรคซึมเศร้า จึงมักจะมีอาการควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ ส่งผลให้ดึงผมตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว หยุดดึงผมไม่ได้ และเมื่อได้ดึงผมตัวเองจะรู้สึกว่าผ่อนคลาย รู้สึกดี รู้สึกสบายใจขึ้น จนสุดท้าย อาการเครียด ดึงผมตัวเองจะทำจนติดเป็นนิสัยโดยทั้งที่รู้ตัวและอาจไม่รู้ตัวจนกลายเป็นโรคดึงผมในที่สุด
-
ความผิดปกติของระบบการทำงานของสมอง
ความผิดปกติอาจเกิดจากส่วนที่ควบคุมพฤติกรรม โดยส่งผลให้คนไข้ไม่สามารถควบคุมการกระทำของตนเองได้ รวมไปถึงมักไม่สามารถควบคุมอารมณ์ การเคลื่อนไหว การสร้างนิสัย ความเคยชิน และความยับยั้งชั่งใจตัวเอง ส่งผลให้ตนเองแสดงออกมาอย่างผิดปกติ อย่างเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ไม่ดี รู้สึกแย่ หรือไม่สบายใจก็จะดึงผมตัวเอง หยุดดึงผมไม่ได้
อาการของโรคดึงผมตัวเอง
โดยมากแล้ว โรคดึงผม อาการมักพบได้ 2 แบบร่วมกัน ซึ่งบางรายชอบดึงผมตัวเองทั้งที่รู้ตัวมากกว่าไม่รู้ตัว หรือบางรายหยุดดึงผมไม่ได้ที่ไม่รู้ตัวมากกว่าที่รู้ตัว แตกต่างเป็นกรณีไป โดยในขณะที่มีพฤติกรรมชอบดึงผมตัวเองอาจรู้สึกว่าไม่สบายศีรษะ รู้สึกคันหรือโรคดึงผมคัน ซึ่งรู้สึกว่าผมไม่เรียบอยากดึงออกมา และเมื่อดึงออกแล้วจะรู้สึกสบายใจ โดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นขณะทำสิ่งต่าง ๆ เช่น ดูทีวี อ่านหนังสือ หรือทำงาน เป็นต้น รวมถึงอาการของโรคดึงผมทำให้คนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับการยับยั้งชั่งใจ และอาจมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้
-
ชอบดึงผม หรือเส้นขนของตัวเองซ้ำ ๆ หยุดดึงผมไม่ได้
-
เกิดความเครียดเมื่อพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ดึงผม
-
รู้สึกดี พอใจเมื่อได้ดึงผมตัวเอง
-
อาการผมร่วงที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน เช่น ผมบางลง ผมแหว่งเป็นหย่อม ๆ รวมไปถึงเส้นขนในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ขนคิ้ว ขนตา เส้นขนตามแขนขา
-
ในบางรายอาจใช้นิ้วม้วนเส้นผมเล่น ใช้ฟันกัดผม เคี้ยวเส้นผม จนไปถึงการกลืนเส้นผมของตัวเอง
-
พยายามจะไม่ดึงผมตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ
-
คนไข้ที่ชอบดึงผมตัวเองมักมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันและการเข้าสังคม
-
คนไข้ที่หยุดดึงผมไม่ได้ มักต้องมีการปกปิดบริเวณทีเส้นผมหรือเส้นขนถูกดึงจนหายไป เช่น ใส่หมวก ใส่วิก ใช้ผ้าโพกศีรษะ ต่อขนคิ้วขนตา
ผลข้างเคียงจากโรคดึงผม
-
สูญเสียเส้นผม เส้นขนบริเวณนั้นๆ - เช่น อาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน เมื่อมีพฤติกรรมดึงผมตัวเอง หยุดดึงผมไม่ได้ นานวันจะทำให้เส้นผมหรือเส้นขนบริเวณนั้นขึ้นเส้นบางลง หรืออาจมีอาการผิวหนังอักเสบร่วมด้วยจนเกิดเป็นแผล จากนั้นเส้นผมและเส้นขนจะไม่ขึ้นอีกเลย
-
เกิดภาวะทางอารมณ์และความเครียด - เช่น การสูญเสียความมั่นใจ และปลีกตัวออกจากการเข้าสังคม เกิดเป็นภาวะเครียดทางอารมณ์ (Emotional Distress) และอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ (Depressed)
-
แยกตัวเองออกจากสังคม - หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม พบปะผู้คน ปลีกตัวเองออกจากกลุ่มเพื่อน เนื่อจากต้องคอยปกปิดบริเวณที่เส้นผมหรือเส้นขนที่หายไปจากการดึงผมตัวเอง
-
มีปัญหาสุขภาพ - คนไข้บางรายที่กัดและกลืนกินเส้นผมหรือเส้นขนตัวเอง อาจทำให้เกิดการอุดตันที่ลำไส้ และเป็นโรคขาดสารอาหารได้ ทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หรือมีเลือดออกผิดปกติ
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
ในวัยเด็กหากมีอาการของโรคดึงผม ผู้ปกครองควรสังเกตอาการบุตรหลาน และไม่ควรดุด่าว่ากล่าว แต่ให้พูดดี ๆ พร้อมให้เหตุผลกับบุตรหลาน โดยให้ลองปรับพฤติกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไป หากิจกรรมอื่น ๆ ที่เบี่ยงเบนความสนใจ โดยโรคดึงผมในวัยเด็กจะไม่รุนแรงเท่าในวัยรุ่นและในวัยผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองโดยไม่ต้องพบแพทย์ หรือหากผู้ปกครองมีความกังวลสามารถพาบุตรหลายพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
สำหรับในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ หากพบอาการของโรคดึงผม หยุดดึงผมไม่ได้ ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพจิตใจรวมถึงส่งผลต่อสุขภาพต่าง ๆ และอาจทำให้มีปัญหาเส้นผมบางลง หรือศีรษะล้านได้ในภายหลัง
โดยในะระยะแรกคนไข้อาจลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หากิจกรรมทำเพื่อเบี่ยงเบนจากอาการโรคดึงผมตัวเอง เช่น เล่นกีฬา ออกไปเที่ยว โดยอย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ไม่มีอะไรทำ เหงา ซึ่งหากทำได้อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดลง
หากอาการโรคดึงผมยังไม่ดีขึ้น ยังควบคุมตัวเองไม่ได้จนทำให้หยุดดึงผมไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรวมถึงจิตแพทย์เพื่อปรึกษาหาสาเหตุของอาการที่เป็นอยู่ ซึ่งหากรักษาอาการทางจิตเวชดีขึ้นแล้ว ก็สามารถเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังศีรษะและเส้นผม เพื่อแก้ไขปัญหาจากเส้นผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้าน
วิธีรักษาโรคดึงผม
โรคดึงผม รักษาด้วยการทำ Habit Reversal Training (HRT) ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการโดยใช้วิธีแก้โรคดึงผมแบบพฤติกรรมบำบัด โดยโรคดึงผมตัวเอง วิธีรักษามักประกอบด้วย
1. รู้เท่าทันอาการของโรคดึงผมที่เป็นอยู่
แนะนำให้หมั่นสังเกตอาการของตัวเองอยู่เสมอ เมื่อใดที่เริ่มรู้สึกถึงพฤติกรรมตัวเองว่ามีการดึงผมของตัวเอง ให้คอยสังเกตตั้งแต่อาการเริ่มต้นและคอยจดบันทึกไว้ เช่น ความรู้สึกแล้วว่ามันกำลังเกิดขึ้น สิ่งกระตุ้นต่าง ๆ สังเกตว่าชอบดึงผมเวลาไหน ดึงผมบริเวณไหนบ้าง
2. สังเกตสิ่งกระตุ้น
หาสาเหตุที่กระตุ้นพฤติกรรมการดึงผมของผู้ป่วย เช่น ความเครียดในการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อต้องบุคคลรอบข้าง เจอกลุ่มเพื่อน และเรียนรู้วิธีควบคุม หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดพฤติกรรมชอบดึงผมตัวเอง โรคดึงผมตัวเอง
3. หากิจกรรมเบี่ยงเบน
สำหรับพฤติกรรมดึงผมตัวเอง วิธีแก้โรคดึงผมนั้นสามารถหากิจกรรมเพื่อลดความเครียด ลดความสนใจไปจากอาการรู้สึกดึงผม เช่น การกำมือ หรือใช้ลูกบอลบีบเพื่อคลายเครียด การใส่ปลอกนิ้ว เมื่อรู้สึกอยากดึงผม
4. การดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้าง
โรคดึงผม รักษาได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและคนใกล้ชิด ซึ่งนับว่าเป็นวิธีแก้โรคดึงผมที่สามารถช่วยให้คนไข้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมควบคุมตัวเองไม่ได้ หยุดดึงผมไม่ได้ โดยการหมั่นสังเกตอาการและควรส่งเสริมการให้กำลังใจ ไม่ดุว่า เพื่อช่วยให้คนไข้สามารถปรับตัวและลดพฤติกรรมได้
วิธีแก้ไขอาการชอบดึงผมตัวเองเบื้องต้น
-
หากิจกรรมหรือการใช้ของเล่นผ่อนคลาย เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจจากอาการดึงผมตัวเอง เช่น ใช้ลูกบอลบีบคลายเครียด หรือของเล่นเสริมสร้างสมาธิอื่นๆ (Fidget toys)
-
ใส่บีนนี่ หรือผ้าโพกหัว
-
ฝึกหายใจลึกๆ เพื่อสร้างสมาธิ ผ่อนคลายความเครียด จนกว่าความอยากดึงผมจะหายไป
-
หากิจกรรมเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เพื่อลความเครียด และเบี่ยงเบนจากพฤติกรรมหยุดดึงผมไม่ได้
-
แปะพลาสเตอร์ที่ปลายนิ้ว
-
ตัดผมให้สั้นลง หรือใส่หมวก โพกผ้าศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการดึงผมตัวเอง
โรคดึงผมตัวเอง ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
ผลกระทบจากโรคดึงผม หยุดดึงผมไม่ได้ อาจทำให้เส้นผมบาง มีปัญหาหนังศีรษะล้านได้ และอาจทำให้เกิดอาการอักเสบที่หนังศีรษะจนเกิดเป็นแผลเป็น จากนั้นเส้นผมจะไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ และอาจทำให้คนไข้มีความเครียด ไม่กล้าเข้าสังคม ไม่มั่นใจในตัวเอง จนอาจเป็นการซ้ำเติมให้อาการโรคดึงผมแย่ลง หรืออาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้
หลายท่านสงสัยว่าเมื่อตัวเองเข้าข่ายเป็นโรคดึงผม รักษาที่ไหนดี? และดึงผมตัวเอง ผมจะขึ้นไหม? แนะนำให้เข้ารับการปรึกษาอาการของโรคดึงผมกับจิตแพทย์ เพื่อรักษาโดยเริ่มจากการปรับสภาพจิตใจเสียก่อน เมื่อทำการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว สามารถเข้ารับการปรึกษาปัญหาผมร่วง ผมบางได้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังศีรษะและเส้นผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังศีรษะและเส้นผมอาจพิจารณาวิธีการรักษาด้วยการปลูกผมตามเทคนิคต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของปัญหาผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะล้าน เช่น หากคนไข้มีแผลเป็นจากหนังศีรษะอักเสบเกิดเป็นแผลจากอาการโรคดึงผม แพทย์อาจแนะนำวิธีปลูกผมลงในแผลเป็น ด้วยเทคนิคปลูกผม FUT หรือ เทคนิคปลูกผม FUE ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาเป็นเคสตามแต่อาการที่แตกต่างกัน
หากคนไข้มีปัญหาเส้นผมร่วง ผมบาง ที่ยังไม่รุนแรงมากนัก มีอาการรากผมไม่แข็งแรง แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วย เช่น การใช้ยาแก้ผมร่วง, ฉีด PRP ผม, ฉีดสเต็มเซลล์, Fotona Laser, เลเซอร์ LLLT
หมายเหตุ ทั้งนี้ คนไข้จะต้องใช้วิธีใดนั้น แพทย์จะพิจารณาจากความเหมาะสมของคนไข้แต่ละราย
ข้อสรุป ‘โรคดึงผมตัวเอง’
โรคดึงผม อาการจะเกี่ยวพันกับโรคทางจิตเวช ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบที่เกิดขึ้นสร้างความไม่มั่นใจในการเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน ที่มาจากความอายบริเวณหนังศีรษะล้าน ผมบาง ผมร่วงเป็นหย่อม หรือผิวหนังอักเสบและทำให้เกิดแผลเป็นจนเส้นผมไม่สามารถขึ้นได้อีกต่อไป รวมไปถึงยังอาจส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมาได้
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาโรคดึงผมอยู่ แนะนำให้พบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาให้การหยุดดึงผมไม่ได้หายดี จากนั้นหากมีปัญหาเรื่องผมบางหรือหนังศีรษะล้าน รากผมอ่อนแอ เส้นผมไม่สามารถขึ้นได้อีก คุณสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังศีรษะและเส้นผม ประสบการณ์โดยตรงสูง ของ Absolute Hair Clinic ได้ที่ Line : @absolutehairclinic
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที