helenauptight

ผู้เขียน : helenauptight

อัพเดท: 01 ต.ค. 2021 10.24 น. บทความนี้มีผู้ชม: 14412 ครั้ง

บทความ ความรู้ และ สาระ


วิธีเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟ อย่างไรให้ถูกใจ?

 

สำหรับผู้รักการดื่มกาแฟ นอกเหนือจากต้องคัดสรรเมล็ดกาแฟกันอย่างพิถีพิถัน หนึ่งในสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเลือกสรร ‘เครื่องชงกาแฟ’ ที่ใช่และตอบโจทย์ที่สุด แต่การเลือกเครื่องชงกาแฟ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจกลไกและหลักการทำงานของเครื่องชงกาแฟ มีข้อสำคัญใดควรรู้บ้าง ก่อนเลือกซื้อ วันนี้ Aroma รวบรวมมาให้แล้ว

 

 

1.องค์ประกอบสำคัญของเครื่องชงกาแฟ 

 

เครื่องชงกาแฟในปัจจุบันมีหลากหลายประเภทด้วยกัน อาทิ เครื่องชงแบบดริป (Drip Coffe), เครื่องชงแบบฝรั่งเศส (French Press), เครื่องชงชนิดกาต้มกาแฟ (Moka Pot) แต่ชนิดที่เป็นที่นิยมทั้งเชิงพาณิชย์และใช้งานส่วนตัวมากที่สุด คือ เครื่องชงกาแฟแรงดัน หรือที่มักเรียกว่า เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ (Espresso Machine) ซึ่งก็มีทั้งแบบปกติและแบบอัตโนมัติ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญที่มือใหม่ กำลังเลือกซื้อ ควรรู้จักและทำความคุ้นเคย ได้แก่

 

หัวกรุ๊ป หรือ หัวชง 

หัวชง คือ บริเวณที่ยึดของก้านชง ทำหน้าที่จ่ายและกระจายน้ำเพื่อสกัดกาแฟออกมาสู่แก้วชง

ก้านสตรีม

ก้านสตรีมถูกออกแบบมาเพื่อปล่อยแรงดันน้ำจากหม้อต้มออกมาเพื่อใช้สำหรับการสตรีมนม

หม้อต้ม

หม้อต้ม คือ หม้อสำหรับให้ความร้อนน้ำ ทำให้น้ำที่อยู่ในหม้อต้มมีอุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้ และรักษาอุณหภูมิให้คงที่

ในแต่ละเครื่องชงกาแฟ จึงมีระบบควบคุมอุณหภูมิของหม้อต้มด้วย เพื่อคอยป้องกันและควบคุมความร้อนของหม้อต้มให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ยิ่งแบรนด์ใดเลือกใช้ระบบคุณภาพสูง ก็ยิ่งมีผลต่อราคา โดยที่นิยมมีอยู่ 2 ระบบ ได้แก่

Thermostat และ Pressurestat

ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิและแรงดันสำหรับหม้อต้มด้วยกลไกของการขยายและหดตัวของโลหะ มีกระบวนการโดยสังเขป คือ เมื่อความร้อนของหม้อต้มสูงขึ้น โลหะภายใน Thermostat จะขยายตัว และเมื่อขยายตัวจนถึงจุดที่ตั้งไว้ ระบบกลไกก็จะตัดการทำงานของหม้อต้ม เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิให้เหมาะสม 

ส่วน Pressurestat ก็จะทำงานคล้ายคลึงกัน คือ เมื่อความร้อนของหม้อต้มสูงขึ้น แรงดันไอน้ำจากหม้อต้มจะถูกส่งเพื่อดันสวิต์ และเมื่อมีแรงดันสูงกว่าที่ตั้งไว้ 

เมื่อมีแรงดันไอน้ำจากหม้อต้มไปดันสวิสต์เมื่อหม้อต้มมีแรงดันสูงกว่าที่ตั้งไว้ ระบบกลไกก็จะตัดการทำงานของหม้อต้ม เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิให้เหมาะสม 

มักถูกใช้งานในเครื่องชงกาแฟมาตรฐาน ระดับการใช้งานส่วนตัวและเชิงพาณิชย์ทั่วไป

 

Proportional Integral Derivative (PID)

ระบบควบคุมอุณหภูมิหม้อต้มที่ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิให้คงที่และง่ายดายกว่าเดิม มักถูกใช้งานในเครื่องชงกาแฟระดับการใช้งานส่วนตัวและเชิงพาณิชย์ที่มีความซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เช่น ในเครื่องชงกาแฟที่มีหลายหัวชง เช่น WEGA MY CONCEPT EVD 3 GR เครื่องชงกาแฟ ความจุหม้อต้มน้ำ 13 ลิตร, หัวชง 3 หัว, ก้านทำโฟมนม 2 ก้าน พร้อมระบบ PID Technology สำหรับควบคุมอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ในการชงกาแฟให้คงที่อยู่เสมอ (+-/0.1)


 

2.ปั๊มน้ำ

ปั๊มน้ำในเครื่องชงกาแฟ ทำหน้าที่จ่ายน้ำเข้าหม้อต้มและสร้างแรงดันสำหรับการสกัดกาแฟ ช่วยอำนวยความสะดวกในกรณีต้องการชงกาแฟบ่อยและต่อเนื่อง ผู้ใช้งานไม่ต้องมาคอยเติมน้ำเอง ส่วนใหญ่จึงมีในเครื่องชงกาแฟขนาดกลาง-ใหญ่ ในขนาดเล็ก-ใช้งานส่วนตัวจึงไม่ค่อยมีปั๊มและเป็นระบบเติมน้ำเอง โดยปั๊มน้ำที่นิยมมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่

 

ปั๊มแบบสั่น (Vibration Pump) ใช้ลูกสูบและพลังงานแม่เหล็กในการดึงลูกสูบเดินหน้าถอยหลังทำให้เกิดแรงดัน มีข้อดีคือขนาดเล็ก ใช้พื้นที่น้อย จึงราคาถูก แต่เพราะมีการเคลื่อนที่เข้าออก จึงอาจทำให้แรงดันที่ได้ไม่เสถียร มักใช้ในเครื่องระดับมาตรฐาน 

ปั๊มแบบโรตารี่ (Rotary Pump) ทำงานด้วยระบบมอเตอร์ ทำให้มีขนาดใหญ่, ความเสถียร ตลอดจนราคาสูงกว่าแบบสั่น มักใช้ในเครื่องระดับ Commercial 


2.ปัจจัยที่มีผลต่อ ‘ราคา’ เครื่องชงกาแฟ 

จากข้อมูลข้างต้น หลายคนคงเริ่มเห็นว่าองค์ประกอบแต่ละส่วนของเครื่องชงกาแฟล้วนมีผลต่อราคา ยิ่งแบรนด์ใดใช้วัสดุคุณภาพสูง ราคาผลิตภัณฑ์ก็ยิ่งสูงขึ้น แต่การที่เครื่องชงกาแฟแต่ละเครื่องต้องเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงก็มิใช่เพื่อความเสถียรทั่วไป แต่มีหัวใจสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องสามารถชงกาแฟให้ได้คุณภาพเท่ากันทุกแก้วอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเครื่องสามารถช่วยให้ชงกาแฟได้คุณภาพเท่ากันอย่างต่อเนื่องได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีราคาสูง โดยปัจจัยที่มีผลต่อหัวใจหลักตรงนี้ก็ประกอบด้วยหลายอย่างตั้งแต่จำนวนหัวชง, ประเภทระบบเครื่อง, ประเภทปั๊มน้ำ ฯลฯ 

หลักการเลือก คือ หากเราไม่ได้ต้องการใช้ในเชิงพาณิชย์ ในร้านกาแฟ หรือในสถานที่ที่ต้องชงบ่อย วันละหลายแก้วอย่างต่อเนื่อง  ก็สามารถเลือกเครื่องระบบต่ำลงมาได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใหญ่หลายหัว เพราะถือว่าไม่จำเป็น ส่วนสำหรับการใช้งานในร้านกาแฟ ควรดูขนาดและปริมาณลูกค้าของตนเองเป็นหลักว่ามากน้อยแค่ไหนต่อวัน โดยอาจเลือกใช้เป็นเครื่องขนาดกลางก่อนในช่วงเริ่มต้นและจึงค่อยเพิ่มเป็นขนาดใหญ่ หลายหัว เมื่อเริ่มเติบโต 


3.เครื่องบดกาแฟ คู่หูสำคัญของเครื่องชงกาแฟ

นอกเหนือจากปัจจัยด้านบน อีกหนึ่งข้อควรรู้แน่นอนว่าคือความสำคัญของ ‘เครื่องบดกาแฟ’ ซึ่งมีความจำเป็นในเครื่องทำกาแฟสด เนื่องจากเครื่องส่วนใหญ่จะไม่มีระบบบดกาแฟในตัว ยกเว้น บางเครื่องที่เป็นระบบอัตโนมัติ เช่น เครื่องชงกาแฟสำนักงานส่วนใหญ่ จะเป็นแบบอัตโนมัติ มีเครื่องบดมาให้เลย ช่วยอำนวยความสะดวก แต่ถ้าเป็นคอกาแฟหรือสำหรับร้านกาแฟที่เน้นสูตรและรสชาติ ส่วนใหญ่ก็จะใช้เครื่องชงปกติและเครื่องบดต่างหาก เพราะการบดนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ บดละเอียดมากน้อยมีผลต่อรสชาติและสูตรของแต่ละร้าน 



 

WE ARE AROMA

Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน



ค้นหาสินค้ายอดนิยมของเรา: โกโก้ ชา เครื่องบดกาแฟ และ เครื่องชงกาแฟ


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที