การลงทุนในปี 2020 ช่วงปีแห่งการแพร่กระจายของโควิด-19 ที่ผ่านมา บรรดานักลงทุนต่างได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์แบบเดิมไม่คุ้มค่ามีความผันผวน แต่ท่ามกลางช่วงเวลาดังกล่าว ยังมีสินทรัพย์หนึ่งซึ่งถือเป็นพระเอกของการลงทุนในรอบปีที่ผ่านมา นั่นคือ ทองคำ ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มีแรงซื้อจากนักลงทุนรายบุคคลและสถาบันทางการเงินทั่วโลก เข้ามาสะสมต่อเนื่องตลอดปี นอกจากทองคำแล้วยังมีสินค้าต่างๆ รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจ ที่ไม่เพียงแต่จะให้ผลตอบแทนที่ดีแล้วยังเป็นการกระจายความเสี่ยงอีกทางหนึ่งด้วย
การลงทุนในสินทรัพย์หรูของทั่วโลก
สินทรัพย์หรูนอกจากจะให้คุณค่าทางใจ แสดงออกถึงความมั่งคั่งส่วนบุคคลแล้ว ยังสามารถใช้เป็นการลงทุนเก็งกำไรในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกได้อีกด้วย ซึ่งการลงทุนในรูปแบบนี้แตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิมที่เรารู้จักอย่างเงินฝากธนาคาร พันธบัตร หรือหุ้น ที่มักอยู่ในรูปเอกสารสัญญา แต่สินทรัพย์ทางเลือกที่จับต้องได้อย่างเช่น ภาพวาดหายากของศิลปินที่มีชื่อเสียง อาจไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้เกิดขึ้นได้เลย หากไม่มีคุณค่าในสายตาผู้มองเห็น แต่สำหรับผู้ให้คุณค่าแล้วของเหล่านี้จะมีคุณค่ามากมายเป็นทวีคูณ
มีข้อมูลจาก Knight Frank (บริษัทให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินเพื่อการลงทุน) ซึ่งได้ทำการสอบถามพนักงานธนาคาร ที่ปรึกษาด้านสร้างความมั่งคั่ง รวมทั้งครอบครัวของพวกเขา ด้วยจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 600 คน จากทุกภูมิภาคทั่วโลก แล้วสรุปรวมมาเป็นดัชนีการลงทุนในสินทรัพย์หรู ปี 2020
จากข้อมูลระบุว่า งานศิลปะเป็นสินทรัพย์ทางเลือกยอดนิยมในเกือบทุกภูมิภาคของโลก ยกเว้นในเอเชียและแอฟริกา ที่นาฬิกาหรู เป็นสินทรัพย์ยอดนิยมอันดับ 1 โดยในภูมิภาคเอเชียนั้น ผู้บริโภคชาวจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในตลาดนาฬิกาหรูทั่วโลก เป็นแรงผลักดันหลักทำให้สินทรัพย์นี้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาค อีกทั้งในปี 2020 ที่ผ่านมา การบริโภคของชาวจีนได้ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว เห็นได้จากการนำเข้านาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังจีนที่เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเทียบกับปี 2019 ขณะที่ภูมิภาคแอฟริกามีอัตราการเติบโตของการบริโภคสินค้าหรูเพิ่มขึ้นจากการที่คนมีฐานะในภูมิภาคนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยชาวแอฟริกันที่มีฐานะนิยมซื้อหาสินค้าหรูอย่างเสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม เป็นต้น ทั้งยังมีข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า ในช่วงปี 2010-2020 แอฟริกาใต้มีสัดส่วนการบริโภคของคนรวยเติบโตสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
ภาพการลงทุนในสินค้าหรูหรา 10 อันดับแรก เรียงตามความนิยมในแต่ละภูมิภาค
ที่มา: https://www.visualcapitalist.com/
ทั้งนี้ หากพิจารณาอันดับความนิยมการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกของทุกภูมิภาคทั่วโลกโดยรวม ปรากฏว่า 5 อันดับแรก ได้แก่ งานศิลปะ รถยนต์คลาสสิก นาฬิกาหรู ไวน์ และเครื่องประดับ ซึ่งให้ผลตอบแทนเมื่อถือครองเป็นระยะเวลา 10 ปี เท่ากับ 71%, 193%, 89%, 127% และ 67% ตามลำดับ
ตารางแสดงอันดับความนิยมการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกของโลก
ข้อมูลจาก https://www.visualcapitalist.com/
นอกจากนี้ การขายสินทรัพย์หรูที่ทำมูลค่าสูงสุดในปี 2020 พบว่า ภาพวาด Triptych Inspired by the Oresteia of Aeschylus ของ Francis Bacon ศิลปินแนวศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art) ซึ่งวาดไว้ในปี 1981 สามารถทำเงินได้จากการประมูลของ Sotheby's (บริษัทจัดการประมูลผลงานศิลปะสัญชาติอังกฤษ) เป็นเงินถึง 84.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรถยนต์คลาสสิกอย่าง Bugatti Type 55 Super Sport Roadster ที่มีราคาจำหน่ายในปี 1932 อยู่ประมาณ 77,200 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถทำมูลค่าได้สูงถึง 7.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นรถยนต์คลาสสิกที่ทำเงินได้สูงสุดในรอบปี 2020
โดยการประมูลออนไลน์เป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นในช่วงเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เห็นได้จาก รายงานของ Sotheby's แจ้งว่า ในปี 2020 มีการจัดประมูลออนไลน์คิดเป็น 70% ของงานประมูลทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มีการจัดประมูลออนไลน์เพียง 30% เท่านั้น
การลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกในไทย
เมื่อมองย้อนกลับมาดูการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Investment) ของบ้านเรา พบว่า ในปี 2021 นอกจากสินทรัพย์พื้นฐานที่เราคุ้นเคยกันแล้ว มีข้อมูลจากธนาคารออมสินให้ทางเลือกในการลงทุนไว้ในสินทรัพย์ 4 ประเภท คือ
1. อสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด ปัจจัยที่ให้พิจารณา คือ มีทำเลดี ใกล้ห้างสรรพสินค้า
มีการเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะซื้อเพื่อให้เช่าหรือรอขาย ที่ดินทำเลดีจะมีการขยับของราคาเพิ่มสูงขึ้นได้รวดเร็ว
2. ทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มเรื่อยๆ สามารถเก็บออมไว้สร้างผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ แม้ราคาในปัจจุบันจะปรับตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแต่ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมเสมอ
3. อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสินทรัพย์ที่นอกจากมีความสวยงามให้คุณค่าทางจิตใจ ยังเก็บไว้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้สำหรับคอลเลคชั่นหายากหากมาจากแบรนด์ดังชั้นนำด้วยแล้ว ย่อมเป็นที่ไขว่คว้าของนักสะสมทั่วโลก
4. ของเก่าหายาก ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ วัตถุโบราณ พระเครื่อง และของสะสมอื่นๆ ล้วนมีคุณค่าเป็นที่ต้องการในหมู่นักสะสมและผู้ชื่นชอบ การเก็บรักษาไว้นอกจากความสวยงามแล้วยังสร้างกำไรจากการขายได้อีกด้วย
ทั้งนี้ มีข้อมูลจาก Peer Power (บริษัทผู้ให้คำปรึกษาและบริการด้านการลงทุน) แสดงผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในประเทศไทย โดยจะเห็นว่า สินทรัพย์ประเภทของสะสมให้ผลตอบแทนต่อปีสูงที่สุดถึง 11% ตามมาด้วยอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทนประมาณ 7-10% ขณะที่สินทรัพย์ทางการเงินอย่างหุ้นกู้ พันธบัตร หุ้น หรืออนุพันธ์ ให้ผลตอบแทนค่อนข้างผันผวนอยู่ในช่วง 3%-12% รายละเอียดดังรูป
ที่มา : https://www.peerpower.co.th
การลงทุนที่ยั่งยืนด้วยอัญมณีและเครื่องประดับ
อัญมณีและเครื่องประดับอยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน มีการนำมาใช้ในรูปแบบที่หลากหลายทั้งเป็นเครื่องประดับ สัญลักษณ์ สื่อแทนความรัก ใช้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ หรือเป็นมรดกตกทอด ในอดีตสมัยอารยธรรมกรีกและโรมัน มีการใช้เครื่องประดับของมีค่าแทนเงินตราและการลงทุนหากำไร ในขณะที่ปัจจุบันความสัมพันธ์ของผู้ครอบครองเครื่องประดับมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะมีการนำมาใช้ในหลายรูปแบบทั้งเพื่อสวมใส่ส่วนตัวและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในหลายวิธีการ นอกจากนี้ เรายังสามารถเสาะหาอัญมณีและโลหะมีค่าที่ทรงคุณค่าจากทั่วทุกมุมโลกได้ง่ายขึ้นผ่านข้อมูลในสื่อออนไลน์ต่างๆ จึงอาจกล่าวได้ว่าเครื่องประดับของมีค่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งจากอดีตจวบปัจจุบัน
การลงทุนในอัญมณีและเครื่องประดับนั้นแตกต่างจากสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ เพราะความสวยงามของแต่ละชิ้นงานสามารถสร้างความหลงใหลให้แก่ผู้พบเห็น ทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นด้วย โดยความคุ้มค่าที่เกิดขึ้นจากการลงทุน แบ่งออกเป็น 3 ประการ คือ
1. อัญมณีและโลหะมีค่า คงความมีคุณค่าอยู่เสมอ
เมื่อเทียบกับมูลค่าของเงินตราที่มีความผันผวน ทองคำ เพชร หรือโลหะมีค่า ค่อนข้างมีเสถียรภาพในมูลค่ามากกว่า แม้ว่าการซื้อ-ขายทองคำที่นักลงทุนนิยม ราคาจะขึ้นลงตามปัจจัยที่เกี่ยวข้อง แต่ทองคำยังคงความน่าเชื่อถือมายาวนานยิ่งกว่าสกุลเงินตราของแต่ละประเทศ สำหรับเพชรและโลหะมีค่านั้น มีการกำหนดราคากลางที่ทั่วโลกสามารถใช้อ้างอิงเพื่อการลงทุนได้จากหลายองค์กรที่มีชื่อเสียง เช่น Rapaport, Money Metals Exchange, APMEX และ Kitco เป็นต้น ทั้งนี้ อัญมณีและโลหะมีค่าแต่ละชนิดนั้นมีคุณค่าไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประเภท ความบริสุทธิ์ และคุณภาพของอัญมณีและโลหะมีค่าเหล่านั้นด้วย
2. การลงทุนในอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุด
ในสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจพบว่า การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์หรือตลาดทุนมีความผันผวนสูงและแปรผันไปในทิศทางเดียวกันกับสภาพเศรษฐกิจ กล่าวคือ ราคาจะดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ ดังวิกฤตซับไพร์มในสหรัฐอเมริกาปี 2008 แต่ทั้งนี้มีข้อมูลจาก Catana Capital (บริษัทให้บริการทางการเงิน) บ่งชี้ว่า สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสวนกระแสดีที่สุดในช่วงวิกฤต 3 อันดับแรก คือ กองทุน Hedge Fund พันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ และทองคำ โดยให้ผลตอบแทน 25%, 18% และ 11% ตามลำดับ ไม่เพียงแต่ทองคำเท่านั้น การถือครองอัญมณีและสินทรัพย์มีค่าเหล่านี้ในระยะยาวจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพมากกว่าสินทรัพย์อื่น
3. อัญมณีและเครื่องประดับเป็นการลงทุนทางใจ
เมื่อเราพูดถึงอัญมณีและเครื่องประดับ คนส่วนมากมักนึกถึงช่วงเวลาที่สำคัญ ความทรงจำดีๆ คนที่เรารัก หรือวันครบรอบเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งไม่มีสินทรัพย์อื่นสามารถทำได้อย่างอัญมณีและเครื่องประดับ เพราะนี่เป็นการลงทุนทางใจให้กับครอบครัว คำสัญญา ความสัมพันธ์ และสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต
การลงทุนในอัญมณีและเครื่องประดับที่น่าสนใจ ในปี 2021
สินทรัพย์อย่างอัญมณีและเครื่องประดับนั้น นอกจากสร้างความลุ่มหลงให้แก่ผู้พบเห็นด้วยความประณีตและงดงามของตัวมันเอง หลายครั้งที่แสดงความโดดเด่นด้านผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะการลงทุนในระยะยาว ในปี 2021 Estate Diamond Jewelry (บริษัทอัญมณีและเครื่องประดับ) ได้มีการรวบรวมเครื่องประดับที่น่าลงทุนที่สุด 10 อันดับ( เรียงตามพิกัดศุลกากร 71) ไว้ดังนี้
1. ไข่มุกธรรมชาติน้ำเค็ม
ไข่มุกน้ำเค็มที่มีอยู่ในธรรมชาตินั้นนอกจากความหายากและเสี่ยงอันตรายในการงมหาแล้ว ยังมีเพียง 1 ในหมื่นของหอยมุกในธรรรมชาติที่มีคุณภาพเพียงพอมาทำเครื่องประดับ จึงทำให้ราคาของไข่มุกน้ำเค็มตามธรรมชาติมีราคาสูงกว่าไข่มุกน้ำจืดและไข่มุกเลี้ยง สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ ควรเลือกเครื่องประดับมุกประเภทนี้ที่เป็นงานของเก่าโบราณและมาจากงานออกแบบของดีไซน์เนอร์มีชื่อ จะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปอีกในอนาคต ข้อมูลจาก www.gemsociety.org ระบุว่า ราคาของไข่มุกธรรมชาติน้ำเค็มแพงกว่าไข่มุกเลี้ยงอะโกย่า 10-20 เท่า (ปัจจุบัน สร้อยไข่มุกอะโกย่า ราคาประมาณ 300-10,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
2. เพชร Type II 1
เพชรที่ขุดพบส่วนใหญ่ราว 98% ของเพชรทั้งหมดจะมีการเจือปนของมลทินในเพชร ทำให้ถูกจัดในประเภทเพชร Type Ia และ Ib ขณะที่อีก 2% เป็นเพชรที่มีความสะอาดมากกว่า ถูกจัดไว้ในประเภท Type II ที่มีความสะอาดของเพชรสูงมีมลทินน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย โดยราคาของเพชรประเภทนี้จะสูงกว่าเพชร Type I ประมาณ 2-3% ดังนั้น ด้วยความหายากและความสะอาดของเพชร (Clarity) ที่สูงจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการลงทุน ราคาของเพชร Type I เกรดความสะอาดของเพชร (Clarity) VVS1 (Very Very Slightly Included) ขนาด 1 กะรัต จาก Blue Nile เฉลี่ยอยู่ที่ 12,915.24 ดอลลาร์สหรัฐ
3. เพชรสีแฟนซี
เพชรสีนั้นสามารถพบได้ยากกว่าเพชรใสไม่มีสี ในเพชรที่ขุดพบหมื่นเม็ดมีเพชรสีเพียง 1 เม็ดเท่านั้น ขณะที่ราคาเพชรสีขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในเอเชียที่มีเทรนด์จากคนรุ่นใหม่ซึ่งต้องการเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรูปแบบและสีสันที่แตกต่างไปจากแบบเดิมๆ เพชรสีจึงตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว โดยสีที่นิยมได้แก่ สีน้ำเงิน สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีชมพู และสีเขียว
ภาพเพชรสีจาก https://www.pinterest.com
4. ทับทิมเมียนมาที่ไม่ผ่านการเผา
เป็นที่ทราบกันว่า ทับทิมคุณภาพดีที่ทั่วโลกให้การยอมรับคือ ทับทิมจากเมียนมา ซึ่งบรรดานักสะสมต่างขวนขวายค้นหามาครอบครอง โดยหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญคือ สีแดงสดเสมือนสีของเลือดนกพิราบ (Pigeon's Blood) เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทับทิมจากเมียนมามีราคาสูงและหากเป็นทับทิมที่ไม่ผ่านการเผาเพื่อปรับปรุงคุณภาพแล้ว ยิ่งสร้างมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย
5. แซปไฟร์แคชเมียร์
แซฟไฟร์จากแคว้นแคชเมียร์ของอินเดียเป็นแซปไฟร์ที่ตลาดให้ความนิยมและสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีความนิยมใช้แหวนหมั้นประดับด้วยแซปไฟร์กันอย่างกว้างขวาง เมื่อพิจารณาถึงราคาที่เพิ่มขึ้นจะพบว่า เมื่อ 50 ปีก่อนแซฟไฟร์แคชเมียร์ 1 กะรัต ราคาราว 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันราคาสูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 กะรัต
6. มรกตโคลอมเบีย
มรกตจากโคลอมเบียเป็นแหล่งที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง ตามมาด้วยบราซิล และแซมเบีย เป็นอัญมณีอีกชนิดหนึ่งนอกจากสปิเนลสีแดงที่นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้ามาลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนไม่มาก นักลงทุนควรเลือกมรกตที่ไม่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพและเลือกขนาดกะรัตที่สูงจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่า ราคาเฉลี่ยของมรกตโคลอมเบียคุณภาพดีต่อ 1 กะรัต อยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
7. สปิเนลสีแดง
แต่ก่อนสปิเนลไม่ว่าจะเป็นสีใด ไม่มีใครให้ความสนใจในการลงทุนมากนัก แต่ทว่าราคาของมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ แต่ต่อเนื่อง ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยสีที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ สีแดง นักลงทุนควรเลือกแหล่งที่มาที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมจากทั่วโลกอย่างเหมืองโมกก ในเมียนมา ซีลอน (ศรีลังกา) หรือจากแทนซาเนีย จึงคุ้มค่าการลงทุน อีกทั้งราคาของสปิเนลยังไม่สูงมากทำให้นักลงทุนไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมากเหมือนอัญมณีหรือเครื่องประดับอื่นๆ ในปี 2021 ราคาโดยเฉลี่ยต่อ 1 กะรัต อยู่ที่ 600-1,800 ดอลลาร์สหรัฐ
8. ทองคำและแพลทินัม
ทั้งทองคำและแพลทินัมเป็นโลหะมีค่าที่เป็นทั้งสินค้าโภคภัณฑ์และเครื่องประดับ ซึ่งมีราคาขึ้น-ลงตามการเก็งกำไรจากนักลงทุน แต่มักให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่โลหะมีค่าทั้งสองนี้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน อีกทั้งระดับราคายังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังที่ราคาทองคำทะยานขึ้นทำราคาสูงสุดในเดือนสิงหาคม ปี 2020 ที่ราคา 2067.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อีกทั้งเมื่อพิจารณาราคาทองคำในรอบ 10 ปีที่ผ่าน พบว่า ในปี 2010 มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,224.53 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาเฉลี่ยในปี 2021 อยู่ที่ 1,787.17 ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้นราว 45.95% โดยปีนี้ผู้เชี่ยวชาญให้น้ำหนักความน่าสนใจที่แพลทินัมมากกว่าทองคำ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในแอฟริกาใต้ที่เป็นประเทศผู้ผลิตแพลทินัมรายใหญ่ของโลก คิดเป็นสัดส่วนราว 73% ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแพลทินัม ขณะที่มีแรงซื้อจากหลายอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แพลทินัมในการผลิตกลับคืนมา โดยนับตั้งแต่มีนาคม 2020 ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทั่งถึงมีนาคม 2021 ราคาแพลทินัมเพิ่มสูงขึ้นกว่า 90% แล้ว (ข้อมูลจาก ww.kitco.com)
9. เครื่องประดับที่ประทับตราแบรนด์ชื่อดัง
เครื่องประดับที่มีตราสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่าง Bvlgari หรือ Cartier สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้นับพันดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่สร้างคุณค่านี้มาจากการออกแบบที่โดดเด่น มีลักษณะเฉพาะตัว และความหายากของเครื่องประดับในคอลเลคชั่นที่ผ่านการออกแบบจากดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง เมื่อเวลาผ่านไปเครื่องประดับเหล่านี้จะมีคุณค่าและราคาสูงขึ้นตามลำดับ
ภาพแหวนแบรนด์ Chaumet และแหวนแบรนด์ Bvlgari จาก https://www.pinterest.com
10. แหวนวินเทจหายาก
แหวนแนววินเทจเป็นอีกหนึ่งความชื่นชอบของนักสะสมเช่นเดียวกับเครื่องประดับแนววินเทจอื่นๆ โดยมีรายงานจาก Art Market Research ของสหราชอาณาจักรบ่งชี้ว่า แหวนแนวนี้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 80% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยแนววินเทจที่น่าสะสมนี้ต้องเป็นงานที่ผลิตในช่วงยุค Art Deco รุ่งเรือง (ค.ศ. 1920-1930) จึงเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมและนักลงทุน รวมทั้งหากเครื่องประดับชิ้นนั้นมีความพิเศษกว่าชิ้นอื่นในยุคเดียวกันจะทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการลงทุนหลายคนอาจคิดถึงกำไรแต่ต้องไม่ลืมความเสี่ยงที่ติดตามมาด้วย การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอาจมีผลตอบแทนที่สูงและน่าสนใจ หากแต่นักลงทุนพึงตระหนักว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ก่อนลงทุนในอัญมณีและเครื่องประดับทุกครั้ง ย่อมลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและตอบโจทย์ในผลตอบแทนที่เฝ้ารออย่างแน่นอน
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที