ท่านผู้อ่านหลายท่านคงรู้จักชื่อของ วอลลิซ ซิมป์สัน สตรีหม้ายชาวอเมริกันผู้กุมหัวใจของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร บุคคลผู้มีความสำคัญต่อชีวิตและหัวใจของกษัตริย์หนุ่ม และนำมาสู่การตัดสินพระทัยสละราชสมบัติหลังจากทรงขึ้นครองราชย์ได้เพียง 11 เดือน นับเป็นหนึ่งในกษัตริย์อังกฤษที่มีระยะเวลาการครองราชย์สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์ก (พระอิสริยยศก่อนการขึ้นครองราชย์) ทรงพบกับวอลลิซ ซิมป์สัน ครั้งแรก เมื่อปี 1931 เสน่ห์ของเธอเป็นที่ต้องตาต้องใจว่าที่กษัตริย์หนุ่มเป็นอย่างมาก ทั้งคู่ได้เริ่มทำความรู้จักและศึกษาดูใจจนพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรัก โดยที่ในตอนนั้น วอลลิซ ซิมป์สัน ยังมีพันธะผูกพันอยู่กับสามีของเธอ
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 1936 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งยอร์ก ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ผู้เป็นพระราชบิดา ทางด้านวอลลิซ ซิมป์สัน ก็ได้หย่าร้างกับสามีของเธอ เพื่อเตรียมเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1936 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงขอวอลลิซ ซิมป์สัน แต่งงาน ทรงมอบแหวนมรกตขนาด 19.77 กะรัต บนตัวเรือนแพลทินัม เพื่อเป็นแหวนหมั้นแด่นางอันเป็นที่รัก แหวนวงนี้พระองค์ทรงสั่งทำจาก Cartier บนตัวเรือนมีข้อความสลักว่า “WE are ours now 27 X 36” มีความหมายว่า “จากนี้ไปเราจะมีกันและกัน” สำหรับตัวเลข 27 X 36 นั้น หมายถึง วันที่ 27 ตุลาคม 1936* ซึ่งคือวันที่พระองค์ทรงขอเธอแต่งงาน แต่หากพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่า WE คือพยัญชนะตัวแรกในชื่อของวอลลิซ ซิมป์สัน และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 อีกด้วย
วอลลิซ ซิมป์สัน ขณะสวมแหวนหมั้นมรกต
ภาพจาก: The Adventurine
อย่างไรก็ตาม ความรักครั้งนี้หาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เนื่องจากทั้งคู่ต้องพบกับอุปสรรคอันใหญ่หลวง ทั้งจากความไม่เห็นชอบจากสมาชิกราชวงศ์ ตลอดจนเสียงคัดค้านจากคณะรัฐบาลและแรงต้านจากประชาชน ด้วยทุกฝ่ายต่างมองว่าวอลลิซ ซิมป์สัน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งราชินี ความรักของกษัตริย์หนุ่มจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ และเมื่อหน้าที่กับความรักเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันได้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 จึงต้องเลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้น
และเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1936 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงประกาศสละราชสมบัติ โดยพระองค์ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนซึ่งในถ้อยแถลงตอนหนึ่งมีความว่า “ข้าพเจ้าปรารถนาให้ทุกท่านเข้าใจว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มิได้เป็นไปโดยปราศจากการคำนึงถึงประเทศชาติ แต่โปรดเข้าใจว่าความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงในฐานะกษัตริย์ข้าพเจ้าเต็มใจยิ่งที่จะปฏิบัติ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าพเจ้าจะรับผิดชอบการงานทั้งปวงโดยปราศจากแรงสนับสนุนจากสตรีที่ข้าพเจ้ารัก”
ภายหลังจากการสละราชสมบัติ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (พระอิสริยยศภายหลังการสละราชสมบัติ) และวอลลิซ ซิมป์สัน ได้ย้ายไปพำนักที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นการถาวร และได้เข้าพิธีสมรสอย่างเรียบง่าย เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1937 ก่อนจะได้รับการเฉลิมพระอิศริยยศเป็นดยุกและดัชเชสแห่งวินด์เซอร์
ในโอกาสครบรอบการแต่งงานปีที่ 20 ในปี 1957 ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ได้นำแหวนหมั้นมรกตมายัง Cartier เพื่อเปลี่ยนตัวเรือนใหม่เป็นตัวเรือนทองล้อมด้วยเพชร ส่วนตัวเรือนแพลทินัมของเดิมที่มีข้อความสลักไว้นั้น เธอได้เก็บไว้เป็นอย่างดีตราบจนลมหายใจสุดท้าย
แหวนหมั้นมรกตของวอลลิซ ซิมป์สัน ที่เปลี่ยนตัวเรือนใหม่โดย Cartier
ภาพจาก: Wedding Essentials
และเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 84 ปี ของการแต่งงานระหว่างดยุกและดัชเชส แห่งวินด์เซอร์ ถึงแม้ว่าบุคคลทั้งสองจะลาจากโลกนี้ไปนานแล้ว แต่เรื่องราวความรักของเขาและเธอจะยังเป็นที่จดจำและเล่าขานไปอีกนานแสนนาน
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที