หน้าฝนไม่ล้างรถระวัง!! สีพัง!!
ช่วงหน้าฝน หลายคนคงไม่อยากจะล้างรถเพราะหลายคนเคยพบกับปัญหาล้างรถตอนเช้า บ่ายฝนตก ทำให้รถสกปรกเหมือนเดิม แต่การล้างรถในช่วงหน้าฝนเป็นสิ่งที่ควรทำ การละเลยอาจส่งผลระยะยาวต่อรถคนโปรดของเราได้ วันนี้ได้รวบรวมข้อมูลมาบอกกันดังนี้
ลองคิดดูในช่วงหน้าฝนรถของเรา ที่ใช้เดินทางจะโดนสิ่งสกปรกใดบ้างตลอดวัน ทั้งลุยน้ำสกปรก ลุยฝน จนสกปรกเลอะทั้งคัน โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง มลพิษทำให้ฝนที่ตกมามีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนสีรถของเรา ให้หม่นหมอง ไม่เงางาม การล้างรถจึงเป็นสิ่งจำเป็น
สาเหตุที่จำเป็นต้องล้างรถในช่วงฤดูฝน
1. ฝนมีสภาพเป็นกรด สามารถฝังลึกทำร้ายสีรถได้ เนื่องจากฝนกรดอาจฝังเข้าไปในผิวสีรถ หากทิ้งไว้นานส่งผลต่อสีรถ โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง สามารถกัดกร่อนสีรถของเรา ให้หม่นหมอง ไม่เงางามได้
2. เกิดคราบน้ำฝังแน่น เนื่องจากเมื่อมีหยดน้ำบนผิวรถผสมกับฝุ่นละอองที่เกาะบนรถ ทำให้เกิดคราบน้ำบนสีรถ ยิ่งสะสมไว้คราบไว้นาน และตากแดดจะทำให้การทำความสะอาดทำได้อยากขึ้น และอาจต้องเสียค่าทำความสะอาดเพิ่มขึ้นได้
3. ช่วงหน้าฝนมักมีลมแรงพัดเอา เศษกิ่งไม้ ใบไม้ ตกบนบนตัวรถอาจส่งผลทำให้ผิวสีรถด่างและเสียได้
4. สภาพอากาศที่มีความชื้นสูงก่อให้เกิดสนิม โดยเฉพาะเมื่อรถผ่านการลุยฝน เกิดความชื้นตลอดเวลา การชำระล้างและทำให้แห้งช่วยให้ลดการเกิดสนิมได้
5. รถเปียกน้ำสิ่งสกปรกในอากาศมาติดง่าย เช่น ฝุ่นละออง ซึ่งทำให้เกิดคราบดำ หากเป็นรถสีขาวจะทำให้สีรถหมองเร็ว
แล้วเราควรล้างรถบ่อยแค่ไหน?
ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสีรถแนะนำว่าควรล้างรถหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ถ้ารถถูกใช้งานในสภาพอากาศที่ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศไทยที่อุณหภูมิความร้อน และแสงแดดเป็นบ่อนทำลายความเงางามของสีรถได้เป็นอย่างดี โดนเฉพาะถ้าเป็นหน้าฝน เม็ดฝนที่กวาดรวมเอามลภาวะลงมาพร้อมกับเม็ดฝนจนมาเกาะที่สีตัวรถก็คือศัตรูตัวดีที่ทำให้ตัวรถดูโทรมเร็วกว่า และยังกระตุ้นให้รถเกิดสนิมได้ง่าย
ข้อแนะนำในการล้างรถหน้าฝน
- หมั่นล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังลุยฝนมา เพราะจะช่วยลดการเกิดคราบฝังแน่นได้ แต่ถ้าไม่มีเวลา แนะนำให้ใช้สายยางฉีดน้ำไล่ฝุ่น โคลน และคราบน้ำฝนออกไป และใช้ผ้าเช็ด
- การล้างรถทุกครั้งไม่ควรใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น เพราะอาจทำให้ฝุ่นทราย ขูดกับสีรถจนเป็นรอย
- สำหรับการล้างรถที่ถูกต้อง ควรเริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำเปล่าแรงๆ จากด้านบนลงมาด้านข้าง และสุดท้ายที่ด้านล่าง
- ก่อนใช้แชมพูล้างรถยนต์ โดยเริ่มจากหลังคากระจกรอบด้าน ถึงตัวถังด้านข้าง และสุดท้ายที่ล้อและยาง จากนั้นฉีดล้างออกด้วยน้ำเปล่า
- ทิ้งไว้สักครู่ ก่อนจะเช็ดแห้งด้ายผ้าสะอาดที่กระจกก่อนแล้วจึงนำผ้าผืนดังกล่าว บิดหมาดๆ เช็ดที่ตังถัง โดยเริ่มที่หลังคา ไล่ลงมาด้านข้าง เช่น ประตู หรือขอบฝากระโปรงหน้า หลัง
- ไม่ควรเช็ดตัวถังด้วยผ้าแห้ง เพราะความแข็งของผ้าอาจทำให้สีตัวถังเป็นรอยได้
- ไม่ควรล้างรถเองในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ เพราะบางครั้งน้ำที่ตกค้างอยู่ตามซอกซึ่งเราอาจทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง อาจเป็นสาเหตุทำให้รถเป็นสนิมได้
- หลังการล้างรถหากต้องจอดค้างคืน ให้นำรถออกไปวิ่งสักหนึ่งหรือสองกิโลเมตรเป็นอย่างน้อย เพื่อให้หยดน้ำที่ตกค้างตามซอกต่างๆ ไหลออกไปให้หมดจะได้ไม่กลายเป็นสนิม
- แนะนำให้เคลือบสีรถไว้ตลอด เพราการเคลือบสีรถนอกจากจะนำให้รถเงางามแล้ว ยังช่วยป้องกันคราบน้ำฝน หากเคลือบสีบ่อยๆ น้ำจะไม่เกาะที่ตัวรถ ช่วยลดการเกิดคราบ และทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- อย่าจอดรถใต้ร่มไม้ที่มียางเกสร ดอก หรือผล เพราะในฤดูฝน มักมีลมกรรโชกแรง นอกจากต้นไม้จะหักหรือล้มมาโดนรถเราได้แล้ว สิ่งดังกล่าวอาจจะปลิวมาติดรถ และทำให้สีรถเสียหาย เกิดรอยด่างได้ หากเราไม่แก้ไขในทันที
- เมื่อขับรถลุยฝนมาแล้ว พยายามอย่าจอดรถตากแดดเพราะแสงแดดจะทำให้คราบน้ำฝนแห้ง เป็นคราบฝังตัวแน่น และอาจกัดลงลึกถึงเนื้อสีได้ จะเป็นการทำร้ายสีรถซ้ำหนักเข้าไปอีก
- การทำความสะอาดภายในของตัวรถก็ไม่ควรละเลย เพราะทุกคนต้องสูดอากาศเวียนหายใจภายในห้องโดยสาร ควรดูดฝุ่นสัปดาห์ละหนึ่งครั้งจะช่วยลดฝุ่นที่สะสมอยู่ภายในรถได้
รถยนต์ทรัพย์สินมีค่าต้องการดูแล จะได้ใช้งานได้นานๆ ซึ่งการล้างรถเป็นวิธีการดูแลรถยนต์ง่ายๆที่ไม่ควรละเลย เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถยนต์ของท่าน ด้วย
ประกันรถยนต์ สนใจคลิกเลย
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
- ตอนที่ 1 : หน้าฝนไม่ล้างรถระวัง!! สีพัง!!