Rinda

ผู้เขียน : Rinda

อัพเดท: 28 มี.ค. 2024 12.24 น. บทความนี้มีผู้ชม: 5920 ครั้ง

Being healthy is a bliss.


เพิ่มความเยาว์วัยให้ใบหน้าด้วยการบำรุงลึกทุกขั้นตอน

 
การที่เรามีใบหน้าที่อ่อนวัยนั้นถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเราอย่างมาก นอกจากจะได้รับคำชมมากมายและคำถามว่าเราดูแลตัวเองอย่างไรถึงได้ทำให้หน้าเด็กได้ บางคนอาจจะเกิดมาพร้อมกับกรรมพันธุ์ และหลายๆคนเองก็มีปัญหาในเรื่องของผิวพรรณที่ทำให้ดูหน้าสูงอายุกว่าอายุจริง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะสูญเสียความมั่นใจได้อย่างง่ายๆเวลาที่เราโดนคนอื่นเรียก พี่ หรือ ป้า ทั้งที่อายุเราน่าจะไม่ต่างกันมาก เบื้องต้นการดูแลผิวพรรณก็คงจะไม่พ้นการดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะการขาดน้ำจะทำให้เราผิวแห้งกว่าปกติ ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ครีมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา ถือเป็นการดูแลที่ค่อนข้างตรงจุด 
 
นอกจากนี้อาจจะต้องดูและลึกไปถึงอาหารการกิน ว่าอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายนั้น เราได้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมครบถ้วนหรือไม่ อีกทั้งส่วนที่เรามองข้ามไม่ได้เลย นั่นก็คือ ระบบขับถ่าย เพราะถ้าระบบขับถ่ายมีปัญหา อาจจะส่งผลถึงผิวพรรณได้ หากเรามีปัญหาที่ต้องได้รับการดูแลเช่นมีถุงใต้ตา เราควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการผ่าตัดถุงใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ ส่วนเรื่องการดูแลระบบขับถ่ายนั้น เว็บไซต์ liveandfit แชร์บทความไว้ว่า การขับถ่าย มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของเรา ตลอดจนปัญหาสิวและผิวพรรณด้วย โดยปกติแล้วคนเราจะต้องมีการขับถ่ายทุกวัน เพื่อขับถ่ายของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย หากร่างกายไม่ได้ขับถ่ายของเสียออกมาเป็นเวลานาน สารพิษที่ถูกสะสมไว้อาจจะกลายเป็นตัวทำลายสุขภาพของเราได้ในอนาคต ซึ่งการที่ระบบขับถ่ายไม่เป็นปกติอาจจะมาจากหลายปัจจัย ลองมาดูวิธีที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา โดยการดื่มน้ำให้มากขึ้น หนึ่งในสาเหตุของอาการท้องผูกเกิดจากการที่ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ เพราะหากเราดื่มน้ำเยอะจะน้ำช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้น ทำให้ขับถ่ายคล่องขึ้น ดังนั้น ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ำชา และกาแฟ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะไปขับน้ำออกจากร่างกาย ร่างกายจึงสูญเสียน้ำทำให้อุจจาระแข็ง ขับถ่ายลำบาก สร้างลักษณะนิสัยการขับถ่ายให้สม่ำเสมอ ตามธรรมชาติแล้วคนเราจะต้องขับถ่ายให้เป็นเวลาในทุกๆ วัน โดยปกติการขับถ่ายจะอยู่ในช่วงเวลา 1-2 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอนหรือรับประทานอาหารเช้า หมั่นออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันจะช่วยทำให้ลำไส้ทำงานอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่จำเป็นต้องออกอย่างหักโหมเท่ากับนักกีฬาทีมชาติ แค่ออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่งเบาๆ หรือว่ายน้ำ ก็สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในแต่ละวันได้แล้ว ฝึกโยคะ “โยคะ” เป็นวิธีการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยเรื่องของการฝึกกำหนดลมหายใจและการทำสมาธิ การฝึกโยคะจึงทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย สามารถจัดการความเครียดซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหลักของอาการท้องผูกได้ และการฝึกโยคะยังสามารถช่วยผ่อนคลายระบบย่อยอาหารและช่วยให้บรรเทาจากอาการท้องผูกได้จากการฝึกในท่าต่างๆ เช่น การลดก๊าซในท้อง หรือการช่วยย่อยอาหาร เป็นต้น
 
 
 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที