เมรี

ผู้เขียน : เมรี

อัพเดท: 27 ก.ย. 2006 14.12 น. บทความนี้มีผู้ชม: 3549 ครั้ง

ขอบคุณที่มีความรักให้ฉัน ยังคงเก็บไว้นึกถึงในวันที่ดี ๆ


รักนี้ที่คิดถึง

อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ : โดย เมรี

 

เกี่ยวกับความรัก

...คนบางคน เจ็บ แล้ว ไม่จำ

...คนบางคน จำ ว่า ไม่เจ็บ

...คนบางคน เจ็บ จำ และ ไม่ลืม

...คนบางคน ลืมเจ็บ และ ไม่จำ

...สำหรับฉัน ไม่เจ็บ ไม่จำ แต่ ไม่ลืม

 

        “ทำไมแกไม่เปิดใจล่ะ แกยังลืมคนเก่าไม่ได้หรอ อย่ายึดติดกับอดีตดิ จะปล่อยให้มันทำลายชีวิตแกไปอย่างนี้หรอ” เพื่อนสนิทคนหนึ่งพูดกับฉัน เมื่อฉันปฏิเสธความรักครั้งใหม่ เป็นครั้งที่สอง

       

        ฉันไม่ใช่คนสวยที่มีคนมากมายมารุมจีบ จะตกหลุมมาบ้างก็คนสองคน เพื่อนฉันเลยโมโหว่า เมื่อนานๆจะมีหลงมาทีทำไมไม่คว้าเอาไว้โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆนะ ก็ทำไงได้ ฉันไม่เคยคิดว่าความรักมันเป็นโอกาสซักที สำหรับฉันใช่ก็ใช่ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ทำไมต้องพยายามให้ใช่ในเมื่อมันไม่ใช่ แล้วถ้าวันนึงหมดความพยายามล่ะ...จะเป็นยังไง

 

        วันนี้ว่างจัง ฉันหยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาดู เป็นรูปตอนสมัยเรียนมัธยม แก่นพอตัวเลยนะเรา ห้าวอย่างนี้นะเหรอจะมีคนมาชอบ ฉันว่ารูปถ่ายนี้มันก็เล่าเหตุการณ์อะไรได้มากมายนะ รอยยิ้ม ความรู้สึก การเปลี่ยนแปลง ขาดก็แต่เสียงเท่านั้นที่มันไม่สามารถเก็บไว้ได้ ฉันเปิดภาพไปเรื่อยๆ แล้วก็มาสะดุดกับภาพหนึ่งที่ฉันซุกซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี ภาพของผู้ชายหัวกาง หัวโต ที่ยืนหน้าแดงอายๆอยู่ข้างฉัน จำได้กลายๆว่า เป็นรูปแรกที่เราถ่ายหลังจากที่เราเป็นแฟนกัน

 

        เรารู้จักกันตั้งแต่ม.1 เรียนห้องเดียวกัน เล่นบาสด้วยกัน และที่สำคัญเรานั่งข้างกัน ซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่าเป็นฝีมือของเค้าเองที่ไปออดอ้อนอาจารย์ประจำชั้น อาจารย์ก็ช่างเป็นใจจริงๆ ตอนนั้นฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ การกระทำ สายตา คำพูด หรืออะไรที่บ่งบอกว่าเด็กผู้ชายคนนี้ชอบเราเข้าแล้ว จนวันนึงเค้าแอบเขียนใส่กระดาษเล็กๆและสอดไว้ในสมุดฉันว่า “เราแอบชอบเธอนะ” เอาล่ะซิ เธอเพื่อนฉันเนี่ยนะ...ไม่เอาอ่ะ  อย่าเลย

 

               เพื่อนเปลี่ยนมาเป็นแฟนเนี่ยง่าย

                 แต่แฟนกลับไปเป็นเพื่อนนี่สิ..ฉันว่ายากอยู่นะ

 

        หลังจากนั้นเค้าก็เฝ้าคอยเอาใจ เทียวรับเทียวส่ง ให้ของขวัญในวันสำคัญ โทรหาทุกวัน ส่งจดหมายมากมาย ฉันรู้สึกอึดอัดบ้างกับสิ่งที่ได้รับ เพราะฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะสามารถหาสิ่งที่เค้าต้องการได้รึป่าว ฉันจึงทำไม่ดีกับเค้าหลายๆอย่าง ทำท่ารำคาญ ตะคอกใส่โทรศัพท์ หงุดหงิด ใช้อารมณ์

 

        จนจะจบม.3 เค้าให้จดหมายฉบับสุดท้ายแก่ฉัน พร้อมกับข้อความว่า เหนื่อยแล้ว..อยากพัก แทนที่ฉันจะดีใจกับสิ่งที่ได้รับ กลับรงกันข้ามฉันรู้สึกใจหายมากกว่า ฉันใช้เวลาทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมาตลอด 3 ปี จึงตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับแรกให้เค้า เพื่อบอกกับเค้าว่า อย่าไป ฉันใช้เพลงของพี่ใหม่ เจริญปุระ


“
เก่งมาจากไหนก็แพ้หัวใจอย่างเธอ เมื่อไหร่ที่เผลอยังนึกว่าเธออยู่ในฝัน

ยังมีอีกหรือรักแท้ที่เคยเสาะหามานาน วันนี้เป็นไงเป็นกันจะรักเธอ”


นี่ฉันอายุ 15 มีแฟนแล้วหรอ...

 

        เราใช้เวลาปรับตัวกันนานพอดู กว่าจะกล้าพูดกัน 2 เดือน กล้าเดินด้วยกันอีก 1 เดือน กล้าจับมืออีก 3 เดือน แปลกจัง ทั้ง ๆ ที่ก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ทำไมเมื่อเปลี่ยนมาเป็นแฟนแล้วมันยากจัง เราเรียนพิเศษด้วยกัน ดูหนัง กินข้าว มาโรงเรียนพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน โดยมีเค้าไปส่งทุกวัน ทั้ง ๆ ที่บ้านเราก็ไกลกันเหลือเกิน เค้าเลยกลายมาเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่ฉัน แม่ฉันรักเค้านะ แม่บอกว่าเพราะเค้าดูแลลูกแม่ได้ดี “วันนี้...มามั๊ยลูก แม่จะได้ทำกับข้าวเผื่อ” นี่คือสิ่งที่แม่ฉันถามทุกเช้าก่อนฉันไปโรงเรียน

 

        เราสวีทกันจนเพื่อน ๆ หมันไส้ ตัวติดกันยังกะตังเม บ้านเธอ บ้านฉัน พ่อแม่เธอ พ่อแม่ฉัน เรารู้จักกันหมด แม้จะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยถึงขั้นจะเลิกรา แต่เราก็ประคับประครองกันมาจนได้ จนเพื่อน ๆ รวมถึงฉันมองไม่ออกเลยว่า เราจะเลิกรักกันได้ยังไง

 

        เวลาล่วงเลยมาจนใกล้จะจบ ม. 6 เราไม่ได้วางแผนว่าจะเรียนมหาลัยเดียวกัน เพราะสายที่เรียนก็ต่างกันมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่วายที่จะขอเลือกซักอันดับที่เหมือนกัน เราจึงเลือกเกษตรศรีราชาเป็นอันดับสอง ส่วนอันดับแรกนั้นก็เลือกตามฝันของตัวเอง

 

        ผลเอนท์ออก ฉันติดเกษตรบางเขน เค้าติดเกษตรศรีราชา เราสองคนดีใจมากที่เอนท์ติดทั้งคู่ อย่างน้อยก็ลบคำสบประมาทของหลาย ๆ คนได้ว่า มีแฟนวัยเรียนจะทำให้ชีวิตล้มเหลว เรากลับตรงกันข้าม ช่วยกันเตือน ช่วยกันติว จนประสบความสำเร็จ

 

        ถึงวันที่ต้องไกลกันจริง ๆ แล้วสินะ ไม่มีใครรู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ก็คงทำมันให้ดีที่สุดนั่นแหละ เราใช้วันสุดท้ายของการล่ำลาในการนั่งคุยกันว่าที่ผ่านมามีอะไรบ้างที่ดีและร้าย และตกลงกันว่า เราจะแบ่งหัวใจเป็นสองห้องคือ ไว้เก็บสิ่งดี ๆ กับสิ่งร้าย ๆ จะไม่เอามันมารวมกัน เค้าถามว่า ทำไมต้องเก็บสิ่งร้าย ๆ ด้วยหล่ะ ฉันบอกว่า ก็เอาไว้เตือนไงว่าสิ่งนี้มันบั่นทอนความรักของเรา แล้วเราก็จะได้ไม่ทำมันอีก และเมื่อเราแยกห้องให้มันแล้ว สิ่งร้าย ๆ ก็ไม่มีทางมาลบออกจากสิ่งดี ๆ ได้เลย...

 

        แต่... มันไม่เป็นอย่างที่คิด ห้องที่เราแยกไว้ลืมล็อคประตูหรืออย่างไร จึงทำให้สิ่งร้าย ๆ เข้ามาทำลายสิ่งดี ๆ ไปหมด ต่างคนต่างสนุกกับชีวิตมหาวิทยาลัย เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ จนลืมไปว่าลืมใส่ใจอะไรไปบางอย่าง เราทะเลาะกันเกือบทุกวัน และยืดยาวมาตลอดเกือบ 5 เดือน ไม่มีใครให้บทสรุปกับใคร เรื่องเล็กน้อยเราหยิบมาเป็นเรื่องใหญ่ได้หมด

 

        จนวันหนึ่ง ฉันเป็นคนที่บอกเลิกเค้า.... ไม่เสียใจที่เลิกกัน แต่ที่เสียใจมากกว่าคือ “เป็นคนบอกเลิก” ..เราเลิกกันนะ... คงบั่นทอนจิตใจเธอน่าดูเลย แต่ฉันต้องพูด เพราะที่ทะเลาะกันทุกวันมันก็บั่นทอนจิตใจฉันไปไม่น้อย สู้เราไม่คุยกัน แล้วนาน ๆ ค่อยคุยกันที บางที ฉันว่าอะไร ๆ มันคงดีกว่านี้ อย่างน้อยความรู้สึกดี ๆ ที่มีมันก็คงมีให้จำมากกว่า

 

        ฉันไม่ลืมเค้า เพราะ ไม่จำเป็นต้องลืม ฉันใช้ชีวิตปกติ ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกเว้าวอน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะรักของเรามาถึงจุดอิ่มตัวแล้วจริง ๆ ก็ได้ เรามีโอกาสเจอกันหลังจากนั้นหนึ่งครั้ง เค้าเปลี่ยนไปมาก จากเด็กใส ๆ คนหนึ่งกลายเป็นชายที่กร้านโลก บุหรี่ และเหล้า คือสิ่งที่เค้าเรียกว่าชีวิตในตอนนี้ ฉันอยากให้เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันก็คงไม่ได้ ไม่ว่าจะพูดยังไง เค้าก็ยังยืนยันที่จะเดินในเส้นทางที่เค้าเลือกแล้ว

 

        นี่คือครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ 2 ปีแล้วที่ไม่ได้พบกัน แต่ก็มีคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว แค่รู้ว่าอีกฝ่ายสบายดี ก็สบายใจ เพราะเราในวันนี้ก็แค่เพื่อนเก่าเท่านั้น

 

“ใครบอก...ตั้งเพื่อนเก่าต่างหาก” เพื่อนฉันพูดขึ้นมาในขณะที่ฉันนึกว่ามันหลับไปแล้วซะอีก “นั่นสินะ.. เราเป็นตั้งเพื่อนเก่าต่างหาก”

 

        และนั่นก็เป็นเรื่องที่ฉันเล่าให้เพื่อนสนิทฟังเมื่อมีโอกาสได้นอนคุยกัน การพูดถึงเรื่องเก่า ๆ นี่ก็ดีนะ หากเป็นเรื่องที่ดีก็ทำให้เราได้ยิ้ม หากเป็นเรื่องร้ายก็ทำให้เรารู้ว่าเราเข้มแข็งขึ้น เพราะเราสามารถพูดถึงมันได้โดยไม่ร้องไห้

 

        วันนี้เค้ายังอยู่ในใจของฉันเสมอ และฉันก็เชื่อว่าฉันก็ยังคงอยู่ในใจเค้าเหมือนกันแต่อาจจะลึกมาก ๆ จนไม่ได้คิดถึงทุกวันเท่านั้นเอง...

 

        ฉันปิดอัลบั้มรูปลง พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อปานจะแย่งกันไหลออกมา น้ำตาในวันนี้ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความภูมิใจ ที่อย่างน้อยเราก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ ไว้ให้คิดถึง แม้วันนี้จะไม่มีเค้าแล้วก็ตาม....

 

        ขอบคุณที่ทำให้รู้จักรัก

        ขอบคุณที่ทำให้รู้จักผิดหวัง

        ขอบคุณที่ทำให้มีพลัง

        ขอบคุณที่มีความรักให้ฉัน..ยังคงเก็บไว้นึกถึงในวันที่ดี ๆ

 

                                                                                                                                                                                                                                         รักนี้...ที่คิดถึง

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที