Tawan

ผู้เขียน : Tawan

อัพเดท: 19 มี.ค. 2021 17.04 น. บทความนี้มีผู้ชม: 1023 ครั้ง

สรุป 9 รายการสัญญาณเสี่ยงของรถยนต์ที่สื่อว่ารถของเรากำลังจะมีปัญหา เเต่!! สามารถป้องกันได้ด้วยการหมั่นตรวจสอบและเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำ หรือนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสอบสภาพโดยละเอียดที่ศูนย์บริการ โดยสัญญาณเตือนที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษก่อนรถจะเกิดปัญหามีดังต่อไปนี้


9 สัญญาณเตือนสำคัญ รถยนต์กำลังจะมีปัญหา!!!

สรุป 9 รายการสัญญาณเสี่ยงของรถยนต์ที่สื่อว่ารถของเรากำลังจะมีปัญหา เเต่!! สามารถป้องกันได้ด้วยการหมั่นตรวจสอบและเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำ หรือนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสอบสภาพโดยละเอียดที่ศูนย์บริการ โดยสัญญาณเตือนที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษก่อนรถจะเกิดปัญหามีดังต่อไปนี้ 
 
 
1. เบรก
- เบรกรถแล้วมีเสียงเสียดสีเหมือนหนูร้องทั้งหน้าด้านหรือหลังรถ เพราะผ้าเบรกรถกำลังจะหมด ทำให้ชุด จานเบรกอาจเสียหายได้
- แม้ไม่ได้ลุยน้ำ แต่เบรกลื่น หยุดรถไม่ได้ เบรกแล้วรถปัดไปข้างใดข้างหนึ่ง
- แป้นเบรกจมลึกลงไป เมื่อถอนเท้าออกมาแล้ว
 
 
2. ยาง
- ยางบวมจนทำให้รถยนต์สั่น เนื่องจากยางหมดอายุ
- ดอกยางตรงกลางล้อ สึกหรอมากกว่าขอบ แสดงว่าเติมลมแข็งเกินไป
- ดอกยางขอบล้อ สึกหรอมากกว่าตรงกลาง แสดงว่าเติมลมอ่อนเกินไป
- ดอกยางสึกหรอข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่ามุมแนวตั้งของยางไม่ตรง
- ดอกยางเป็นบั้ง แสดงว่าแนวของยางไม่ขนานกับแนวเคลื่อนที่ของรถ
 
 
3. เกียร์
- มีเสียงดังขณะอยู่ที่เกียร์ว่าง หรือเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่งอยู่
- เปลี่ยนเกียร์ยาก มีอาการติดขัด หรือต้องขยับอยู่นาน
- มีเสียงดังขณะเข้าเกียร์และเหยียบคลัตซ์แล้ว
 
 
4. พวงมาลัย
 
- พวงมาลัยหนัก หรือต้องใช้แรงมากผิดปกติในการบังคับเลี้ยว
- พวงมาลัยหลวมเกินไป โดยมีระยะฟรีเกิน 1 นิ้ว
- พวงมาลัยสั่นในขณะขับ ยิ่งขับเร็วขึ้นไปอีกก็ยังสั่นเพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิม พอเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกระยะ
หนึ่งกลับสั่นน้อยกว่าเดิมหรือบางคันสั่นมากเหมือนจะสั่นกันไปทั้งคัน
 
 
5. คลัตซ์
- คลัตซ์ลื่น หรือเข้าคลัตซ์ไม่สนิท หรือเหยียบแป้นคลัตซ์แล้ว แต่ยังเข้าเกียร์ได้ยาก
- คลัตซ์มีเสียงดัง เมื่อเหยียบแป้นคลัตซ์
- แป้นคลัตซ์สั่นขึ้นลง ขณะกำลังขับควรนำรถ 
 
 
6. การสตาร์ทรถ
- ใช้เวลานานกว่าจะติด เกิน 30 วินาทีโดยประมาณ อาจเพราะแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหรือมอเตอร์สตาร์ทเสีย
 
 
7. น้ำมัน และ การเผาไหม้เชื้อเพลิง
- ควันดำจากรถดีเซล เกิดได้จากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์มาจากหลายสาเหตุได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ กรองอากาศอุดตัน ปรับแต่งปั๊มหัวฉีดไม่เหมาะสม
- ควันขาวจากรถเบนซินมัก แสดงว่ารถยนต์มีปัญหาในการเผาไหม้
- รอยน้ำมันหยดจากใต้ท้องรถ ซึ่งเกิดหลายสาเหตุต้องรีบตรวจสอบ
- อาการเหยียบคันเร่งแล้วรถตอบสนองช้ากว่าที่เคยเป็นแต่ไม่มีรอยน้ำมันรั่ว อาจต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิมก็ต้องตรวจดู ตัวกรองอากาศและกรองน้ำมันเชื้อเพลิง
 
 
8. เครื่องยนต์
- เครื่องร้อน หรือเย็นจัดเกินไป ไม่สัมพันธ์กับระยะทางที่ขับ เข็มวัดอุณหภูมิยังไม่เคลื่อนที่ หรืออุณหภูมิสูงเกินไป มีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์
- เสียงเครื่องดังผิดปกติ เหมือนเหล็กกระทบกัน หรือเสียงน็อก (knocking)
 
 
9. ไฟชาร์จ
- เมื่อสตาร์ทรถติดแล้ว ไฟชาร์จจะสว่างแล้วดับลง แต่ถ้าไฟชาร์จไม่สว่าง หรือสว่างแล้วไม่ยอมดับ อาจเกิดจากไดชาร์จผิดปกติหรือสาเหตุอื่นจากสัญญาณความผิดปกติที่เกริ่นมาข้างต้น บางส่วนสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ ดังนั้นควรพิจารณาเลือกทำประกันภัยรถยนต์ที่ไว้วางใจได้จะได้อุ่นใจในการขับขี่ทุกครั้ง
 
 
 
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ คลิก ประกันรถยนต์

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที