หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบ้านยังคงเป็นหลังคาเมทัลชีท เพราะตอบโจทย์ในเรื่องความทนทานได้เป็นอย่างดี ประกอบกับมีราคาที่ไม่สูงมาก มีขั้นตอนการติดตั้งที่ง่าย น้ำหนักเบา และยังมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสีสันให้เลือกใช้งาน
1.เลือกรูปแบบลอนของหลังคาเมทัลชีทให้เหมาะกับความลาดชัน (Slope) ของหลังคาบ้าน ถือว่ามีความสำคัญมาก ผู้ผลิตแต่ละที่จะมีข้อกำหนดในเรื่องความลาดชัน (Slope) แตกต่างกันออกไป ว่าแต่ละลอนเหมาะสมกับนำมาใช้กับความลาดชัน (Slope) เท่าไหร่ หากเลือกผิดก็จะทำให้รั่วได้ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน
2.เลือกระดับความหนา และเลือกลักษณะของลอนหลังคาเมทัลชีทให้เข้ากับความห่างของระยะแปที่จะทำคลัง และหากระยะของแปมีความห่างกันมาก ก็ต้องเลือกใช้ที่มีระดับความหนาเพิ่มมากขึ้น
3.เลือกเกรดของเหล็กหลังคาเมทัลชีทกับร้านที่ได้มาตรฐาน เช่น http://www.t-onemetalic.com/ ซึ่งตามปกติแล้วจะมีให้เลือกสองแบบ คือเกรดนิ่ม และเกรดแข็ง โดยทั้ง 2 แบบนี้ ก็จะเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน หากเป็นเหล็กเกรดนิ่มที่มีความยืดหยุ่นก็จะเหมาะกับนำมาใช้งานที่ต้องการขึ้นรูปลอนให้มีลักษณะโค้งมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการแตกหัก ขณะที่เหล็กเกรดแข็งที่มีความยืดหยุ่นสูง จะเหมาะกับงานรูปลอนทั่วไปมากกว่า
4.เลือกปริมาณของสารเคลือบ โดยตรวจสอบได้จากตัวเลขที่ระบุอยู่บนหลังคาเมทัลชีท สำหรับปริมาณมวลสารที่เคลือบก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมันส่งผลทางตรงกับอายุการใช้งานของหลังคา ยิ่งมีปริมาณสารเคลือบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
5.เลือกหลังคาเมทัลชีทที่ได้มาตรฐาน มอก. เพราะเป็นเครื่องช่วยยืนยันถึงคุณภาพนั่นเอง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
