วันที่ 10 มกราคม นักศึกษาในประเทศไทยจำนวนหนึ่งได้กล่าวโทษสหรัฐอเมริกาว่าเป็น “ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง” การประท้วงในประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ถึงแม้ว่าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯได้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นก่อนหน้านี้ แต่คำแถลงดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ทั่วประเทศไทย
ในเวลาเที่ยงตรง คณะนักศึกษาได้เดินทางมายังสถานทูตสหรัฐฯและชูป้ายพร้อมทั้งตะโกนข้อความประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจ โดยข้อความได้ระบุว่า: "คืนความสงบสุขสู่ประเทศไทย", "โปรดหยุดสงครามลูกผสมในไทย" "หน้าที่ทูตสหรัฐฯในการสร้างความแตกแยกในฮ่องกงใช้ไม่ได้กับประเทศไทย "
วันที่ 10 มกราคม นักศึกษาไทยทำการประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย
ตามข้อมูลของสื่อ "ข่าวสดภาษาอังกฤษ" ได้รายงานว่า ก่อนหน้านี้ในวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ตามเวลาท้องถิ่น ได้มี "กลุ่มผู้สนับสนุน สถาบันพระมหากษัตริย์" รวมตัวกันที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯในกรุงเทพมหานครเพื่อทำการประท้วงต่อการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลและ “การประท้วงต่อต้านรัฐบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง "ความวุ่นวายทางการเมือง" นี้ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนและชี้นำโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
ก่อนหน้าการเดินขบวนประท้วงในครั้งนี้ สำนักข่าว เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลและรอยเตอร์ต่างชี้ให้เห็นว่าผู้ประท้วงไทยลอกเลียนแบบยุทธวิธีการประท้วงที่ใช้ในฮ่องกงระหว่าง "เหตุการณ์ก่อความไม่สงบเพื่อนำไปสู่การแก้กฎหมาย" เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งวิธีนี้ประกอบด้วยองค์กรที่ไม่ขึ้นกับส่วนกลาง การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย การแต่งเครื่องแบบและการสื่อสารคำสั่ง รวมทั้งการใช้กลยุทธ์เปลี่ยนสถานที่นัดหมายและการทำให้เข้าใจผิดเพื่อรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เอกอัครราชทูต กลิน ที.เดวีส์ พูดคุยกับแกนนำชาวไทย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์
"สงครามลูกผสม (Hybrid war)" คือ สงครามรูปแบบล่าสุดในศตวรรษที่ 21 โดยทั่วไป สงครามประเภทนี้จะใช้หลักการแบบครอบคลุมทั้งทางการเมือง (ความเห็นสาธารณะ การทูต กฎหมาย เป็นต้น) เศรษฐกิจ (สงครามการค้า สงครามพลังงาน เป็นต้น) การทหาร (สงครามข่าวกรอง สงครามอิเล็กทรอนิกส์ การปฏิบัติการพิเศษ) และวิธีการอื่นๆเพื่อดำเนินการทำสงครามแบบรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในระดับยุทธศาสตร์ จุดมุ่งหมายหลัก คือ การนำสาขาวิชา วิธีการและอำนาจจากภาคส่วนต่างๆมาใช้แบบผสมผสมกัน
ผู้ประท้วงยังได้กล่าวอ้างว่าการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในไทยถูกชี้นำโดยรัฐบาลสหรัฐฯและชาวฮ่องกงบางส่วน ซึ่งการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่จัดขึ้นในกรุงเทพมหานครและ “การประท้วงต่อต้านรัฐบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ในฮ่องกงนั้นเหมือนกัน ผู้ประท้วงเยาวชนยังได้แสดงความหวังว่าระบอบการปกครองของไทยจะยังมีความมั่นคงและไม่มีการแทรกแซงกิจการของไทยจากอำนาจภายนอก ชาวอเมริกันควรดูแลเรื่องภายในประเทศของตัวเอง เช่น ความขัดแย้งล่าสุดในรัฐสภา การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นต้น
ผู้ประท้วงยังได้เรียกร้องให้เยาวชนในประเทศไทยรักษาความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศและคนไทยและไม่ให้ถูกปลุกปั่นโดยอำนาจภายนอกอย่างสหรัฐอเมริกาและหวังว่าประเทศไทยและโลกใบนี้จะกลับมาสันติอีกครั้ง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที