reviewer

ผู้เขียน : reviewer

อัพเดท: 22 เม.ย. 2021 05.50 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4530 ครั้ง

ฉีดเมโสหน้าใส ดีจริงหรือ? เหมาะกับปัญหาผิวหน้าแบบไหนบ้าง?


ตัวช่วยสุดฮิตของปี 2021 ด้วยการฉีดเมโสหน้าใส ดีจริงหรือ? เหมาะกับปัญหาผิวหน้าแบบไหนบ้าง?

เมโสหน้าใส ดีไหม?

การฉีดเมโสหน้าใส ดีไหม? ช่วยให้หน้าขาวใส ลดสิวฝ้าได้จริงหรือ? วิธีการทำ Meso มีให้เลือกกี่แบบ ล้วนเป็นคำถามที่หลายคนต่างกำลังค้นหาคำตอบ วันนี้เรามีข้อมูลแบบเจาะลึกมาฝากเพื่อคลายข้อข้องใจแก่ทุกท่านครับ

Q1. : ก่อนอื่น มาทราบที่มาของคำว่า เมโสหน้าใส คือ?

เมโสหน้าใส คือ อีกหนึ่งวิธีการที่จะมาช่วยดูแลผิวหน้าได้อย่างรวดเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิว เป็นการฉีดสารบำรุงที่มีอยู่ในครีมชนิดต่าง ๆ มาฉีดเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง สามารถเริ่มเห็นผลได้ว่าผิวหน้าดีขึ้นใน 1 สัปดาห์หลังฉีด และคำว่า meso (เมโส) แปลตรงตัวได้ว่า “ตรงกลาง” มีความหมายถึงการฉีดลงในชั้นกลางของผิวนั่นเอง ซึ่งจะช่วยลดเลือนจุดด่างดำ เผยผิวที่ขาวกระจ่างใสได้มากขึ้นกว่าเดิม

Q2. : ฉีดเมโสหน้าใส จะเห็นผลลัพธ์ได้ภายในกี่วัน?

โดยทั่วไปแล้วการฉีดเมโสหน้าใสจะฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วง 1 เดือนแรก หลังจากนั้นเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้คงอยู่ได้นานต่อไปจะฉีดทุก ๆ 2 อาทิตย์ และตัวยาที่ฉีดเมโสหน้าใส จะไม่มีแบบถาวร เพราะจะสลายไปได้เองทั้งหมดโดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย

Q3. : การฉีดเมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง นอกจากหน้าใส?

รูขุมขนกว้าง เมโสหน้าใสช่วยได้

หากทำเมโสหน้าใสด้วยคอลลาเจน จะส่งผลให้ใบหน้ามันลดลง รวมทั้งช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น

Q4. : การฉีดเมโสหน้าใส มีกี่รูปแบบ และมีคุณสมบัติต่างกันยังไงบ้าง?

ข้อสำคัญคือ การจะทราบว่า เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี หรือเหมาะสมกับปัญหาผิวของเรามากที่สุดนั้น ควรให้คุณหมอทำการตรวจประเมินผิวก่อนเป็นสิ่งแรก แล้วหมอจะเป็นผู้เลือกและปรับสูตรเมโสหน้าใสให้เข้ากับสภาพผิวของเราได้อย่างดีที่สุด

ในทางการแพทย์สามารถแบ่งการทำเมโสหน้าใส ออกเป็น 3 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

1.)         สูตรที่เน้นฉีดให้หน้าใส คุณสมบัติช่วยในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ช่วยให้ผิวหน้าฟูขึ้น กระชับรูขุมขน แก้ปัญหารูขุมขนกว้างอีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าด้วย ซึ่งมีส่วนผสมหลัก ๆ ได้แก่

o   Collagen (คอลลาเจน)

o   Coenzyme (โคเอนไซม์)

2.)         สูตรฉีดเพื่อเน้นให้ใบหน้าขาวใส โดยจะฉีดสารที่ประกอบไปด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ เพื่อปรับสภาพผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้น ได้แก่

o   วิตามินเอ บี ซี และอี (Vitamin A B C E)

o   Transamin (ทรานซามิน) และ Glutatione (กลูต้าไธโอน)

3.)         สูตรฉีดเพื่อเน้นเรื่องลดสิว ลดการอักเสบ แก้ผื่นบนใบหน้า ช่วยขับสารพิษที่สะสมในร่างกายให้ออกไป ยี่ห้อของเมโสที่เด่นในเรื่องนี้ก็คือ มาเด้-คอลลาเจน (Made Collagen) ซึ่งคอลลาเจนจะช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันบนใบหน้า สิวจึงลดน้อยลงได้ด้วย

( รีวิว Made Collagen และ LLD Fat คุณโบ้ท By V Square Clinic )

Q5. : การฉีดเมโสหน้าใส เลือกฉีดแบบไหนดีกว่ากันระหว่าง : แบบสะกิด หรือแบบ 16 จุด?

1.)         ฉีดเมโสหน้าใส โดยใช้เทคนิคแบบสะกิด

การฉีดเมโสวิธีการแรก คือ แบบสะกิด แพทย์จะใช้เข็มฉีดตัวยาในผิวชั้นตื้น ใช้เข็มจิ้มเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วทั้งใบหน้า ระหว่างทำเป็นการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นไปด้วยในตัว

 การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

รูปนี้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของการทำเมโสหน้าใสแบบสะกิด

แต่หากใครที่ซื้อตัวยามาเสมาฉีดเอง หรือมีการรักษาความสะอาดไม่มากพอระหว่างการฉีด ก็มักจะเกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาในภาพหลัง หรือมีรอยช้ำ รอยแดงเกิดขึ้น

2.)         ฉีดเมโสหน้าใส โดยใช้เทคนิคแบบ 16 จุด

การฉีดเมโสด้วยเทคนิคแบบ 16 จุด เป็นการฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง จะออกฤทธิ์ได้นานกว่าแบบสะกิด

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด

การทำเมโสด้วยเทคนิคฉีดแบบ 16 จุด เป็นการฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง

เมโสหน้าใส มีการค้นพบเทคนิคการฉีด 16 จุดที่ประเทศอิตาลี ซึ่งมีข้อดี คือ เจ็บน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า และเป็นแผลน้อยกว่าเทคนิคแบบสะกิด ซึ่งการฉีดแบบ 16 จุดนี้สามารถเทียบได้กับการที่เราฝังตัวยาไว้ที่ต้นน้ำ และค่อย ๆ ปล่อยให้ยาไหลกระจายออกมา 

Q6. : หลังฉีดเมโสหน้าใส ต้องหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง?

Q7. : ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จาก การฉีดเมโสหน้าใส คืออะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงของการฉีดเมโสหน้าใส หากจะมีบ้างก็คือเรื่องของรอยเข็มบนใบหน้าอันเกิดจากการฉีดตัวยาในขั้นตอนการทำเมโสหน้าใส แต่รอยเข็มเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองได้ภายในประมาณ 1-3 วันเท่านั้น

ฉะนั้น การฉีดเมโสหน้าใสจึงถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยค่อนข้างมาก เพราะในตัวยาที่ใช้ล้วนเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า ประเภทวิตามินที่ช่วยบำรุงให้ผิวหน้ากระจ่างใส ช่วยแก้ปัญหาสิวฝ้า กระ และจุดด่างดำ

Q8. : การฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใครบ้าง?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นเหมือนการให้อาหารผิวโดยการฉีดสารบำรุงที่มีประโยชน์ ถ้าถามว่าฉีดเมโสหน้าใสดีไหม จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนด้วยครับ บางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนต้องใช้เวลา ดังนั้นควรให้หมอประเมินก่อนว่าเหมาะกับการใช้ยาตัวไหน สูตรใดครับ

1.   เมโสเหมาะกับคนที่ขี้เกียจทาครีมบำรุงผิว หรือทาบ้างแต่ไม่สม่ำเสมอ ผิวหน้าจึงไม่ได้รับการบำรุงเท่าที่ควร

2.   เมโสเหมาะกับคนที่ต้องทำงานหนัก นอนน้อย นอนดึก หรือไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

3.   เมโสเหมาะกับคนที่จำเป็นต้องใช้ใบหน้าแบบเร่งด่วน เช่นต้องออกงาน พบปะผู้คน สามารถฉีดถี่ขึ้นได้ คือ 3 วัน/ครั้ง ซึ่งจะเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หากถามว่า เมโสหน้าใส ดีไหม และจะมีอันตรายหรือไม่ การฉีดเมโสหน้าใสถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยค่อนข้างมาก เพราะใช้สารประเภทวิตามินต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า ซึ่งจะช่วยบำรุงให้ผิวหน้ากระจ่างใสยิ่งขึ้นทั้งนี้ ก่อนการฉีดเมโสหน้าใส เราควรศึกษาข้อมูลให้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยมากที่สุด โดยพิจารณาเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที