หากให้ท่านผู้อ่านนึกถึงอัญมณีที่มีชื่อว่า โทแพซ (Topaz) เชื่อเหลือเกินว่าหลายท่านต้องนึกถึงพลอยเนื้ออ่อนสีฟ้าสดใสเย็นตาระดับราคาจับต้องได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้โทแพซเป็นอัญมณีที่มีสีสันค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว เหลือง ส้ม แดง ชมพู ม่วง น้ำตาล รวมไปถึงใสไร้สี เป็นต้น สำหรับโทแพซที่มีราคาแพงที่สุด ซึ่งพบได้ยากที่สุด คือโทแพซสีส้มแดง หรือที่เรียกกันว่า ‘อิมพีเรียล โทแพซ’ (Imperial Topaz) ขณะที่โทแพซสีฟ้า (Blue Topaz) ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างสูงนั้น เกือบร้อยทั้งร้อยเกิดจากกระบวนการปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อน
โทแพซสีต่างๆ
ภาพจาก: Jewelers of America
โทแพซกับความเชื่อ
โทแพซ เป็นอัญมณีซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในสังคมหลากหลายชนชั้นมาอย่างยาวนานหลายยุคหลายสมัย ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมและความเชื่อต่างๆ ของมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก ตัวอย่างเช่น ชาวอียิปต์โบราณยกย่องให้โทแพซเป็นอัญมณีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสุริยเทพ หรือเทพรา (Ra) เทพผู้ให้ชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ ด้านนักรบชาวกรีกและโรมันเชื่อว่าโทแพซเป็นอัญมณีแห่งพละกำลังที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งอันเป็นประโยชน์ในการสู้รบ ขณะที่ชาวยุโรปในยุคเรอเนซองส์ (ระหว่างคริสตศตวรรษที่ 14 ถึง 17) เชื่อว่าโทแพซสามารถขจัดปัดเป่าเวทมนต์คำสาป รวมถึงสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ไม่ให้มาแผ้วพานผู้ที่ได้ครอบครอง สำหรับชาวฮินดูนั้นก็มีความเชื่อว่าโทแพซจะช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ทั้งยังมอบความฉลาดเฉลียวและสติปัญญาให้แก่ผู้ที่ได้สวมใส่ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อกันว่าโทแพซมีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อาทิ โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็น รวมถึงมีฤทธิ์ในการรักษาและสมานแผลบาดอีกด้วย
สร้อยคอเพชรประดับโอปอห้อยด้วยจี้อิมพีเรียล โทแพซ
เครื่องประดับจาก: Louis Vuitton
แหวนตกแต่งด้วยโทแพซสีฟ้า
ล้อมด้วยโทแพซไร้สีบนตัวเรือนเงิน
เครื่องประดับจาก: Blue Nile
The Demi-Parure คือชุดเครื่องประดับซึ่งมีโทแพซสีชมพู (Pink Topaz) เป็นอัญมณีหลักประดับประดาด้วยเพชรเล็กใหญ่ล้อมเรียงกันมา อันประกอบด้วย สร้อยคอ เข็มกลัดทรงกลม และเข็มกลัดขนาดใหญ่รูปทรงดอกไม้ห้อยประดับด้วยจี้ซึ่งสามารถถอดออกมาใส่เป็นต่างหูได้
The Demi-Parure ชุดเครื่องประดับโทแพซสีชมพูประดับเพชรของราชวงศ์เบอร์นาดอตต์แห่งสวีเดน
ภาพจาก: Pinterest
ปัจจุบันเครื่องประดับชุดนี้อยู่ในการครอบครองของราชวงศ์เบอร์นาดอตต์แห่งสวีเดน แต่ก่อนที่จะมีถิ่นพำนักในประเทศสวีเดน เครื่องประดับชุดนี้มีประวัติอันยาวนาน ผ่านการเดินทางข้ามแดนมาแล้วหลายประเทศ
แรกเริ่มเดิมที The Demi-Parure ถือกำเนิดขึ้นในประเทศรัสเซีย ด้วยจักรพรรดิพอลที่ 1 แห่งรัสเซีย ทรงสั่งทำขึ้นเพื่อมอบให้แก่แกรนด์ดัชเชสมาเรีย พาฟลอฟนา แห่งรัสเซีย (Grand Duchess Maria Pavlovna of Russia) ผู้เป็นพระธิดา ในโอกาสแห่งการเสกสมรสกับแกรนด์ดยุกคาร์ล ฟรีดริช แห่งแซค-ไวมาร์-ไอเซอนัค (Grand Duke Carl Friedrich of Saxe-Weimar-Eisenach) เมื่อปี 1804
ต่อมาแกรนด์ดัชเชสมาเรีย ทรงมอบ The Demi-Parure ให้แก่เจ้าหญิงออกุสตา (Princess Augusta) ธิดาคนกลาง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจักรพรรดินีแห่งเยอรมนี จากการเข้าพิธีเสกสมรสกับจักรพรรดิวิลเฮมล์ที่ 1 แห่งเยอรมนี (Wilhelm I, German Emperor) จากนั้น The Demi-Parure ยังคงอาศัยอยู่ในเยอรมนีอีกพักใหญ่ ด้วยจักรพรรดินีออกุสตาทรงมอบมันต่อให้กับพระธิดา ซึ่งได้แก่แกรนด์ดัชเชสหลุยส์แห่งบาเดน (Grand Duchess Louise of Baden)
กระทั่งในปี 1923 The Demi-Parure ก็ถึงเวลาออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อแกรนด์ดัชเชสหลุยส์แห่งบาเดนทรงมอบให้กับเจ้าหญิงวิกตอเรีย (Princess Victoria of Baden) พระธิดาเพียงพระองค์เดียว ซึ่งต่อมาเจ้าหญิงวิกตอเรียทรงเข้าพิธีอภิเสกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีกุสตัฟที่ 5 แห่งสวีเดน และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา The Demi-Parure ก็ได้พำนักอยู่ในประเทศสวีเดนเรื่อยมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
ข้อมูลอ้างอิง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที