นันทพร

ผู้เขียน : นันทพร

อัพเดท: 20 มี.ค. 2007 20.55 น. บทความนี้มีผู้ชม: 3659 ครั้ง

ครั้งแรกที่อยากลองเขียนเรื่องแนวดราม้าที่มีกลิ่นอายของความลึกลับบ้างค่ะ


สัญญาณเตือนภายในจิตใต้สำนึก

ผู้หญิงคนนั้นเดินตามฉันมาเงียบๆ หล่อนตามฉันแจและแสดงท่าทางนอบน้อมราวกับว่าฉันเป็นผู้มีอำนาจส่วนเธอเป็นแค่ทาสรับใช้ตัวเล็กๆ

                ฉันเหลือบตาหันไปมองหล่อน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมของหล่อนมันดูมิดชิดจนน่าอึดอัด และน่าหงุดหงิดพิลึกเมื่อคิดว่านี่เป็นหน้าร้อน แต่หล่อนก็ยังแต่งตัวราวกับว่านี่เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เตรียมพร้อมจะรับลมหนาวได้ทุกเมื่อ

                ทุกครั้งที่ฉันเผลอหันไปมอง หล่อนจะยิ้ม ใบหน้าซีดเซียวนั่นมันทำให้ฉันกลัวว่าระหว่างทางที่เราเดินไป หล่อนอาจจะล้มลงเป็นอะไรไปได้ทุกเมื่อ

                แดดเริ่มส่องไล่ตามมา หล่อนกางร่ม พร้อมทำท่ากวักมือเรียกให้ฉันมาอยู่ใต้ร่มสีขาวนั่น ฉันส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ ดูเหมือนว่าหล่อนจะเตรียมพร้อมให้กับร่างกายที่ดูแบบบางและอ่อนแอนั่นไว้อย่างดี

                ...หล่อนยังคงเดินตามฉันมาอย่างเงียบๆ ต่อไป

                 ฉันหยิบแผนที่ขึ้นมาดูอีกครั้ง อีกประมาณไม่ถึง 200 เมตรก็น่าจะถึงจุดหมาย แล้วทุกอย่างก็จะเป็นอันจบ หน้าที่ของฉันคือการที่พาหล่อนมาส่งให้ถึงจุดหมาย มันดูเป็นงานง่ายๆ ที่ค่อนข้างแปลก แต่ใครจะสน งานง่าย เงินดี และจ่ายคล่องขนาดนี้ ให้เดินมาส่งวันละร้อยเที่ยวยังไหว

                ....ยกเว้นวันนี้ เพราะการร่วมทางกับคนที่เหมือนพิการทางเสียง มาตลอดเวลาสองชั่วโมง นี่มันก็ทำให้อึดอัดได้เหมือนกัน

                ครั้งแรกคือเมื่อประมาณสองชั่วโมงที่แล้วที่ฉันได้พบกับหล่อน ในจดหมายสั่งงานที่ฉันได้รับเขียนไว้ว่า ผู้หญิงผมสั้น ชุดสีเขียวเข้ม ร่มขาวที่ชานชาลา 8 ตอนนี้เป็นเวลาที่คนไม่พลุกพล่าน ดังนั้นถึงแม้ว่าคำอธิบายจะบอกว่าหล่อนไม่ใช่คนที่สะดุดตา แต่ก็หาตัวได้ไม่ยาก

                ฉันเดินตรงเข้าไปเมื่อพบคนที่ตรงกับคำอธิบาย เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะกับที่หล่อนหยิบแผนที่ขึ้นมากาง ไม่ผิดแน่ จุดที่หล่อนชี้ คือ ที่ที่ฉันจะต้องนำทางไป แต่อย่างไรเพื่อความแน่ใจ ฉันต้องถามรหัสอีกครั้งเพื่อกันความผิดพลาด หล่อนตอบกลับมาด้วยเสียงแหบและเบาว่า ปลาว่ายทวนน้ำ

                เป็นอันว่าไม่ผิดตัว

                เสียงของหล่อนไม่เหมือนกับคนเจ็บคอ แต่เหมือนกับพวกเป็นมะเร็งในหลอดลม เหมือนกับเสียงที่ฉันเคยได้ยินจากลุงที่ตายไปที่โรงพยาบาลเมื่อสองปีก่อน หล่อนอาจจะเป็นโรคเดียวกัน ใครจะรู้

                นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันได้ยินเสียงของหล่อน

                แดดจ้าและอากาศเหนียวเหนอะมักจะทำให้เราหงุดหงิดได้ง่ายๆ ในที่สุดก็มาถึงหน้าตึก ฉันใช้นิ้วชี้เพื่อบอกว่ามาถึงแล้ว หล่อนยิ้มตอบอย่างอ่อนแรงอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในตึก

                เสร็จสิ้นภารกิจไปอีกวัน ฉันเดินกลับบ้าน

                ระหว่างทาง ฉันแวะซื้อหมูลดราคาและกะหล่ำปลีที่ร้านสะดวกซื้อ วันนี้ตกลงกันไว้กับ นรา ว่าจะทำหมูเกาหลี

                เมื่อมาถึงบ้านฉันเปิดแอร์ที่ห้องนั่งเล่นทิ้งไว้ แล้วเดินตรงเข้าไปในครัว ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว อีกไม่ถึงสองชั่วโมงนรากับอันก็จะกลับมา

                ฉันรู้จักกับนราเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้ามาในเมืองใหม่ๆ เพื่อจะมาเรียนพิเศษเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ดันเกิดเหตุว่าลุงซึ่งเป็นคนอุปถัมภ์ฉันมาตั้งแต่เด็กกลับมาตายไป หลังจากที่ฉันเข้าเมืองได้แค่ไม่ถึงเดือน ทำให้ตอนนั้นป้าสะใภ้ที่ไม่ค่อยชอบหน้าฉันสักเท่าไหร่ เพราะป้ามักจะมองว่าฉันเป็นปลิงดูเลือด หรือไม่ก็เปรตมาขอส่วนบุญที่สลัดยังไงก็ไม่หลุด จึงได้ถือโอกาสปัดฉันให้พ้นทางโดยการเลิกส่งเงินให้ฉันตั้งแต่งานศพวันแรกของลุงเป็นต้นมา

                ในตอนนั้น นราซึ่งเป็นคนมีเงินก็ได้ยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือฉัน โดยให้ที่อยู่ที่กิน เงินของนราคนเดียวมากพอที่จะเลี้ยงฉัน ตัวเธอและอันผู้มาพึ่งนราพี่สาวต่างแม่เพื่อหลบหนีจากการถูกทำร้ายของพ่อ

                สำหรับฉันแล้ว นราถือเป็นผู้มีพระคุณอันดับสองรองจากลุงที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิด

                ฉันลงมือทำอาหารเย็นเริ่มจากหั่นหมูและผัก แล้วจึงเคี่ยวน้ำซุป ระหว่างที่รอให้ซุปเข้าที่ ฉันเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบส้มออกมาคั้น และฮัมเพลงไปพลาง

                นาฬิการ้องบอกว่าเวลาหกโมงเย็น อีกตั้งชั่วโมงกว่า นรากับอันจะกลับมาถึง

                ฉันปิดเตาแก็ส เดินกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่น เปิดเพลงของแฟรง ซิเนตร้าเป็นเพื่อน กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ต้องที่เสียงออดหน้าห้องดัง ฉันเผลอนอนหลับไปทั้งผ้ากันเปื้อน สองคนนั้นคงจะมากันแล้ว

                ที่ประตูห้อง ฉันมองไปที่รูเล็กๆ แต่กลับไม่มีใคร คงจะเป็นเด็กซนข้างห้องอีกละมั้ง

                ฉันเลิกสนใจเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น แต่เสียงออดก็กลับดังขึ้นมาอีก คราวนี้ฉันเริ่มฉุน สงสัยต้องตวาดสั่งสอนกันหน่อย ฉันเดินกลับไปตีหน้าเข้มพร้อมเปิดประตูอย่างรวดเร็ว แต่ข้างนอกกลับไม่ใคร ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยที่วิ่งหนี ใครกัน

          แต่แล้วเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง เพล้ง!! เสียงอะไรสักอย่างหล่นลงมาแตก มันดังมาจากทางด้านห้องครัว ฉันเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ประตูห้อง...ฉันควรจะเปิดมันทิ้งไว้หรือไว้ล็อคมันดี ฉันเริ่มไม่แน่ใจ

                ฉันเดินช้าๆ เบาๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายซึ่งเป็นต้นเหตุของเสียงดังนั่นจะรู้สึกตัวเสียก่อน ทุกคนรีบกลับมาทีเถิดได้โปรด ได้โปรด


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที