การนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2563 มีมูลค่า 3,554.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (111,122.01 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 37.09 (ร้อยละ 38.54 ในหน่วยของเงินบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยนำเข้าสินค้าสำคัญเกือบทุกรายลดลง ไม่ว่าจะเป็นทองคำฯ สินค้าหลักในสัดส่วนราวร้อยละ 62 รวมถึงสินค้าสำคัญรองลงมาทั้งเพชรเจียระไน โลหะเงิน พลอยสีทั้งพลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ที่ต่างมีมูลค่าหดตัวลงมาก
ตารางที่ 1 มูลค่าการนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2563
รายการ |
มูลค่า (ล้านดอลลาร์สหรัฐ) |
สัดส่วน (ร้อยละ) |
เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
||
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย. 63 |
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย.63 |
||
ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป |
3,148.65 |
2,189.61 |
55.72 |
61.60 |
-30.46 |
เพชร |
1,031.68 |
545.32 |
18.26 |
15.34 |
-47.14 |
เครื่องประดับแท้ |
396.41 |
276.67 |
7.02 |
7.78 |
-30.21 |
โลหะเงิน |
283.94 |
214.96 |
5.02 |
6.05 |
-24.29 |
พลอยสี |
306.31 |
182.95 |
5.42 |
5.15 |
-40.27 |
อื่นๆ |
483.74 |
145.22 |
8.56 |
4.08 |
-69.98 |
รวม |
5,650.73 |
3,554.73 |
100.00 |
100.00 |
-37.09 |
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.11 (ร้อยละ 37.59 ในหน่วยของเงินบาท) หรือมีมูลค่า 10,077.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (314,632.41 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่า 7,244.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (228,675.64 ล้านบาท) นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 1 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.81 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย โดยเป็นผลจากการส่งออกทองคำฯ ในสัดส่วนราวร้อยละ 78 ได้เพิ่มสูงกว่า 1.31 เท่า อันเนื่องมาจากการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา ในช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อหักทองคำฯ ออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 2,224.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (68,584.46 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 42.17 (ร้อยละ 43.52 ในหน่วยของเงินบาท) ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 มูลค่าการส่งออกสุทธิของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2563
รายการ |
มูลค่า (ล้านดอลลาร์สหรัฐ) |
สัดส่วน (ร้อยละ) |
เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
||
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย. 63 |
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย.63 |
||
มูลค่าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมด |
7,244.22 |
10,077.60 |
100.00 |
100.00 |
39.11 |
หัก มูลค่าส่งออกทองคำฯ |
3,396.85 |
7,852.85 |
46.89 |
77.92 |
131.18 |
คงเหลือมูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำฯ |
3,847.37 |
2,224.75 |
53.11 |
22.08 |
-42.17 |
หัก มูลค่าสินค้าส่งกลับจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และอื่นๆ |
308.74 |
138.37 |
4.26 |
1.37 |
-55.18 |
คงเหลือมูลค่าส่งออกสุทธิ |
3,538.63 |
2,086.38 |
48.85 |
20.71 |
-41.04 |
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ตารางที่ 3 มูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2563
รายการ |
มูลค่า (ล้านดอลลาร์สหรัฐ) |
สัดส่วน (ร้อยละ) |
เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
||
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย. 63 |
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย.63 |
||
ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป |
3,396.85 |
7,852.85 |
46.89 |
77.92 |
131.18 |
เครื่องประดับแท้ |
1,711.45 |
1,129.10 |
23.63 |
11.20 |
-34.03 |
เพชร |
800.37 |
412.52 |
11.05 |
4.09 |
-48.46 |
พลอยสี |
808.99 |
321.31 |
11.17 |
3.19 |
-60.28 |
อื่นๆ |
526.56 |
361.82 |
7.26 |
3.60 |
-31.28 |
รวม |
7,244.22 |
10,077.60 |
100.00 |
100.00 |
39.11 |
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
จากตารางที่ 3 เมื่อแยกพิจารณาการส่งออกในรายผลิตภัณฑ์สำคัญพบว่า
ทั้งนี้ ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ลดลงมากถึงร้อยละ 42.17 ปัจจัยหลักยังคงเป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชน โดยการส่งออกไปยังตลาด/ภูมิภาคสำคัญในการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย (ไม่รวมทองคำ) (ดังตารางที่ 4) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ลดลงเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดหลักเดิมของไทยอย่างสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันเกือบร้อยละ 64 โดยการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 20.89 จากการส่งออกไปยังเบลเยียม อิตาลี สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ตลาดที่อยู่ในอันดับ 2, 3, 4 และ 5 ได้ลดลงร้อยละ 43.13, ร้อยละ 15.16, ร้อยละ 48.74 และร้อยละ 28.42 ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกหลักไปยังเบลเยียมเป็นเพชรเจียระไน ส่วนสินค้าหลักส่งออกไปยังอิตาลี สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส เป็นเครื่องประดับทอง ที่ต่างมีมูลค่าลดลง ส่วนเยอรมนี ตลาดที่ครองส่วนแบ่งสูงสุดราวร้อยละ 44 ยังคงเติบโตได้ร้อยละ 10.28 อันเป็นผลจากการส่งออกเครื่องประดับเงิน สินค้าหลักในสัดส่วนเกือบร้อยละ 80 ได้เพิ่มขึ้น
มูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ลงลงต่อเนื่องร้อยละ 28.70 จากการส่งออกสินค้าสำคัญเกือบทุกรายการไปยังตลาดนี้ได้ลดลงไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน รวมถึงเพชรเจียระไน เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลงมาก
การส่งออกไปยังฮ่องกงลดลงถึงร้อยละ 62.82 อันเป็นผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิดทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งรายได้และการใช้จ่ายของชาวฮ่องกงลดลง ทำให้ไทยส่งออกสินค้าหลักอย่างเพชรเจียระไน และสินค้าสำคัญถัดมาอย่างเครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนได้ลดลงมาก
สำหรับตลาดสำคัญอื่นๆ ที่มีมูลค่าลดลง อาทิ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง มีมูลค่าลดลงร้อยละ 40.02 จากการส่งออกไปยังตลาดหลักใน 3 อันดับแรกอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และอิสราเอล ได้ลดลงร้อยละ 51.32, ร้อยละ 7.05 และร้อยละ 54.51 ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกหลักไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์เป็นเครื่องประดับทอง ที่มีมูลค่าหดตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวรวมถึงคนในประเทศเหล่านี้ ทั้งนี้ จากรายงานของ World Gold Council ระบุว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ตลาดตะวันออกกลางมีความต้องการเครื่องประดับทองลดลงมากถึงร้อยละ 69 ส่วนสินค้าส่งออกหลักไปยังอิสราเอลเป็นเพชรเจียระไนและเพชรก้อน ที่ต่างปรับตัวลดลง
การส่งออกไปยังอินเดียลดลงร้อยละ 55.05 จากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการได้ลดลง ได้แก่ เพชร-เจียระไน โลหะเงิน พลอยก้อน และเครื่องประดับเงิน โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งอินเดียมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และยังคงล็อกดาวน์ประเทศ เศรษฐกิจชะลอตัว เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจ/กิจกรรมที่ก่อให้เกิดการใช้จ่ายหยุดชะงัก เช่น เทศกาล Akshaya Tritiya (อักษัยตรีติยะ วันแห่งความสำเร็จนิรันดร์ ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นสำหรับทำสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ) หรือการเลื่อนการแต่งงาน ซึ่งล้วนเป็นเทศกาลที่ชาวอินเดียนิยมซื้อเครื่องประดับเพื่อเป็นของขวัญให้กับตนเองและคนสำคัญ
ส่วนการส่งออกไปยังอาเซียนปรับตัวลดลงร้อยละ 18.41 จากการส่งออกไปยังสิงคโปร์ ตลาดที่ครองส่วนแบ่งสูงสุดราวร้อยละ 71 ได้ลดลงร้อยละ 21.81 โดยเครื่องประดับเทียม สินค้าสำคัญถัดมาหดตัวลงถึงร้อยละ 56.61 ในขณะที่สินค้าหลักอย่างเศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่าและเศษโลหะมีค่าเติบโตได้เพียงร้อยละ 5.44 รวมถึงการส่งออกไปยังมาเลเซีย ตลาดในอันดับ 3 ก็หดตัวลงร้อยละ 10.57 เนื่องจากการส่งออกเครื่องประดับเงิน ซึ่งเคยเป็นสินค้าหลักในปีที่ผ่านมาได้ลดลงมากถึงร้อยละ 51.40 ในขณะที่ไทยยังสามารถส่งออกเครื่องประดับทองไปยังตลาดนี้ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.66 ส่วนการส่งออกไปยังเวียดนาม ตลาดในอันดับ 2 เติบโตได้ร้อยละ 5.79 จากการส่งออกสินค้ากึ่งวัตถุดิบอย่างอัญมณีสังเคราะห์ เพชรเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนได้เพิ่มขึ้น
ส่วนมูลค่าการส่งออกไปยังญี่ปุ่นหดตัวลงร้อยละ 21.53 จากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการได้ลดลงไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับทอง เครื่องประดับแพลทินัม เครื่องประดับเงิน และเพชรเจียระไน อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปี 2563 จะหดตัวลงถึงร้อยละ 20
การส่งออกไปยังจีนลดลงร้อยละ 44.42 โดยเป็นผลจากการส่งออกเครื่องประดับเงิน สินค้าหลักในสัดส่วนร้อยละ 90 และเครื่องประดับเทียม สินค้าสำคัญถัดมาได้ลดลงร้อยละ 34.48 และร้อยละ 33.24 ตามลำดับ เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนยังไม่ฟื้นตัวดีหลังจากควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว โดยพบว่าในไตรมาส 2 การค้าปลีกของจีนหดตัวร้อยละ 3.9 สะท้อนให้เห็นว่าการบริโภคของชาวจีนยังคงชะลอตัว
มูลค่าการส่งออกไปยังหมู่เกาะแปซิฟิกหดตัวลงร้อยละ 11.89 เนื่องจากการส่งออกไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตลาดหลักในอันดับ 1 และ 2 ของไทยได้ลดลงร้อยละ 10.85 และร้อยละ 16.37 ตามลำดับ โดยไทยส่งออกสินค้าหลักอย่างเครื่องประดับเงินและสินค้าสำคัญรองลงมาอย่างเครื่องประดับทองไปยังออสเตรเลียได้ลดลง ส่วนการส่งออกไปยังนิวซีแลนด์นั้น เครื่องประดับเงิน ซึ่งเป็นสินค้าหลักหดตัวลงมาก ในขณะที่สินค้าสำคัญถัดมาอย่างเศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่าและเศษโลหะมีค่า รวมถึงโลหะเงินยังเติบโตได้ดี
สำหรับการส่งออกไปยังรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชขยายตัวได้ร้อยละ 25.17 เนื่องจากการส่งออกไปยังรัสเซีย ตลาดอันดับ 1 ของไทยยังขยายตัวได้ร้อยละ 40.36 จากการส่งออกสินค้าหลักอย่างเครื่องประดับ-เงิน และสินค้าสำคัญรองลงมาอย่างเพชรเจียระไน และเครื่องประดับทองได้เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การส่งออกไปยังอาร์เมเนีย และยูเครน ตลาดในอันดับ 2 และ 3 ลดลงร้อยละ 8.48 และร้อยละ 63.75 ตามลำดับ โดยการส่งออกไปยังอาร์เมเนียลดลง จากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างพลอยเนื้อแข็งเจียระไนได้ลดลง ส่วนสินค้าที่ยังเติบโตได้ในตลาดนี้เป็นพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนและเพชรเจียระไน ส่วนการส่งออกไปยังยูเครนลดลง จากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างอัญมณีสังเคราะห์และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนได้ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง แม้ว่าเครื่องประดับเงิน ซึ่งเป็นสินค้าหลักจะเติบโตได้ก็ตาม
ตารางที่ 4 มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) ไปยังตลาด/ภูมิภาคต่างๆ ในระหว่างปี 2562 – 2563
ประเทศ/ภูมิภาค |
มูลค่า (ล้านดอลลาร์สหรัฐ) |
สัดส่วน (ร้อยละ) |
เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
||
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย. 63 |
ม.ค.-มิ.ย. 62 |
ม.ค.-มิ.ย.63 |
||
สหภาพยุโรป |
720.96 |
570.32 |
18.74 |
25.64 |
-20.89 |
สหรัฐอเมริกา |
660.79 |
471.15 |
17.18 |
21.18 |
-28.70 |
ฮ่องกง |
1,003.63 |
373.18 |
26.09 |
16.77 |
-62.82 |
กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง |
294.27 |
176.50 |
7.65 |
7.93 |
-40.02 |
อินเดีย |
349.41 |
157.06 |
9.08 |
7.06 |
-55.05 |
อาเซียน |
145.67 |
118.86 |
3.79 |
5.34 |
-18.41 |
ญี่ปุ่น |
105.21 |
82.56 |
2.73 |
3.71 |
-21.53 |
จีน |
109.52 |
60.87 |
2.85 |
2.74 |
-44.42 |
ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก |
65.15 |
57.41 |
1.69 |
2.58 |
-11.89 |
รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช |
8.28 |
10.36 |
0.22 |
0.47 |
25.17 |
อื่นๆ |
384.48 |
146.49 |
9.98 |
6.58 |
-61.90 |
รวม |
3,847.37 |
2,224.76 |
100.00 |
100.00 |
-42.17 |
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้ประกอบการจะยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งมีโอกาสที่จะกลับมาระบาดรอบสอง และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากการหดตัวของอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า สถานการณ์ทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ไม่นิ่ง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการค้า การลงทุน อีกทั้งการจัดการโลจิสติกส์ในประเทศปลายทางยังคงมีอุปสรรค จากมาตรการ lockdown ของแต่ละประเทศ ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้ผู้นำเข้าชะลอคำสั่งซื้อ รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ซึ่งผู้บริโภคทั่วโลกระมัดระวังการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
4 สิงหาคม 2563
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที