ตุรกี ประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่ง 2 ทวีป ด้วยเป็นประเทศที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและยุโรป นำมาซึ่งการผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออกซึ่งถ่ายทอดออกมาผ่านทางสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม รวมถึงความเชื่อต่างๆ ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเยี่ยมเยือนดินแดนแห่งนี้ต่างต้องหลงใหลในเสน่ห์แห่งความหลากหลายราวกับต้องมนต์สะกด และเมื่อให้นึกถึงสิ่งที่เป็นตัวแทนหรือสื่อถึงประเทศตุรกี หลายคนคงนึกไปถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยบอลลูน ณ เมืองแคปปาโดเกีย (Cappadocia) ขนมพื้นถิ่นนุ่มหนึบที่เรียกว่า Turkish Delight และลูกปัดตุ้งติ้งสีฟ้า-น้ำเงินสดใสที่มีชื่อว่า ‘ดวงตาปีศาจ’ (Evil Eye)
ดวงตาปีศาจ (Evil Eye) คือเครื่องรางที่เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการตรวจจับและปกป้องคุ้มครองผู้ครอบครองให้รอดพ้นจากผู้คิดร้าย อำนาจมืด และสิ่งชั่วร้ายนานาประการ เครื่องรางรูปร่างคล้ายดวงตานี้จัดเป็นสัญลักษณ์เก่าแก่ชนิดหนึ่งที่เดินทางผ่านกาลเวลามาหลายพันปี ชาวไอยคุปต์โบราณเชื่อว่าสัญลักษณ์รูปดวงตานั้นสื่อถึงดวงตาแห่งเทพฮอรัสหนึ่งในเทพเจ้าสำคัญของชาวอียิปต์ พวกเขาเชื่อว่าดวงตาแห่งเทพฮอรัสจะช่วยสอดส่องคุ้มกันภัยร้าย อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความรอบรู้อีกด้วย
นอกจากนี้ มันยังมีความสัมพันธ์กับศรัทธาและความเชื่อต่างๆ ในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรกรีกและโรมัน ไปจนถึงอาณาจักรไบเซนไทน์ และอาณาจักรออตโตมัน ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคือเมืองอิสตันบูล) เป็นต้น
ในปัจจุบันประเทศตุรกีถือเป็นประเทศที่มีความเกี่ยวพันกับสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจมากที่สุดประเทศหนึ่ง เนื่องจากเราสามารถพบเห็นสัญลักษณ์นี้ได้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งยังเป็นของที่ระลึกขึ้นชื่อที่ใครต่อใครที่มาเยือนประเทศนี้จะต้องเลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับไปหลังจากสิ้นสุดการเดินทาง ซึ่งนอกจากในประเทศตุรกีแล้วเรายังสามารถพบเห็นดวงตาปีศาจได้ในประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรปอีกด้วย
ดูเหมือนว่าความเชื่อ ความศรัทธา และแฟชั่น เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันอยู่บ้างในบางมิติ ด้วยเรามักเห็นสัญลักษณ์ทางศาสนาหรือความเชื่อต่างๆ ปรากฎในวงการแฟชั่นอยู่บ่อยครั้ง สัญลักษณ์แห่งดวงตาปีศาจก็เช่นกัน มันถูกนำไปใช้เป็นแนวคิดในผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์หลากหลายแบรนด์ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงเครื่องประดับ ซึ่งแม้ว่ามันจะถูกปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปบ้างเพื่อความทันสมัย หรือมีสีสันหลากหลายแตกต่างไปจากเดิมมากเท่าใด แต่ศรัทธาและความเชื่อก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตคน ทั้งยังมีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นไม่ว่าวงล้อแห่งกาลเวลาจะเคลื่อนหมุนไปอย่างไรก็ตาม
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
-----------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง:
1. Travel Atelier. Don’t look away: Discover the meaning and history of the evil eye. Retrieved 1 September 2019 from https://travelatelier.com/blog/meaning-history-evil-eye
2. BBC. (19 February 2018). The strange power of the evil eye. Retrieved 1 September 2019 http://www.bbc.com/culture/story/20180216-the-strange-power-of-the-evil-eye
3. Turkey for you. Origins of the Evil Eye. Retrieved 1 September 2019 from http://www.turkeyforyou.com/turkey_evil_eye_origins
4. Horo Live. (19 กันยายน 2560). ลูกปัดนัยน์ตาปีศาจ (Evil Eye) เครื่องรางปัดเป่าสิ่งร้าย. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2562 จาก https://www.horolive.com/1399.html
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
