ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ในประเทศจีน เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2562 ก่อนจะลามไปสู่มณฑลต่างๆ ของจีน และแพร่ระบาดกระจายสู่ต่างประเทศมากขึ้นในช่วงวันหยุดยาวของชาวจีน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแผ่นดินมังกรมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก จากข้อมูลของ https://www.worldometers.info ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ระบุว่า มีการแพร่กระจายไปมากกว่า 28 ประเทศ พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 65,000 ราย ในจำนวนนี้ปิดเคสการรักษาแล้ว 8,590 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 1,491 คน คิดเป็น 17% และผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายขาด จำนวน 7,099 คิดเป็น 83% โดยประเทศที่พบการแพร่ระบาดมากที่สุด ได้แก่ จีน 64,658 ราย ญี่ปุ่น 252 ราย สิงคโปร์ 58 ราย ฮ่องกง 53 ราย และไทย 33 ราย ซึ่งผลกระทบดังกล่าว ทำให้หลายสำนักวิจัยเศรษฐกิจในไทยและต่างประเทศ ระบุว่า มีแนวโน้มที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2563 มีโอกาสโตต่ำกว่า 6% โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักให้ค่าเฉลี่ยการเติบโตอยู่ในช่วง 5.4-6% ทั้งนี้ ในปี 2562 GDP ของจีนเติบโต 6.1% สาเหตุของผลกระทบดังกล่าวนั้นเนื่องมาจากการขยายเวลาหยุดงานของภาคธุรกิจ โดยเมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองศูนย์กลางทางอุตสาหกรรม การหยุดงานจึงกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของแต่ละภาคธุรกิจเป็นวงกว้างทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ลดลงจากการหลีกเลี่ยงเดินทางในจุดเสี่ยง ผู้คนไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลแต่ละบุคคลเพิ่มมากขึ้น
การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดสินค้าเครื่องประดับในจีน โดยกลุ่มแบรนด์ระดับโลกอย่างเช่น Bvlgari ที่มีร้านค้าปลีกกว่า 51 แห่งในภูมิภาคจีน โดย Jean-Christophe Babin ซีอีโอของ Bvlgari กล่าวว่า วิกฤติครั้งนี้จะทำให้ยอดขายลดลง 1-8% สอดคล้องกับทาง Burberry ที่มีการปิดร้านไปกว่า 24 แห่ง จากทั้งหมด 64 แห่งในประเทศจีนและได้ระบุว่าจำนวนผู้ซื้อลดลงกว่า 80% จากการปิดเมืองบางแห่งของจีน เช่นเดียวกับแบรนด์ดังอย่าง Pandora ซึ่งต้องปิดสาขาในจีนลงชั่วคราว 70 แห่ง จากจำนวนร้านทั้งหมด 240 แห่ง ตามคำแนะนำของรัฐบาล ขณะที่สาขาในห้างสรรพสินค้าก็ซบเซาไม่มีลูกค้า ทั้งนี้ ยอดขาย 10% นั้นมาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและฮ่องกง โดยคาดการณ์ว่ายอดขายปีนี้จะลดลง 3-6% ทางด้าน Tiffany & Co., Cartier และ Gucci ยืนยันว่าได้ปิดร้านค้าหลายแห่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในประเทศจีน แต่ไม่เปิดเผยถึงตัวเลขที่แน่ชัด
นอกจากหลายร้านค้าต้องปิดตัวลงแล้ว การแพร่ระบาดยังส่งผลกระทบต่อการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั้งในประเทศจีนและนอกประเทศ เช่น Hong Kong International Jewellery Show ในฮ่องกงเลื่อนจาก 2-8 มีนาคม 2563 ไปเป็น 18-21 พฤษภาคม 2563
แม้ว่าผลกระทบจากโคโรนาไวรัส หรือ Covid-19 ชื่ออย่างเป็นทางการใหม่ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก จะแพร่ขยายเป็นวงกว้าง แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้มากขึ้น มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดี โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะกระทบต่อธุรกิจในระยะสั้นช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ขณะเดียวกันก็มีหลายธุรกิจได้รับผลดีจากเหตุการณ์ดังกล่าว เช่น เภสัชกรรม สื่อบันเทิงออนไลน์ การซื้อขายออนไลน์ แม้แต่รถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากผู้บริโภคมีความวิตกกังวลการใช้รถสาธารณะและการชอปปิ้งในที่สาธารณะที่มีผู้คนจำนวนมาก จึงควรที่ภาคธุรกิจจะใช้จังหวะนี้เน้นการประชาสัมพันธ์และนำเสนอสินค้าในช่องทางออนไลน์ดังกล่าวให้มากขึ้น
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
กุมภาพันธ์ 2563
------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
1. https://www.jckonline.com/editorial-article/effect-coronavirus-global-jewelry/ Retrieved February 11, 2020
2. https://edition.cnn.com/2020/02/11/business/bvlgari-corona/index.html. Retrieved February 12, 2020
3. https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/421030 Retrieved February 12, 2020
4. https://www.worldometers.info/coronavirus/ Retrieved February 14, 2020
5. https://www.cnbc.com/2020/01/17/ Retrieved February 14, 2020
6. https://www.jckonline.com/editorial-article/effect-coronavirus-global-jewelry/ Retrieved February 17, 2020
7. https://www.professionaljeweller.com/ Retrieved February 17, 2020
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที