เห็ดหลินจือ (Lingzhi mushroom หรือ Reishi mushroom) เป็นเห็ดหายากมีคุณค่าสูง เป็นสมุนไพรจีนที่ใช้ทำเป็นยาเพื่อรักษาทางการแพทย์ของจีนมานานกว่า 2,000 ปี เนื่องจากมีสารประกอบสำคัญที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณบำรุงร่างกายใช้เป็นยาอายุวัฒนะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังสามารถยับยั้ง และช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย
ลักษณะภายนอกของเห็ด เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้ม มีพื้นผิวมันวาว คล้ายแผ่นไม้ และมีรสขม หลายคนอาจสงสัยว่ามีกี่ชนิด จากข้อมูลที่บันทึกไว้พบว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมนำมาบริโภคและมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ เห็ดหลินจือแดง (Ganoderma lucidum) ที่เราคุ้นหูนั่นเอง
นอกจากนี้ในเห็ดยังมีสารประกอบแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด ได้แก่ วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน กรดไขมัน ใยอาหาร เอนไซม์ สารออร์โกสเตอรอล วิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีนในปริมาณสูงเพียงพอที่จะเสริมภาวะขาดแคลนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งมีสารอื่นๆ อีกมากที่มีส่วนช่วยแก้ไขระบบเผาผลาญอาหารให้คืนสู่สภาวะปกติ
โดยในสมัยโบราณ ตามตำรับยาระบุไว้ว่า สรรพคุณเห็ดหลินจือ สามารถนำมาใช้รักษาและป้องกันโรคได้หลากหลาย โดยมีสรรพคุณหลัก 10 ข้อดังนี้
ในปัจจุบันเริ่มมีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ออกมารองรับสรรพคุณของหลินจือมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 200 รายการจากทั่วโลก อีกทั้งมีการตรวจสอบทางด้านพิษวิทยาพบว่าเห็ดชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด
ก่อนจะรู้ว่าวิธีทานเราควรทราบก่อนว่าเห็ดหลินจือนั้นเหมาะสำหรับใคร เนื่องจากเห็ดชนิดนี้มีสรรพคุณหลากหลายที่ช่วยป้องกันและรักษาโรค ดังนั้นจึงเหมาะกับกับทั้งบุคคลทั่วไปและคนสูงวัยที่เป็นโรคหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น
1. ต้มแบบโบราณ โดยการนำเห็ดที่แห้งแล้วนำมาต้มและเคี่ยว ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่ค่อยสะดวก และไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน
2. วิธีบดให้เป็นผง โดยนำเนื้อเห็ดมาบดให้เป็นผงแล้วบรรจุใส่แคปซูล แต่หากไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออาจทำให้มีเชื้อราปนเปื้อนได้โดยวิธีนี้จะได้สารสำคัญที่มีความเข้มน้อยและดูดซึมได้ยาก
3. ทำเป็นสารสกัดแบบแคปซูล ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะจะได้สารสกัดที่เข้มข้น มีสรรพคุณที่ดี ดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีกว่า ที่สำคัญก็คือมีมาตรฐานการผลิตที่สะอาดและปลอดภัย เนื่องจากผ่านการฆ่าเชื้อราที่ปนเปื้อนในเห็ดแล้ว
ทานตอนไหนดีที่สุด? ช่วงเวลาที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารได้ดีที่สุดนั้น ก็คือช่วงเวลาที่ท้องว่าง โดยแนะนำให้รับประทานตอนเช้าในขณะที่ท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ หรือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง
แม้มีงานวิจัยพบว่า การทานเห็ดชนิดนี้ปริมาณ 1,500-9,000 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่พบผลข้างเคียงอย่างรุนแรง หรือมีน้อยมาก และไม่มีสารตกค้างที่ตับหรือไต แต่อาจมีผลข้างเคียงบ้างในบางคนที่มีอาการแพ้เห็ด แต่ก็ไม่ใช่อาการที่รุนแรงมาก เช่น
ในการณีผู้ป่วยที่โรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหาซื้อมาทานเอง เพราะบางโรค บางอาการ อาจจะมีผลข้างเคียงกับวิธีการรักษาโรคแผนปัจจุบันได้
เดิมทีเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีราคาแพง ที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ แต่ในปัจจุบันราคาถูกลงมาจากแต่ก่อนมาก จึงสามารถหาบริโภคกันได้อย่างแพร่หลาย มีทั้งรูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล ผงสกัด หรือแม้แต่เครื่องดื่มสำเร็จรูป พอได้ทราบถึงสรรพคุณและประโยชน์มากมายข้างต้นแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ในปัจจุบันเห็ดหลินจือจะปลูกในฟาร์มระบบปิดที่มีการวิจัย มีการควบคุมการเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เห็ดเติบโตขึ้นภายใต้สภาวะที่เหมาะสม และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่สูงกว่าเห็ดที่เติบโตเองตามธรรมชาติ จึงได้มาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ที่มา : https://www.omgemperor.com/lingzhi-mushroom-chinese-herbs/
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที