เปมิกา

ผู้เขียน : เปมิกา

อัพเดท: 12 มี.ค. 2007 11.03 น. บทความนี้มีผู้ชม: 17206 ครั้ง

ใครไม่เคยเจอความหนักอึ้งและความเดียวดายคงไม่เข้าใจ


การเข้าประเทศกับกระบวนการละเอียดถี่ถ้วน

~เที่ยวบินนี้ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง สั้นกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ ล้อเครื่องบินแตะแผ่นดินญี่ปุ่นเมื่อเวลา 20.20 น. ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะออกจากสนามบินก่อนสามทุ่มให้ได้ แต่เมื่อมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ฉันถึงกับถอดใจเลยค่ะ  ก็แต่ละช่องแถวยาวเหลือเกิน แถมกว่าจะผ่านไปได้แต่ละคนก็ช่างยากเย็น ต้องซักถามกันอยู่นาน จึงจะได้รับอนุญาตเข้าประเทศได้   ที่เป็นอย่างนี้ เพราะ ทางการญี่ปุ่นเขาใส่ใจในเรื่องความมั่นคงของประเทศชาติอย่างมาก เขาไม่ต้องการให้คนไม่ดีแฝงตัวเข้าไปก่อเรื่องวุ่นวาย และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพื่อประโยชน์ของนักท่องเที่ยวเอง เพราะคนต่างชาติที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น อาจจะพบกับปัญหาเรื่องการสื่อสารได้ เนื่องจากคนญี่ปุ่นไม่ค่อยพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาญี่ปุ่นเอง ช่างเป็นประเทศที่รอบคอบเสียจริงๆ  ฉันยืนรอในแถวอยู่ประมาณ 40 นาที ก่อนจะยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง  โชคดีของฉันที่เจอเจ้าหน้าที่หนุ่ม(รูปหล่อด้วยนะ) ฉันจึงไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่ ถึงเขาจะวางท่าเคร่งขรึมก็เถอะ เขาถามฉันสองสามคำถามก่อนที่จะประทับตราอนุญาตให้ฉันผ่านเข้าไป ตอนนั้นฉันยกนาฬิกาขึ้นมาดู โอ้โห จะสามทุ่มแล้ว ต้องรีบไปยังด่านต่อไป คือ ด่านรอกระเป๋า และเจ้ากระเป๋าสองใบของฉันมันก็ไม่รีบมาหาฉันสักเท่าไหร่ ทั้งที่ฉันรอมันอย่างใจจดใจจ่อ  จนในที่สุดมันก็มา ฉันถูลู่ถูกังมันทั้งสอง ออกมาเจอด่านศุลกากรอีก พอเจ้าหน้าที่ทราบว่าฉันเป็นคนไทย เขาก็หยิบเอกสารบางอย่างมาให้ฉันอ่าน ฉันอ่านออกด้วยค่ะเพราะมันเขียนด้วยภาษาไทย ว่าด้วยสิ่งของต่างๆที่ห้ามและจำกัดปริมาณในการนำเข้าประเทศ ฉันตอบเขาไปตรงๆว่า ฉันไม่มีของที่เขาเขียนไว้แม้แต่ชิ้นเดียว  แต่เพราะความรอบคอบของทางการญี่ปุ่น เขาจึงขอค้นกระเป๋าของฉันเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะยิ้มให้และกล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” อย่างชัดถ้อยชัดคำ

หลังจากผ่านด่านศุลกากรไปได้ด้วยดี ''- -  ฉันรีบพาตัวเองและสัมภาระของฉันไปซื้อตั๋วรถไฟ ฉันเลือกเข้าเมืองด้วยรถไฟสกายไลเนอร์ของบริษัทเคอิเซ ด้วยเหตุผลของเรื่องเวลาและจุดหมายปลายทาง เมื่อเสร็จสิ้นจากการซื้อตั๋วแล้ว ฉันเริ่มกังวลอีก กลัวแสนกลัว มันไม่เหมือนกับตอนอยู่บนเครื่องบินแล้ว ไม่มีพนักงานต้อนรับคอยช่วยเหลืออีกต่อไป เหลือตัวคนเดียวแล้วทีนี้ แต่ฉันจะมัวฟุ้งซ่านอยู่ไม่ได้ ฉันไม่อยากจะคิดเลย ว่าถ้าพลาดรถไฟขบวนนี้แล้วจะเป็นอย่างไร  ว่าแล้วก็รีบลงไปรอรถไฟซึ่งชานชาลาอยู่ชั้นใต้ดิน  เมื่อถึงชั้นใต้ดิน ต่อมความกลัวของฉันมันก็เริ่มทำงานอีกจนได้ คุณเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับชั้นใต้ดินมาบ้างไหมล่ะคะ ฉันมองไปรอบๆตัว พลันก็ปรากฏฉากในภาพยนตร์  วิญญาณเอย ฆาตกรโรคจิตเอย พากันลอยหน้าลอยตาอยู่ในจินตนาการของฉัน น้ำตามันจะไหลให้ได้เลย ฉันได้แต่สูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด แล้วอดทนรอต่อไป แม้ว่าจะพอมีผู้โดยสารคนอื่นๆเป็นเพื่อนอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ดูเหนื่อยล้าเกินกว่าที่ฉันจะคาดหวังหาความเบิกบานจากพวกเขาได้  / _ \


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที