เมื่อเราออกรถยนต์เพื่อการใช้งานสักคันหนึ่งนั้น นอกจากที่เราจะต้องเตรียมในส่วนของตัวรถ ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา รวมถึงค่าน้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ แล้วนะครับ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อีกทั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจทุกครั้งในการขับขี่นะครับ การทำประกันก็ถือเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งนะครับ เนื่องมาจากว่า การทำประกันรถยนต์นั้น เหมือนเป็นการช่วยโอนความเสี่ยงจากการใช้รถของเราไปยังบริษัทประกัน เวลาที่รถเราเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เราก็จะได้รับความช่วยเหลือในรูปแบบการเคลมนั่นเอง ซึ่งเมื่อเป็นประโยชน์ขนาดนี้ เราก็ต้องมาคิดกันต่อว่า จะซื้อประกันรถยนต์บริษัทไหนดี หรือจะต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดี เราก็ต้องมาพิจารณาถึงเรื่องของการเคลมกันว่า ประกันแต่ละชั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะประกันชั้น 1 เคลมอะไรได้บ้างนะครับ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะเป็นประกันภัยรถยนต์ที่ทุกคนนิยมที่สุด ถึงแม้จะต้องจ่ายเบี้ยรายปีสูงสุดก็ตาม แต่ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับยานพาหนะของทั้งสองฝ่าย หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด โดยความคุ้มครองคร่าวๆ ดังนี้ ความบาดเจ็บ ความเสียหายต่อตัวรถ การถูกโจรกรรม ความเสียหายจากธรรมชาติเช่นไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลากจูงรถอีกด้วย จะเห็นได้ว่าประกันชั้น 1 มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมในทุกๆ เรื่อง ทำให้เป็นที่นิยมมากที่สุด นอกจากนี้เรื่องความคุ้มครองที่ได้จากประกันภัยชั้น 1 ก็แน่นอนว่ามีในเรื่องอขงอุบัติเหตุรถยนต์ อุบัติเหตุทั่วไปที่ไม่มีคู่กรณี รถยนต์สูญหาย อุทกภัย น้ำท่วมต่างๆ รวมถึงอาจจะคุ้มครองแม้กระทั่งไฟไหม้รถยนต์อีกด้วยนะครับ ถือได้ว่ามีความคุ้มค่าและคุ้มครองอย่างรอบด้านเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะพบว่าไม่ว่าใครออกรถใหม่ หรือรถเก่า ก็ยังนิยมในการใช้บริการของประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อความสบายใจในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ นั่นเอง
ถ้าหากว่าเราจะมาว่ากันด้วยเรื่องเอกสารของการสมัครประกันภัย ว่าการต่อประกันรถยนต์ต้องใช้อะไรบ้าง หรือ เลือกซื้อประกันรถยนต์ต้องมีอะไรบ้าง วันนี้เรามาดูกันเลยครับ
1. สำเนาทะเบียนรถ เป็นเอกสารที่ใช้คู่ประจำกับตัวรถ ก็เสมือเป็นบัตรประชาชนรถนั่นเอง เพื่อดูข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญของการต่อประกันเลยก็ว่าได้
2. สำเนาบัตรประชาชน เอกสารทำประกันรถยนต์ข้อนี้ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะบางบริษัทประกันภัยรถยนต์เค้าก็จะขอเอาไว้เป็นข้อมูลเหมือนกัน แต่บางบริษัทประกันภัยก็ไม่ต้องใช้
3. หนังสือเดินทางต่างประเทศ เอกสารฉบับนี้จะใช้ในกรณีที่ผู้ทำประกันรถยนต์เป็นชาวต่างชาติ และไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จึงต้องใช้หนังสือเดินทางแทนนั่นเอง
4. ใบอนุญาตขับขี่ ใช้ในกรณีที่เราทำประกันแบบระบุผู้ขับขี่ ว่าให้คุ้มครองในกรณีที่ใครเป็นผู้ขับขี่นะครับ ซึ่งจะช่วยทำให้ช่วยลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ได้ 5 – 20 เปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้
การต่อประกันรถยนต์ในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากว่าเราสามารถซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ ไม่ต้องไปซื้อที่บริษัทประกันเอง ก็จะช่วยให้เราเกิดความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
