คุณกำลังเป็นเจ้าของธุรกิจหรือแบรนด์สินค้าที่ใช้บริการบริษัท Digital Marketing อยู่รึเปล่า? เชื่อได้เลยว่าหลายคนต้องเคยเปลี่ยนเอเจนซี่มาไม่ต่ำกว่า 2 ถึง 3 ที่กันบ้างแล้ว ถ้าจะมองเรื่องแบบนี้เป็นเหตุการณ์ปกติก็คงไม่ผิด แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนคนทำงานบ่อยๆ หรอก ไหนจะต้องมาพูดคุยกันหลายรอบ กว่าจะปรับจูนเข้าหากัน แต่ส่วนมากที่ทำให้เจ้าของกิจการต้องเปลี่ยนบริษัท Digital Marketing อยู่บ่อยๆ นั้นมักจะมาจากการที่พอจ้างพวกเขามาบริหารจัดการทางด้านการตลาดให้กับธุรกิจแล้ว กลับไม่ได้ผลลัพธ์ดังที่หวังเอาไว้
นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีให้เจ้าของธุรกิจ กิจการทั้งหลายได้นำบทความนี้ไปปรับใช้ถึงเทคนิคในการร่วมงานกับบริษัท Digital Marketing ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในเชิงธุรกิจสูงสุด ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมๆ กัน
“บรีฟ” สำคัญที่สุด
ปัญหาที่มักพบบ่อยที่สุดคือการที่บริษัท Digital Marketing ไม่สามารถทำงานให้ตอบโจทย์กับผู้จ้างได้ ซึ่งเรื่องนี้หากมองในอีกมุมหนึ่งปัญหาอาจเกิดจากการสื่อสารขั้นแรก หรือการบรีฟงานก็ได้ จริงอยู่ว่าอย่างไรแล้วทีมที่ทำงานให้กับเราจะต้องศึกษาค้นคว้าข้อมูลเอง แต่การบรีฟนั้นคือการบอกสิ่งที่เราต้องการจากบริษัท Digital Marketing ว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงในการทำแคมเปญนี้คืออะไร แล้วผลลัพธ์ที่อยากจะให้เป็น นั้นเป็นอย่างไร มีข้อมูลหรือ Source ให้พวกเขามากน้อยแค่ไหน แล้วหากเกิดเหตุสุดวิสัยจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไร มีกฎห้อห้ามใดบ้างในการทำงาน ชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน ใครคือคนประสานงานหลัก ใครคือผู้มีอำนาจตัดสินใจ ฯลฯ เรื่องทั้งหมดนี้ควรคุยตั้งแต่ช่วงเริ่มแคมเปญ
เจอกันครึ่งทาง
เราเข้าใจว่าเจ้าของธุรกิจทุกคนล้วนมีแนวคิด แนวการทำงานที่ต่างกันออกไป บริษัท Digital Marketing ก็เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อาจจะมีบางส่วนที่ขัดแย้งกันบ้างแต่เชื่อเถอะว่าหากคุณสามารถมาเจอกันที่ตรงกลางได้ การทำงานจะราบรื่นขึ้น สำคัญที่สุดคือการสื่อสารที่ควรพูดคุยกันอยู่เสมอและควรสนับสนุนกันทั้งสองฝ่าย อย่างเช่นหากบริษัท Digital Marketing ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตัวสินค้า บริการหรือบริษัท ทางเจ้าของธุรกิจก็ควรมีส่วนงานที่คอยสนับสนุนทางด้านนี้
พบปะกันแต่พองาม
อีกหนึ่งปัญหาที่แก้กันไม่ตกสักทีนั่นคือเรื่อง “ประชุมไม่หยุด” หลายๆ ครั้งที่เราได้ยินเสียงสะท้อนจากคนทำงานบริษัท Digital Marketing คือ ลูกค้าประชุมบ่อย บางเจ้าหนักหน่อย อาทิตย์ละครั้งก็มี ซึ่งจริงๆ แล้วการประชุมนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแต่คุณอาจเสียเวลาในการทำงานให้มีประสิทธิภาพไปโดยเปล่าประโยชน์ หากต้องการอัปเดตแคมเปญหรือเรื่องต่างๆ ที่อาจไม่จำเป็นต้องมาเจอหน้ากัน เราแนะนำให้ใช้อีเมลหรือโทรพูดคุยกันจะดีกว่า
มีไอเดียอะไรก็เสนอได้
เรื่องนี้มองได้สองมุม เพราะบางครั้งเจ้าของธุรกิจซึ่งแน่นอนว่าเข้าใจในตัวสินค้าดีที่สุดมีไอเดียในการนำเสนอที่แหวกแนวแต่กลับเลือกที่จะเก็บไอเดียนั้นเอาไว้แล้วหวังใจว่าบริษัท Digital Marketing ที่ตัวเองจ้างจะทำงานตอบโจทยกับทุกความต้องการของตัวเองหรือดีกว่าได้ ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ก็ถือว่าดีไป แต่หากพวกเขาไม่ทำดังที่คุณคิดเอาไว้ก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ คำแนะนำของเราคือให้มองทีมบริษัท Digital Marketing เป็นเหมือนทีมงานของคุณ มีไอเดียอะไรใหม่ๆ ก็แชร์กันจะช่วยให้งานประสบความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ถ้าเจอทีมที่เอะอะอะไรก็ต้องมาให้เราคิดให้ทั้งหมด อันนี้ก็ต้องพิจารณากันอีกที
สี่ข้อด้านบนนี้อาจเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติให้เจ้าของธุรกิจได้นำไปปรับใช้กัน แต่ท้ายที่สุดแล้วหากคุณกับบริษัท Digital Marketing ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์จะต้องเป็นไปตามที่คุณคาดหวังเอาไว้ได้แน่ การใช้บริการเอเจนซี่นั้นนอกจากจะง่าย สะดวกแล้วยังช่วยให้คุณควบคุมงบประมาณสำหรับการตลาดได้อีกทางหนึ่งด้วย เพราะแน่นอนว่าการจะจ้างบุคลากรมาเพิ่มและทำงานเฉพาะทางส่วนงานนี้คุณอาจจะต้องพิจารณาเรื่องการแบกรับต้นทุนคือเงินเดือนสำหรับพนักงานแต่ละคนในระยะยาวด้วยว่า คุ้มค่าหรือไม่
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที