ในปัจจุบันที่สถานการณ์ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจากราคาน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเชื้อเพลิงเหล่านี้มีต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งค่าไฟฟ้าในรูปของค่าเอฟ-ที (FT) ก็จะต้องปรับราคาสูงขึ้นตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เศรษฐกิจโลกซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง (หมายถึงเศรษฐกิจยังขยายตัวอยู่ครับแต่ขยายตัวช้าลงไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าดเหมือนจรวดเหมือนปี 2546 2547) ยอดขายของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆขยายตัวในอัตราที่ลดลง ในสภาวะที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานขยายตัวในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผลกำไรของโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ลดลง หรือเรียกว่ากำไรโตช้าและถ้าหากปล่อยไว้กำไรก็จะไม่โตนั่นเอง
ดังนั้นโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวให้ได้และให้ทันกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในขณะนี้ โดยการบริหารจัดการในส่วนที่โรงงานอุตสาหกรรมควบคุมได้เป็นอันดับแรก จะไปเพิ่มยอดขายก็ต้องพบกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อีกมาก เช่น ลูกค้า คู่แข่งขัน สภาวะการแข่งขัน สภาวะทางเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะเพิ่มยอดขายได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ดังนั้นการลดค่าใช้จ่ายต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ต้องจ่ายตลอดเวลาที่ใช้ เป็นการลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรของโรงงานอุตสาหกรรมนั่นเอง ดังนั้นการใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าเป็นคำตอบสุดท้ายครับ
เริ่มสนใจแล้วใช่มั้ยครับว่าจะใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าในโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างไร ติดตามต่อไปได้เลยครับ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที