สำหรับใครหลายๆ คนที่ฝันอยากจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโด หรือห้องอพาร์ทเม้นต่างๆ นั้นต่างก็ต้องการให้มันอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีที่สุด แต่ทว่าสำหรับใครหลายๆ คนที่ไม่มีงบประมาณถึงขนาดที่จะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดในสภาพใหม่มือหนึ่งนั้นเขาก็อาจจะหันไปเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมือสองแทน ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ว่าคอนโดกรุงเทพตามโซนต่างๆ เช่น คอนโด อโศก และคอนโด อ่อนนุช หรือแม้กระทั่ง คอนโด สุขุมวิท นั้นจะมีประกาศขายคอนโดมือสองอยู่เนืองๆ และแน่นอนว่าการเลือกซื้อคอนโดมือสองนั้นก็ต้องยอมรับสภาพของคอนโดว่าอาจจะมีส่วนที่ถูกใช้งานไปบ้างจนต้องมีการซ่อมแซม แต่ทว่าหากการซ่อมแซมนั้นได้มาตรฐานเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด
และในการนี้เราก็จะมาแนะนำการตรวจเช็คจุดต่างๆ ก่อนรับโอนคอนโดมือสองมาฝากกัน ทั้งนี้วิธีการที่เราจะได้แนะนำกันต่อไปนั้นสามารถนำไปปรับใช้กับการเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดกรุงเทพได้ตลอด เพราะถือเป็นมาตรฐานที่ต้องทำกันก่อนที่จะมีการโอนชื่อไปยังผู้ซื้อ ซึ่งการตรวจเช็คไปยังจุดต่างๆ นั้นเราอาจจะตรวจเองก็ได้หรือจะจ้างบริษัทที่รับตรวจเช็คบ้านหรือคอนโดโดยตรงก็ได้ และแน่นอนว่าการเลือกจ้างผู้ตรวจรับบ้านหรือคอนโดนั้นก็ต้องเลือกบริษัทที่มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเราก็อาจจะได้บ้านหรือคอนโดที่มีสภาพชำรุดหรือบกพร่องไปได้โดยเฉพาะกับการเลือกซื้อคอนโดมือสอง หรือถ้าจะให้ดีเราก็อาจจะไปตรวจรับคอนโดพร้อมกับผู้ตรวจที่เราจ้างด้วยเลยก็ได้ คราวนี้เราไปดูจุดที่ต้องตรวจเช็คก่อนรับบ้าน คอนโด หรือคอนโดมือสองกันเลย
1. ก่อนอื่นเลยเริ่มจากการตรวจเช็คพื้นก่อน โดยพื้นของคอนโดนั้นจะต้องเรียบสม่ำเสมอได้ระดับ และเมื่อเดินแล้วจะต้องไม่มีหลุมหรือรู้สึกโปร่งใต้พื้น ซึ่งเราอาจจะใช้ที่ตรวจวัดระดับในการตรวจสอบก็ได้
2. ต่อไปเราก็เริ่มไปตรวจเช็คที่กำแพงหรือผนังห้องด้านต่างๆ ซึ่งกำแพงหรือคอนโดนั้นต้องเรียบ ไม่มีร่องรอยปูดโปน หรือการกระเทาะของปูน และสำหรับห้องที่ติดวอลเปเปอร์แล้วให้ดูว่ามีรอยโปร่ง บุบ ยุบ ถลอกหรือไม่ และก็ต้องเช็คสีทั้งภายในและภายนอกต้องไม่มีรอยแตกร้าว ไม่มีรอยด่าง และสีต้องเสมอโดยทั่วกัน
3. ในส่วนต่อไปเราก็เริ่มตรวจเช็คเพดาน ซึ่งเพดานของคอนโดหรือบ้านนั้นต้องเรียบเสมอ ไม่เป็นแอ่ง หรือตกท้องช้าง โดยคอนโดมือสองนั้นต้องตรวจให้ละเอียดเนื่องจากว่าอาจจะเกิดปัญหาเรื่องของแอ่งหรือท้องช้างได้ เนื่องจากผ่านการใช้งานมานานแล้วนั่นเอง
4. ต่อไปก็เรื่องของระบบบ้านต่างๆ โดยเราอาจจะเริ่มตรวจเช็คระบบน้ำ ฝักบัว ก๊อกน้ำ สายฉีดชำระ ชักโครก เช็คว่าน้ำไหลดีและไหลคล่องหรือไม่ อีกทั้งต้องเช็คด้วยว่ามีการไหลซึมของน้ำบริเวณท่อใต้อ่างล้างมือทั้งในห้องน้ำและห้องครัวหรือไม่ด้วย ซึ่งคอนโดมือสองนั้นควรตรวจเรื่องของระบบน้ำอย่างละเอียดเพราะอาจจะมีการอุดตันตามท่อน้ำต่างๆ ได้
5. หากเป็นการซื้อบ้านก็ต้องมีการตรวจเช็คหลังคา ดูการรั่วซึม ฉนวนกันความร้อน หากตรงไหนชำรุดบกพร่องก็ต้องรีบให้ทางโครงการดำเนินการซ่อมแซมโดยด่วนหรือหากเป็นการซื้อบ้านมือสองก็ให้เจ้าของบ้านดำเนินการแก้ไข
6. ต่อไปก็เป็นเรื่องของความสวยงามความเรียบร้อยโดยตรวจเช็คหลังจากเก็บงาน การยิงซิลิโคนเลอะเทอะหรือไม่ สีที่ใช้เลอะเฟอร์นิเจอร์หรือไม่ กระจกมีรอยตำหนิหรือจุดด่างดำไหม แต่ถ้าเป็นบ้านมือสองหรือคอนโดมือสองก็อาจจะดูว่าซิลิโคนตามแนวต่างๆ นั้นชำรุดบกพร่องหรือไม่ กระจกมีรอยร้าวหรือมีตำหนิจากการใช้งานหรือไม่อย่างไร
7. และส่วนสุดท้ายก็อาจจะไม่ต้องให้ผู้ตรวจรับบ้านหรือคอนโดเป็นผู้ตรวจ เพราะสิ่งที่เราจะให้ท่านดูหรือสังเกตนั้นเป็นเรื่องของนิติบุคคลของเจ้าของโครงการเองหรือเป็นนการ Outsource ในกรณีที่เป็น Outsource ต้องดูประวัติบริษัทว่ามีการบริหารอย่างไร โกงหรือไม่ อาคารที่เคยบริหารปัจจุบันยังดูใหม่ ดูดีเหมือนเดิมหรือไม่ นิติบุคคลปล่อยปละละเลยหรือเปล่า
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที