1.ความน่าเชื่อถือ- ไม่ดีแน่ หากพนักงานของคุณไปร้องเรียนว่า การทำงานของพวกเค้าต้องทำงานไปสะดุ้งจากไฟฟ้าสถิตย์ไปวันละหลายๆครั้ง เสียสมาธิในการทำงาน แถมยังต้องมาตกใจ อาจะเกิดอันตรายได้อีก จะดีแค่ไหน ถ้าโรงงานของคุณทำงานด้วยความปลอดภัย ไม่มีพนักงานมาร้องเรียน ให้เสียเวลาในการผลิตสินค้า ส่งสินค้าทันตามรางนัดหมายก้อไม่เสียชื่อ ไม่ทำลายความน่าเชื่อถือ ที่เซล,อุตส่าปากเปียกปากแฉะไปสัญญากะลูกค้าว่า ส่งทันครับ ส่งทัน วันนี้ วันนนั้น วันไหน คุณก้อได้รับของตามที่สั่งไป
2.ความน่าไว้วางใจ – งานดีความน่าเชือถือมาแล้ว ทำให้ลูกค้า สบายใจได้ เวลาที่ต้องมาตรวจงาน ตรวจคุณภาพสินค้า ไม่ต้องมาสะดุ้งเฮือกๆๆๆ เช็คงาน เช็คของได้ อย่างสบายใจ
3.การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง – หากพบว่า การใช้งานจากถุงมีปัญหา สามารถแจ้งได้ทันทีซึ่งเราพร้อมที่จะแก้ไขให้ตลอด
4.การจัดการเรื่องเวลา – ลดเวลาในการทำงาน แต่ยังได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม มั่นใจได้ว่า ไฟฟ้าสถิตย์ไม่ทำงานชิ้นงานของคุณ ผ่านการตรวจสอบจากฝ่าย คุณภาพสินค้าแน่ๆ
5.หลายหลายวิธีการใช้งาน – สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้อีก สามารถปรับให้เข้ากับสินค้าที่คุณต้องการบรรจุได้
6.รักษ์สิ่งแวดล้อม – ถุงพลาสติกกันสนิมป้องกันไฟฟ้าสถิตย์แบบถาวร เมื่อต้องการกำจัด มันจะสามารถย่อยสลายได้ไม่ไปสะสมทำให้เกิดมลภาวะต่างๆ
7.ไร้สิ่งปลอมปน ถุงพลาสติกกันสนิมป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ทำจากวัสดุของแข็งซึ่งจะไม่ปนเปื้อน ผ่านการทดสอบสารตกค้างที่ไม่ระเหยและการทดสอบอนุภาคของ บริษัท ด้านอวกาศอย่างเข้มงวด หลาย บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าสถิตย์ และการปนเปื้อน
8.ดีต่อใจ มั่นใจได้ว่าไม่มีจุดอ่อนในการป้องกันบรรจุภัณฑ์ของคุณและในความเป็นจริงการใช้ถุงพลาสติกกันสนิมป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ที่เชื่อถือได้ช่วยขจัดความผิดพลาดความล้มเหลวและได้รับผลตอบแทนจากภายนอก นั่นเป็นความรู้สึกที่ดี ใช่มั้ยล่ะคะ
9.สมราคา – ถูกและดีมีที่ไหน อยากลดต้นทุน อย่ามองแค่ราคาค่ะ เพราะมันไช้ไม่ได้เสนมไป อาจจะทำให้ งานพังมากกว่าเดิมก็ได้ ใครจะรู้
ที่บอกไปทั้งหมด9ข้อนั้น แต่ละข้อ คุณจะนึกออกเองๆได้ไหม ถ้าเราไม่อธิบาย ทุกวันนี้ เราเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิส์เกือบตลอด 24 ชม. ซึ่ง ส่วนประกอบของที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ ในระบบโรงงานผู้ผลิต จะต้องพบเจอเรื่องของการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ แน่นอน ไฟฟ้าสถิตย์เกิดได้อย่างไร คนเขียนก้อไปศึกษามานะคะ จะเอาตัวอย่าง แบบเห็นภาพกันมา เล่าให้ฟัง
ประหนึ่งว่า เราเดินกำลังเดินบนพรมแดง จินไปนะคะว่าเราคือ ชมพูอารยา…อิอิ พรมนั้นปูด้วยขนสัตว์ และเดินไปที่ประตู เอามือยื่นออกมา คุณพระ…….เจ้า รู้สึกว่าถูกไฟช๊อต —อธิบายได้ค่ะ มันเกิดประจุไฟฟ้าขึ้นจากการขัดสีของวัตถุ 2 ชนิด วัตถุใดสูญเสียอิเล็คตรอนไปจะมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก ส่วนวัตถุใดได้รับอิเล็คตรอนมาจะมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุที่มาขัดสีกัน ร่างกายของคนเราเป็นตัวกลางทางไฟฟ้าที่ดี เมื่อเราเดินผ่านพื้นที่ปูด้วยขนสัตว์หรือพรม รองเท้าหนังของเราจะขัดสีกับพื้นขนสัตว์หรือพรม ทำให้อิเล็คตรอนถ่ายเทจากรองเท้าหนังไปยังพื้นพรม เมื่อเราเดินไปเรื่อย ๆ อิเล็คตรอนจะถ่ายเทจากรองเท้าไปยังพื้นมากขึ้น จึงทำให้เรามีประจุไฟฟ้าเป็นบวกกระจายอยู่เต็มตัวเรา พอเรายื่นมือไปจับลูกบิดประตู ซึ่งเป็นโลหะจะทำให้อิเล็คตรอนจากประตูถ่ายเทมายังตัวเรา ทำให้เรารู้สึกว่าคล้าย ๆ ถูกไฟช๊อต อีกกรณีนึง เช่น เราใส่รองเท้ายาง รองเท้ายางจะรับอิเล็คตรอนจากผ้าขนสัตว์หรือพรมจะทำให้เรามีประจุไฟฟ้าเป็นลบ เมื่อเราเข้าไปใกล้และจะจับลูกบิดประตู จะทำให้อิเล็คตรอนถ่ายเทจากเราไปยังลูกบิดประตู เราจะมีความรู้สึกว่าคล้าย ๆ ถูกไฟช๊อต ก้ออะไรทำนองนี้
ละมันโยงมาถึงในกระบวนการของทางผู้ผลิตสินค้า โรงงานได้ยังไง เพราะในปัจจุบันนี้ชิ้นงานอิเลคทรอนิคส์จะมีขนาดเล็กลงและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น การมีวงจรไฟฟ้ามากมายในขนาดของชิ้นงานที่เล็กลง จะส่งผลให้ชิ้นงานยิ่งไวต่อไฟฟ้าสถิตไฟฟ้าสถิตจะถูกส่งจากคนงานในสายการผลิต เครื่องมือ และอุปกรณ์อื่นๆ ไปยังชิ้นงานอิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งมีผลทำให้คุณสมบัติทางไฟฟ้าของชิ้นงานเหล่านั้นเปลี่ยนไป มันจะลดคุณภาพลงหรือทำลายสินค้าของคุณให้เสื่อมสภาพลงโดยที่คุณไม่รู้ก็เป็นได้
ข้อมูลเพิ่มเติมที่
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที