ธรรมชาติได้รังสรรค์มหัศจรรย์แห่งความงามอันน่าทึ่งให้แก่ทุกที่บนโลกได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นความงามบนพื้นพิภพ ท้องฟ้า ป่าเขา หรือแม้กระทั่งดำดิ่งลึกลงไปใต้ท้องทะเล
หากจะเปรียบทับทิมเป็นราชาแห่งอัญมณีแล้วล่ะก็ “ไข่มุก” ก็คู่ควรกับตำแหน่งราชินี ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนหวาน นุ่มนวล สง่างาม และมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ชาวกรีกโบราณเชื่อกันว่าไข่มุกมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือเทพีวีนัส (Venus) ของชาวโรมัน จึงไม่น่าแปลกใจที่อัญมณีชนิดนี้จะถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงสตรีเพศ
ทำความรู้จักไข่มุก
ไข่มุก (Pearl) มาจากภาษาละตินว่า “Pilula” แปลว่า ลูกบอล จัดเป็นอัญมณีอินทรีย์เนื่องด้วยถือกำเนิดและถูกเลี้ยงดูจากหอย ความน่าทึ่งของอัญมณีชนิดนี้อยู่ที่มันสามารถอวดโฉมความงามอันเจิดจรัสได้ด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องผ่านการปรุงแต่งหรือขัดสีฉวีวรรณเฉกเช่นอัญมณีชนิดอื่นๆ
มนุษย์เรานั้นรู้จักการนำไข่มุกมาผลิตเป็นเครื่องประดับมานานหลายพันปีแล้ว โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่จารึกว่าเครื่องประดับไข่มุกชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถูกค้นพบในสุสานของเจ้าหญิงแห่งเปอร์เซีย ซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อราว 420 ปี ก่อนคริสตกาล โดยปัจจุบันเครื่องประดับชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
นอกจากจุดเด่นในด้านความงามแล้ว ไข่มุกยังถูกโยงเข้ากับธรรมเนียมปฏิบัติในวัฒนธรรมต่างๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น ชาวจีนในสมัยโบราณได้ยกให้ไข่มุกและเครื่องประดับมุกควรคู่กับสตรีชั้นสูงในราชสำนักเท่านั้น ข้ามฝั่งมาแถบทวีปยุโรป อัศวินในยุคมืด1 (ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 - 15) มักจะพกพาไข่มุกติดตัวไว้เสมอยามต้องออกสนามรบด้วยเชื่อว่าจะทำให้แคล้วคลาดจากภยันตราย ทั้งจากข้าศึกศัตรู สัตว์ร้าย แม่มด รวมถึงภูตผีปีศาจ นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าไข่มุกมีสรรพคุณทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับช่องท้อง และระบบย่อยอาหาร อีกทั้งยังมีความเชื่อที่ว่าไข่มุกช่วยชะลอความชราและคงความงามได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ปัจจุบันยังเชื่อกันว่าไข่มุกจะนำพาความสุขและทรัพย์สินเงินทองมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ทั้งยังเชื่อกันว่าจะช่วยให้คู่แต่งงานมีความรักที่สมปรารถนาและมั่นคงยืนยาว ด้วยเหตุนี้ ไข่มุกจึงถูกเลือกที่จะมอบให้เป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานปีที่ 30
ว่าด้วยเรื่องไข่มุกของคลีโอพัตรา
เมื่อเอ่ยถึง “คลีโอพัตรา” หลายคนคงนึกไปถึงราชินีผู้ทรงอิทธิพลของอียิปต์ สตรีผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ ความงาม ความร่ำรวย และเสน่ห์อันแพรวพราว ที่แม้แต่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรมันถึง 2 คน คือ จูเลียส ซีซาร์ และมาร์ก แอนโทนี ยังต้องยอมสยบให้กับพระนาง
ว่ากันว่าคลีโอพัตราเป็นผู้หนึ่งที่หลงใหลในเสน่ห์ของไข่มุกเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพระนางมีเครื่องประดับไข่มุกจำนวนมาก อีกทั้งเครื่องประดับแต่ละชิ้นยังมีมูลค่ามหาศาลเสียอีกด้วย มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาถึงความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของราชินีผู้เลอโฉมองค์นี้หลายต่อหลายเรื่อง แต่เรื่องซึ่งเป็นที่โจษจันกันอย่างอึงมี่เห็นทีจะเป็นเรื่องของมื้ออาหารสุดแพงแสนสาหัสที่พระนางมอบให้แก่ มาร์ก แอนโทนี ซึ่งส่วนประกอบสำคัญของอาหารมื้อนี้คือ “ไข่มุก” นั่นเอง
เรื่องมีอยู่ว่าคลีโอพัตราได้ท้าพนันกับมาร์ก แอนโทนี ว่าพระนางสามารถจัดอาหารสุดหรู ราคาแสนแพง ที่มีมูลค่าถึง 10 ล้านเซสเทอรส์2 (หรือเท่ากับทองคำ 800 กิโลกรัม) ให้แก่เขาได้ ซึ่งมาร์ก แอนโทนี ได้ตกปากรับคำท้าของพระนางอย่างง่ายดาย แน่ละสิ ไม่ว่าใครที่ได้ยินเรื่องนี้ก็จะต้องเห็นเป็นเรื่องขบขันและคิดว่ามันช่างไร้สาระเสียนี่กระไร
วันรุ่งขึ้น คลีโอพัตราก็ได้สั่งให้จัดอาหารมาชุดใหญ่ เรียกได้ว่าสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง แต่เมื่อมาร์ก แอนโทนี ได้เห็นเช่นนั้น เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ เพราะถึงแม้ว่าพระนางจะสั่งให้จัดอาหารชั้นดี เลิศหรูและมากมายเพียงใด ถึงกระนั้นมันก็ไม่น่าจะมีมูลค่าสูงอย่างที่คุยนักคุยหนา แต่พระนางคลีโอพัตราก็ได้แต่ยิ้มเยื้อนอย่างใจเย็น และบอกแต่เพียงว่า “ยังเร็วไปที่ท่านจะแสดงอาการดีใจในตอนนี้” จากนั้น พระนางก็สั่งให้ยกอาหารจานต่อไปเข้ามา ซึ่งมันก็เป็นเพียงแค่เหล่าองุ่นเพียงหนึ่งแก้วเท่านั้น มาร์ก แอนโทนี ยังคงกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจต่อไป แต่เพียงชั่วอึดใจต่อมา เขาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง เมื่อพระนางคลีโอพัตราได้ถอดต่างหูไข่มุกเม็ดโตออกมาข้างหนึ่ง และหย่อนลงไปในแก้วเหล้าองุ่นนั้นและดื่มมัน ซึ่งว่ากันว่าต่างหูไข่มุกของพระนางนั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา และมีราคาสูงลิบลิ่วถึงคู่ละ 60 ล้านเซสเทอรส์ เป็นอันว่ามาร์ก แอนโทนี ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบให้กับพระนางคลีโอพัตราอีกคราหนึ่ง
แม้ว่าคลีโอพัตราจะลาจากโลกนี้ไปนานหลายพันปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อของพระนางก็ยังคงถูกกล่าวขานเลื่องลือเรื่อยมา ซึ่งแน่นอนว่าเกือบร้อยทั้งร้อยเป็นไปในแง่มุมของเสน่ห์และความงามที่ยากจะหาใครเปรียบ แต่หากคิดทบทวนดูให้ดีจะพบว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของพระนางนั้นหาได้อยู่ที่เนื้อหนังมังสาและรูปโฉมที่งดงามแต่เพียงเท่านั้น หากแต่สติปัญญา ความเฉลียวฉลาด ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และความสุขุมเยือกเย็น ที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ของอิสตรีที่อ่อนโยนน่าทะนุถนอมต่างหากเล่าที่เป็นอาวุธที่แท้จริงของนาง
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
---------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง:
1. The history of pearls: one of nature’s greatest miracles. (31 ธันวาคม 2558).
http://www.thejewelleryeditor.com/jewellery/article/history-of-pearls-pearl-jewellery-rings-earrings-necklaces/
2. ความลับของไข่มุกแห่งคลีโอพัตรา. ไทยรัฐ. (12 มีนาคม 2560). https://www.thairath.co.th/content/881222
3. พลังแห่งไข่มุก. เลนญ่า จิวเวลรี่. (28 กันยายน 2559).
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที