Amazon.com เป็นแหล่งค้าปลีกออนไลน์ (online shopping) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2538 โดยเริ่มต้นจากการขายหนังสือออนไลน์ จากนั้นได้เพิ่มไลน์สินค้าเป็นดีวีดี ซีดีเพลง ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ของเล่น วิดีโอเกม เสื้อผ้า อาหาร และเครื่องประดับ เป็นต้น ทั้งนี้ Amazon ยังขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นด้วย ได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร อินเดีย และญี่ปุ่น เป็นต้น อีกทั้งยังเริ่มบุกตลาดสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 แล้ว สำหรับผู้ที่อยู่นอกเหนือจากประเทศดังกล่าวก็สามารถสั่งซื้อสินค้าจาก Amazon ได้เนื่องจากมีบริการจัดส่งสินค้าไปยังเกือบทุกประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ Amazon ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดแทน Walmart ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
ความน่าสนใจของ Amazon
Amazon.com นับเป็นตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ในยุคดิจิทัลที่มีผู้ซื้อผู้ขายจำนวนมาก โดยมีความน่าสนใจดังนี้
§ ในปี 2559 หุ้น Amazon มีมูลค่าตลาดรวมเกือบ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้ขายกว่า 2 ล้านราย และมีรายได้จากยอดขายสุทธิ 136 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 27% ซึ่งรายได้และหุ้นของอเมซอนที่ทะยานสูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้นายเจฟ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon เป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจาก บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ และวอร์เรน บัฟเฟต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเบิร์กเชียร์แฮธาเวย์) จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2560 ของนิตยสารฟอร์บส์
§ Amazon ดำเนินธุรกิจในลักษณะ B2C ซึ่งผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าได้จากหน้าเว็บไซต์ Amazon.com ผ่านจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต โดย Amazon กลายเป็นผู้นำด้าน Mobile Shopping แซงหน้าร้านค้าปลีกออนไลน์รายอื่นๆ
§ Amazon ขายสินค้าทุกประเภท จึงทำให้มีลูกค้าเข้าไปซื้อสินค้าเดือนละกว่า 100 ล้านคน ซึ่งไม่ได้มีเพียงลูกค้าชาวอเมริกันเท่านั้น หากแต่มีลูกค้าจากประเทศอื่นกว่า 45% ที่เข้าไปซื้อสินค้าใน Amazon ด้วย
§ Amazon มีระบบจ่ายเงินหลายช่องทางและสะดวก รวมถึงระบบการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพที่ส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และการติดตามสถานะการส่ง ส่งผลให้ Amazon ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก
§ Amazon ดำเนินกลยุทธ์ที่สร้างความแข็งแกร่งเพื่อครองความเป็นผู้นำค้าปลีกออนไลน์ของโลกในหลายด้าน อาทิ การทำระบบ Dynamic Pricing เพื่อปรับเปลี่ยนราคาสินค้าตามช่วงเวลา โดยใช้ Big Data Analytics การพัฒนาระบบของศูนย์กระจายสินค้าด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ หรือการให้บริการ Amazon Machine Learning ที่ช่วยประมวลผลการรีวิวและวิเคราะห์ลักษณะการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละราย เป็นต้น
โอกาสค้าอัญมณีและเครื่องประดับผ่าน Amazon
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าAmazon.com เป็นตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ โดยการวางขายสินค้าบนเว็บไซต์ Amazon จะทำให้ลูกค้าจำนวนกว่า 300 ล้านรายที่มีอยู่มองเห็นสินค้าของท่าน ทำให้มีโอกาสสูงที่สินค้าจะถูกซื้อไป อีกทั้งลูกค้าของ Amazon ส่วนใหญ่คือ ชาวอเมริกัน ชาวยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักในหมวดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย และปัจจุบันสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับบนเว็บไซต์ Amazon.com มีเพียงราว 0.25% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด ซึ่งสินค้าของผู้ประกอบการไทยยังวางขายไม่มากนัก ดังนั้นจึงยังมีพื้นที่เหลือให้ผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยเข้าไปเสนอขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อบนเว็บไซต์ Amazon ได้อีกมาก แต่อยู่ที่ว่าผู้ประกอบการจะมองเห็นโอกาสนี้และคว้าเอาไว้หรือไม่
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที