มีหลายคำถามได้เกิดขึ้นในช่วงเวลายามเช้าท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นชื้น ตามลักษณะภูมิอากาศในเขตภาคใต้ของประเทศ ซึ่ง ณ เวลานี้ เขตพื้นที่ตอนบนของประเทศต่างได้มีโอกาสสัมผัสกับอากาศหนาว ในขณะที่ภาคใต้ไม่เคยได้ลิ้มลองความหนาวจับขั้วหัวใจเหมือนกับภาคอื่นๆ บรรยากาศที่หนาวเหน็บหรือความเย็นชื้นที่เฉอะแฉะ ต่างเปรียบได้กับความทุกข์ของคน เราจะบำบัดสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร คำถามนี้ได้วนกลับขึ้นมาอีกครั้ง
แสงเทียนที่จุดบนเครื่องหอมอะโรมา นำความอบอวลของมวลกลิ่นแมกไม้มาสัมผัสที่ปลายจมูก ทำให้ได้ซึมซับความรู้สึกของธรรมชาติบำบัดได้เป็นอย่างดี แสงเทียนที่ยังส่องสว่างเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะดับในแก้วของอะโรมา เปรียบได้กับชีวิตของมนุษย์ที่ยังไม่ดับสิ้น แสงเทียนโชยแสงอย่างไร้แรงลมเป่า พร้อมกับเสียงดนตรีที่คลอเบาๆ ทำให้ความเศร้าที่อยู่ภายในใจได้หายอย่างฉันพลัน แต่เมื่อใดก็ตามที่แสงเทียนต้องสิ้นแสงยามเมื่อต้องแรงลมเป่า ก็คงเปรียบได้กับชีวิตเราที่ต้องอับเฉาเพราะเงาของแสงเทียนเช่นกัน
ชีวิตของคนเราก็ไม่ต่างจากแสงเทียน ย่อมมีช่วงที่รุ่งโรจน์เหมือนกับแสงเทียนที่ส่องประกายสว่างจ้า แต่เมื่อใดที่ชีวิตต้องตกอับก็เหมือนกับแสงเทียนที่เริ่มหมดแรงพร้อมกับน้ำตาเทียนที่เริ่มพรั่งพรู สังขารเปรียบเหมือนกับก้านเทียนที่ย่อมมีวันหลอมละลายไปตามแสงเทียนที่ส่องนำทาง ยามใดที่แสงเทียนยังมีแรงก็ส่งผลให้การกระทำที่เกิดขึ้น มีผลลัพธ์ตามมา ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ย่อมจะติดตัวตนจนกระทั่งกลายเป็นควันจางๆที่กลืนหายไปกับหมอกควันตามธรรมชาติ ไร้ซึ่งตัวตนที่แท้จริง ไร้ซึ่งอัตตา ไร้ซึ่งสังขารวิญญาณ และไร้ซึ่งอารมณ์ห่วงหาอาวรณ์ สิ่งที่ยังคงเหลือไว้ คือ สิ่งที่เคยทำ และยังมีใครบางคนที่ยังจดจำมัน
“ จุดเทียนบวงสรวงปวงเทพเจ้า
สวดมนต์ค่ำเช้าถึงคราวระทมทน
โอ้ชีวิตหนอล้วนรอความตายทุกคน
หลีกไปไม่พ้นทุกข์ทนอาทรร้อนใจ
ต่างคนเกิดแล้วตายไป
ชดใช้เวรกรรมจากจร..
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยงเสี่ยงบุญกรรม
ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน
เชิญปวงเทวดาข้าไหว้วอน
ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน
เปรียบเทียนสิ้นแสงยามแรงลมเป่า
ชีพดับอับเฉาเหมือนเงาไร้ดวงเทียน
จุดเทียนถวายหมายบนบูชาร้องเรียน
โรคภัยเบียดเบียนแสงเทียนทานลมพัดโบย
โรครุมเร่าร้อนแรงโรย
หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ
ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน
ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่
เคยทำบุญทำคุณปางก่อนใด
ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
แสงเทียนบูชาจะดับพลัน
แสงเทียนบูชาดับลับไป ”
-บทเพลงพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 9 แสงเทียน-
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที