khwanjai

ผู้เขียน : khwanjai

อัพเดท: 10 ม.ค. 2017 22.34 น. บทความนี้มีผู้ชม: 90369 ครั้ง

ในบรรดาหนังสือประเภท How to ที่ฉันได้อ่านมา ไม่สามารถเปรียบเทียบกับคุณค่าที่ได้รับจากอ่านหนังสือ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เลย ที่ผ่านมาฉันอยู่ในภาวะใกล้เกลือกินด่าง ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมี จนกระทั่งวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยได้สูญเสีย กษัตริย์ผู้ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยทั้งประเทศ
การเริ่มต้นศึกษาถึงเรื่องราว ชีวประวัติ และคำสั่งสอนของพระองค์ท่านอย่างจริงจัง ทำให้ฉันค้นพบว่า เราไม่จำเป็นต้องหา How to ที่ไหนเลย เพราะ How to ที่แท้จริงอยู่ในจิตใจของคนไทยทั้งประเทศอยู่แล้ว พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กับคนไทยทุกด้านทั้งการ คิด พูด ทำ ....แต่ทำไมตัวฉันถึงไม่ทำ
คนโง่ คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน เพราะถ้าไม่รู้ว่าเราบกพร่องตรงไหน เราก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
คนฉลาด คือ คนที่รู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน และพยายามแก้ไขข้อบกพร่องหรือพัฒนาปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น
คนทุกคนเคยผ่านความโง่มาก่อนที่จะเป็นคนฉลาด ที่ผ่านมาฉันเคยโง่มาก่อน ไม่รู้ว่าคุณค่าที่แท้จริงที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงให้กับประชาชนมีคุณค่ามหาศาลมากมายขนาดไหน ศาสนาพุทธสอนไว้ว่า “ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ลงมือทำ”
การเริ่มต้นเดินทางของฉันนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ใคร่ขออุทิศตนในการศึกษาเรื่องราว วิธีคิด การดำเนินชีวิตของพระองค์ท่าน ผ่านการจัดทำหนังสือส่วนตัวภายใต้ชื่อ “เรียงร้อยพันเรื่องราวรอยพระบาท” โดยมีเป้าหมายทำ ‘10 เล่ม เล่มละ 100 เรื่องราวรอยพระบาทที่พระองค์ทรงทำ’ โดยใช้ความเพียรที่พระองค์ท่านสอน และเป็นแบบอย่างให้ดูตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา อาจจะไม่รู้จุดจบที่แน่นอน แต่มีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจน และทำทุกวันเพื่อถวายแด่องค์ราชันย์มหาราชของคนไทยทุกคน

Website เจ้าของผลงาน www.2b2train.com
Facebook: https://www.facebook.com/ebook4ookbee/
Storylog: https://storylog.co/khwanjai/book/581a5bfd9d526ab1781f27ba

ท่านใดต้องการติดต่อให้เป็นนักเขียนประจำคอลัมภ์ หรือลงวารสาร
ติดต่อได้ที่ email: linpootsm3@gmail.com หรือ Tel 0897333790 (หลิน)


เพราะเชื่อใจเขา เราเลยเป็นแบบนี้

      แสงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้าในช่วงเวลายามเย็น บรรดาพนักงานเริ่มทยอยกลับบ้าน หลายคนต่างมุ่งหน้าไปยังโรงรถที่เดิม ที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล

“กลับแล้วนะค่ะลุง” ฉันบอกกับยามชราที่ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม ชายชราเดิมตามฉันมาเพื่อบริการโบกไม้โบกมือ ให้รถออกตามช่องทางที่ควรที่เป็น เหมือนที่ลุงเคยบอกไว้ในตอนที่แล้วว่าลุงขับรถไม่เป็น แต่ลุงทำให้รถจอดเป็น และขากลับลุงก็ยังทำให้รถออกเป็นอีกด้วย

ฉันคิดในใจหลายครั้งว่าทำไมลุงดูแลฉันดีจัง แบบคิดเข้าข้างตัวเอง นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีตครั้งหนึ่งที่เคยเกิดได้ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

“ถอย.....ถอย....ถอย.....ถอยอีก......ถอยอีก” ยามหนุ่ม ซึ่งเคยเป็นยามที่นี่ บริการฉันเหมือนเดิม วันนั้นเป็นวันที่ลุงไม่อยู่ในรอบปี

“ครืน....ครืน ....ครืน” เสียงรถกระทบกับขอบปูน ริมกำแพง

“ซวยแล้วตู แฟนเอาตายแน่ คราวนี้ เป็นรอยรอบคันแล้ว” ฉันพรึมพรัมพร้อมกับเหงื่อที่เริ่มผุดบนใบหน้า

“นิดหน่อยพี่” ยามหนุ่มบอกพร้อมกับไปนั่งจิบกาแฟที่โต๊ะยาม ฉันลงรถรีบวิ่งออกไปดู

“นึดนึง ที่ไหนวะเนี่ย เป็นรอยซะขนาดนี้ ผิดที่ตูเองที่เชื่อใจ……คิดแล้วแค้น” ฉันเครียดและด่าอยู่ในใจ

“ไม่เป็นไรนะพี่” ยามหนุ่มบอก พร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่มเหมือนกับให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรหรอกน้อง มันรอบคันแล้ว ถึงเวลาต้องปฏิสังขรณ์มันแล้ว” ฉันพูด บนแววตาที่เศร้าซึม

ฉันเดินตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้หัวหน้ายานยนต์ดูหลังจาก สแกนนิ้วเข้าโรงพยาบาลแล้วแต่เป้าหมายที่เดินไป คือ หัวหน้ายานยนต์ เวลานี้จะมีใครรู้ดีไปกว่าหัวหน้ายานยนต์

“พี่ยุทธ ช่วยจัดการให้หน่อยสิ รถเป็นรอยรอบคันแล้วทำไงได้บ้าง” ฉันบอกพี่ยุทธ เพื่อให้หาทางออกให้

“ไม่มีปัญหาน้อง รถอยู่ไหน เลขทะเบียนอะไร เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่ยุทธ บอกด้วยความกระตือรือร้น ฉันรู้สึกดีจริงที่โรงพยาบาลแห่งนี้อบอุ่นเหมือนบ้าน มีคนคอยดูแลตลอด

“ขอบคุณมากนะ พี่ยุทธ” ฉันพูดพร้อมกับยื่นกุญแจและบอกหมายเลขทะเบียนรถให้

กริ๊ง.....กริ๊ง.....เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงเวลาที่กำลังวุ่นวายในห้องฉุกเฉิน

 

 “น้องหลิน พี่ให้ช่างมาดูแล เป็นช่างของโรงพยาบาลที่ชำนาญมาก ทำรถให้พวกหมอและพยาบาลหลายคนแล้ว รับรองฝีมือดี” พี่ยุทธพูดพร้อมอธิบายสรรพคุณของช่างให้ฟัง

“แล้วเขาว่าไงค่ะพี่” ฉันถามด้วยความอยากรู้

“เขาบอกว่าถ้าทำเป็นจุดๆที่มีรอย 10,000 แต่รถจะเป็นรอยด่าง แต่ถ้าทำทั้งคัน 35,000 บาท” พี่ยุทธบอกราคาเสร็จสรรพ

“ด่างแบบไหนค่ะพี่ เหมือนหมาดาเมเชี่ยนหรือเปล่า” ฉันพูดพร้อมกับจินตนาการรถเหมือนหมาลายจุดให้พี่ยุทธฟัง

“เหมือนเลยน้อง เหมือนหมาลายจุดเลยน้อง” พี่ยุทธบอก พร้อมกับเน้นย้ำว่าทำแบบนั้นเหมือนหมาในจินตนาการ โดยที่ฉันก็ไม่ได้ยืนยันว่าแกรู้จักหมาดาเมเชี่ยน หรือเปล่า หรือแกนึกถึงไอ้ด่างข้างบ้าน

“อายคนจังเหรอพี่ยุทธ เป็นถึงหัวหน้างาน แต่ขับรถเหมือนหมาลายจุดมาโรงพยาบาล” ฉันถามเพื่อขอความเห็นพี่ยุทธ

“พี่ก็ว่างั้นแหละ” พี่ยุทธเน้นย้ำในความเห็นของฉัน

“เดี๋ยวขอถามแฟนก่อนนะ ว่าทนนั่นรถแบบหมาลายจุดได้มั้ย หรือ ทำทั้งคันดี เดี๋ยวค่อยโทรบอกอีกครั้งนะ” ฉันบอกพี่ยุทธ พร้อมกับกล่าวลาเหตุการณ์ในวันนั้น

>>>ยามเย็นในช่วงเวลากลับบ้าน

“รถโดนชน.....” ฉันบอกกับสามีด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ไม่เป็นไร รอบคันแล้ว” สีหน้าไม่ได้มีอาการตื่นเต้นอะไร คงเป็นเพราะชินกับเรื่องราวนี้

“รอบคันแล้ว ทำสักที บอกกับพี่ยุทธให้ช่วยจัดการให้แล้ว ช่างฝีมือดีมาก ทำรถให้พวกหมอ พวกพยาบาลหลายคันแล้ว รถโรงพยาบาลก็ทำ”

“เท่าไหร่?” ถามด้วยสีหน้าเงียบขรึม เหมือนเดิม

“ถ้าเป็นแบบไอ้ด่าง ทำเป็นจุดๆ คล้ายหมาดาเมเชี่ยน เคยเห็นใช่มั้ย 10,000 แต่ถ้าทำทั้งคัน 35,000 แต่ว่าเราทนได้เหรอ นั่งรถหมาลายจุด อายลูกน้อง ทำทั้งคันดีกว่านะ”

“ใครจ่าย?” ถามด้วยสีหน้าเงียบขรึม แต่เป็นคำถามที่ดีมาก เปิดช่องคำถามให้อยากนี้ มีรึจะยอมจ่ายเอง คิดไปก็หัวเราะในใจ

“ปอนจ่าย” ฉันบอกไปแบบไม่คิดมาก

“ฮะ!....ทั้งคันเนี่ยฝีมือเธอนะ ทำไมผมต้องจ่าย”  เขาถามด้วยความสงสัย

“ใครบอก ที่ล้อรถเป็นฝีมือปอน ตอนไปรับลูกที่โรงเรียน” ฉันบอกพร้อมกับพูดแสดงหลักฐานให้ดู

“นิดเดียวเนี่ยนะ!” เขาถามด้วยความสงสัยทำไมต้องจ่ายในเมื่อมันนิดเดียว

“แต่มันมีรอยจารึกไว้ ว่าปอนทำ” ฉันพูดไปเพื่อให้เขาหายสงสัยในการกระทำของตัวเอง

“คนละครึ่ง” เขายื่นข้อเสนอเงื่อนไขในการจ่ายค่ารถมาให้

“ได้ แต่ปอนออกไปก่อน 35,000 หลินออก 17,500 เดี๋ยวค่อยผ่อนให้เดือนละ 3,000” ฉันยื่นข้อเสนอให้ (เผื่อว่าจะรับ)

“เอางั้นก็ได้” เขาบอก ในขณะที่ฉันรู้สึกภาคภูมิใจในชัยชนะครั้งนี้มาก แม้ศึกนอกบ้านจะพ่ายแพ้ แต่ศึกในบ้านคนเป็นเมียมักจะชนะเสมอ เป็นกฎข้อที่ 1 ของการครองเรือน เฉพาะบ้านนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ

.. >>>ที่โรงซ่อมรถ

“รถเป็นไงบ้าง” สามีฉันถามเจ้าของรถ ด้วยความสงสัย

“รื้อหมดแล้ว เดี๋ยวรอทำทั้งคัน” ช่างตอบ พร้อมกับพูดเสริมว่า

“ทำไมไม่ทำบางจุดละครับ รถสียังดีอยู่เลย” ช่างเสนอความคิดเห็น

“เห็นช่างโรงพยาบาลบอกว่า ถ้าทำทั้งจุดจะเหมือนหมาลายจุด ก็เลยทำทั้งคัน” ฉันบอกเหตุผลถึงสาเหตุที่ต้องทำทั้งคัน

“ไม่หรอก แทบจะไม่เห็นรอยด้วยซ้ำ” ช่างแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

“งั้นขอเปลี่ยนใจ ทำทั้งคัน” ฉันบอกช่างไปพร้อมกับคิดในใจว่า ได้ประหยัดเงินไปอีก 25,000

“ไม่ได้แล้วครับ รื้อทั้งคันแล้ว” ช่างบอก ด้วยท่าทีที่ไม่แคร์ต่อความรู้สึกเสียดายอย่างแสนสาหัสของฉัน

“จะบอกทำซาก ทำไมเนี่ย” ฉันคิดและนึกหมั่นไส้ในใจ

“งั้นก็จัดเต็ม..” ฉันบอกกับช่างพร้อมกับเดินทางกลับในวันนั้น

 

..........................ตะวันเริ่มคล้อยลับขอบฟ้าในช่วงเวลายามเย็นแล้ว ฉันนึกถึงอดีตในช่วงเวลาที่มีประสบการณ์ดีๆร่วมกับรถคันนี้ ระหว่างที่ขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปรับลูกที่โรงเรียน และเหตุการณ์ครั้งนี้ก็สอนให้ฉันรู้ว่า

 

“เพราะฉันเชื่อใจใครบางคน จนลืมเชื่อใจตัวเอง ถ้าฉันเชื่อใจตัวเอง ความหลงผิดหรือความผิดพลาดอาจจะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นน้อยมาก หากเราใส่ใจมันมากกว่านี้”

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที