ครั้งหนึ่งที่ฉันได้มีโอกาสไปศึกษาที่ประเทศมาเลเซีย เห็นว่าถึงเทศกาลรับปริญญาของมหาวิทยาลัยต่างๆทั้งที่ในประเทศนี้และประเทศอื่นๆ ที่เพื่อนชาวต่างชาติเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ บางครั้งบัณฑิตแต่ละคน เพียงแค่เดินแถวหยิบใบปริญญาที่วางอยู่ในตะกร้าเท่านั้น และที่สำคัญ คือ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่พระมหากษัตริย์จะลงมามอบใบรับปริญญาด้วยตัวพระองค์เอง
พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ได้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหนังสือเรื่องสมาธิ ไว้ว่า “…พระองค์ทรงนั่นอยู่บนเก้าอี้ที่ประทับได้เป็นเวลานานติดต่อกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง ทรงรับปริญญาบัตรที่เจ้าหน้าที่ทูลเกล้าถวายแล้วพระราชทานให้แก่บัณฑิตเหล่านั้น คนแล้วคนเล่า บางครั้งรวมเป็นจำนวน 2,000 ถึง 3,000 คน โดยไม่ทรงมีพระกิริยาที่ส่อความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า หรือเบื่อหน่าย พระวรกายอยู่ในท่าตรงเช่นนั้น จนเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจ”
ตลอดช่วงปี 2493 -2541 ได้พระราชทานปริญญาบัตรกว่า 5 แสนฉบับใช้เวลากว่า 2 หมื่นชั่วโมง เพื่อพระราชทานปริญญาบัตรจำนวนกว่า 770,000 คน น้ำหนักประมาณ 220 ตัน เท่ากับ รถบรรทุกสิบล้อถึง 10 คัน คันละ 22 ตัน
มีหลายคำถามที่เกิดขึ้นในใจว่าทำไมเพราะองค์ถึง ทำเช่นนั้น ท่านอาจารย์ปราโมทย์ ไม้กลัด ผู้ที่ทำงานถวายพระองค์ท่านได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการทรงงานของพระองค์ท่าน ที่เคยตรัสไว้ว่า
“…สิ่งไหนที่ทำแล้วคุ้ม ให้ทำ...”
ความหมายของพระองค์ท่านเกี่ยวกับคำว่า คุ้ม คือ คุ้มค่า ไม่ใช่คุ้มทุน คนอื่นๆเวลาจะทำอะไรเขาต้องคิดถึงความคุ้มทุน ความหมายของความคุ้มทุน คือ ทำแล้วได้กำไร แต่สำหรับพระองค์ท่านทำแล้วต้องคุ้มค่า ความหมายของความคุ้มค่า คือ ทำสิ่งไหนแล้วประชาชนมีความสุข สิ่งนั้นคือความคุ้มค่า
และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไม พระองค์ท่านจึงต้องลำบากพระวรกายเพื่อพระราชทานปริญญาบัตรเอง ครั้งหนึ่งได้มีผู้กราบบังคมทูลให้ทรงลดการเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง ให้คงลดเหลือเพียงระดับปริญญาโทเท่านั้น พระองค์ทรงมีกระแสรับสั่งตอบว่า
“พระองค์เสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีเท่านั้น แต่ผู้นั้นได้รับความสุขเป็นปีๆ เปรียบกันไม่ได้เลย”
มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2528 ในขณะที่พิธีพระราชทายปริญญาบัตร...เกิดไฟฟ้าดับ ทำให้มีบัณฑิต 6 คนไม่ได้รับพระราชทางปริญญาบัตรจากฝีพระหัตถ์ไว้เป็นที่ระลึก...สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น เมื่อเสร็จพระราชพิธี พระองค์ท่านทรงมีรับสั่งว่า
“.ให้ไปตามบัณฑิต 5-6 คนนั้น ขึ้นมารับปริญญาใหม่อีกครั้ง”
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมที่พระองค์ท่าน ทรงให้ความสำคัญกับการพระราชทานปริญญาบัตรเพราะพระองค์ท่าน คงมีความหวังในใจลึกๆว่า ขอให้บัณฑิตที่ได้รับไปทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อความคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้เรียนมา และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที