ความสำเร็จบางครั้งก็มาง่ายสำหรับใครบางคน และบางครั้งก็มายากสำหรับใครหลายๆคน ความสำเร็จเป็นสิ่งหอมหวามสำหรับคนที่ได้รับลิ้มรสมัน แต่ความสำเร็จก็จะกลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายสำหรับใครบางคนที่หลงไปกับมัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมความสำเร็จถึงกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายไปได้ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะ
คนที่หลงระเริงกับความสำเร็จ มักจะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นๆ เพราะความสำเร็จที่ตัวเองไขว่คว้ามาได้เหนือกว่าคนอื่นๆ จึงหลงทะนงตนเองคิดว่าข้าแน่ ไม่มีใครเกิน ถ้าใครเผลอลุ่มหลงกับความสำเร็จ สิ่งชั่วร้ายที่จะตามมา คือ ความเป็นอัตตาที่ไม่มองคนอื่น ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะคนที่เข้าใกล้จะรู้สึกว่าตัวเองโง่จากคำพูดที่คนเก่งพูดจากออกมาโดยไม่แยแสความรู้สึกของคนอื่น การไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเพราะคิดว่าความคิดเห็นของตัวเองแน่กว่าใคร และการหลงในอำนาจวาสนาที่ตัวเองมี
ในหลวงท่านเห็นข้อบกพร่องของสิ่งนี้จึงมีพระดำรัสที่เตือนให้คนเก่งๆต้องระวังตัวไว้ 4 ข้อ คือ
1. คนที่คิดว่าตัวเองเก่ง จะบกพร่องในความคิดพิจารณาที่รอบคอบและกว้างไกล เพราะใจร้อนเร่งจะทำให้เสร็จโดยเร็วเป็นเหตุให้งานผิดพลาด และล้มเหลว
2. คนที่คิดว่าตัวเองเก่ง จะบกพร่องในการนับถือและเกรงใจผู้อื่น เพราะถือว่าตนเป็นเลิศ เป็นเหตุให้เยอยิ่ง มองข้ามความสำคัญของคนอื่น และมักก่อความขัดแย้งทำลายไมตรีจิตมิตรภาพตลอดความสามัคคีระหว่างกัน
3. คนที่คิดว่าตัวเองเก่ง จะบกพร่องในความมัธยัสถ์พอเหมาะพอดีในการกระทำทั้งปวง เพราะมุ่งหน้าแต่จะทำให้ตัวให้เด่น ให้ก้าวหน้า เป็นเหตุให้เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ
4. คนที่คิดว่าตัวเองเก่ง จะบกพร่องในจริยธรรมและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะมุ่งแต่จะแสวงหาประโยชน์เฉพาะตัวให้เพิ่มพูนขึ้น เป็นเหตุให้ทำความผิดและความชั่วทุจริตได้ โดยไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือน
ดังนั้นคนเก่ง ก็ควรที่จะระวังความคิดและการกระทำในข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งทางแก้ไขก็คือการที่จะต้องพยายามอ่านน้อมถ่อมตน ไม่โอ้อวด รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เข้าใจและรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นให้ได้มากที่สุด ซึ่งในหลวงของเราแสดงออกให้เห็นในเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่แม่เฒ่าตุ้ม วัย 102 ปี ไปรอเฝ้ารับเสด็จในหลวงจนดอกไม้เหี่ยวแห้งโรยรา เสมือนวัยที่กำลังร่วงโรยท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด ในหลวงทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุดจนพระพักตร์แนบชิดกับศรีษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดูพระหัตถ์ของในหลวงได้แตะลงบนมือกร้านคล้ำของแม่เฒ่าชาวเกษตรกรชาวอีสานอย่างอ่อนโยน และเป็นภาพที่ตราตรึงคนไทยมาอย่างต่อเนื่องและตราบนานแสนนาน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที