ในเชิงการตลาดได้จำแนกผลิตภัณฑ์ออกเป็นหลักๆอยู๋ 3 ประเภทคือ ทะเลสีแดง ทะเลสีฟ้า และ ทะเลสีขาว การแยกประเภทตรงนี้มีผลต่อการเลือกกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจนทะเลสีแดงนั้นฟาดฟันกันด้วยอาวุธนานับประการหมายถึงการแก่งแย่งชิงดีกันการห่ำหั่นราคาการทำการตลาดแบบดุเดือดเพื่อให้ได้ยอดขายตามที่ต้องการนั้นเป็นการทำการตลาดแบบครบเครื่อง ด้วยราคะ โทสะ และโมหะ ผลของการกระทำแบบนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่าจะนำมาซึ่งความวิบัติเพราะกฏของธรรมชาติเป็นสิ่งที่แน่นอนเมื่อเราได้กระทำไม่ดีลงไป สิ่งไม่ดีนั้นก็จย้อนกลับมาทำเราอย่างแน่นอน จึงมีผู้ที่เห็นและแยกตัวออกมาทำสิ่งใหม่ๆที่เรียกว่านวัตกรรม หรือทะเลสีฟ้า ที่จะคิดสิ่งใหม่ๆเพื่อหนีคู่แข่งเสมอแต่ความคิดนั้นก็ยังผลประโยชน์เพียงระยะเวลาหนึ่งนั่นก็คือนวัตกรรมจะเปลี่ยนแปลงเป็นเทคโนโลยี จากนั้นก็จะเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา เมื่อมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมาสักักสิ่งนั้นก็จะตั้งอยู่และดับไปถ้าเราได้มองเห็นสิ่งเหล่านี้ก็จะพบว่าทะเลสีฟ้าก็ยังไม่ยั่งยืนแต่จะมีโอกาสไดลิ้มรสกับความสุขเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง ต่อมามีผู้คิดทะเลสีขาว นั้นคือทำสินค้าที่มีประโยชน์ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำนั่นคือแดนสวรรค์ คือการคิดแบบเทวดาทำกุศลให้มากเจริญให้มากสิ่งนี้ก็เป็นผลดีอยู่เสมอองกรณ์ที่มีลักษณะนี้จะเป็นเหมือนแดนสวรรค์คือผู้คนมีคุณธรรมนำธุรกรรม เป็นองค์กรณ์ที่น่าอยู่และยั่งยืนที่สุดในแดนมนุษย์ แนวคิดของพระโสดาบันจะมาจากความเข้าใจกฏแห่งกรรมอย่างถ่องแท้ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่สามารถจะเป็นพระโสดาบันได้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากแนวคิดแบบโลกุตตระนั้นจะมีลักษณะของธรรมะเข้าไปสอดแทรกแบบเต็มตัว เพราะธรรมะคือสัจจะธรรม ถึงแม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์จะมีอายุแต่ธรรมะนั้นจะยืนยง แนวคิดที่พระอริยะเจ้านำมาใช้สร้างผลิตภัณ์นั้นจะประกอบด้วยกุศลกรรมบทสิบประการ คือคิดจากกายสาม วาจาสี่ ใจสาม คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ไปขโมยความคิดใครมา ไม่นำไปสู่ความประพฤติผิดประเวณี โดยมีวาจาสี่ทำการตลาดแบบ ไม่มีคำหยาบ ไม่ส่อเสียด ไม่โกหก ไม่เพ้อเจ้อ และประกอบด้วยใจสาม คือ ไม่โลภ ไม่พยาบาท ไม่ลุ่มหลง แนวคิดนี้พระโสดาบันจะใช้เป็นหลักในการทำธุรกิจและผลิตภัณฑ์ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์และสินค้าที่ความใหม่ และยั่งยืน เสมอถ้านึกไม่ออกลองดูพวกบริษัท Grab Google Microsoft เป็นต้นบริษัทเหล่านี้มีแนวคิดแบบโสดาบันแม้จะไม่ครบทีเดียวแต่ก็ทำให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและยาวนาน แต่แนวคิดแบบอรหัตผลนั้นยั่งยืนกว่าให้ลองดู พุทธศาสนาที่ดำรงอยู่ 2600ปีเพราะมีการจัดองค์กรณ์ที่มีความแยบคายและเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้งนั่นเอง
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
