จริยา

ผู้เขียน : จริยา

อัพเดท: 15 พ.ค. 2014 04.19 น. บทความนี้มีผู้ชม: 6609 ครั้ง

เคล็ด(ไม่)ลับ ที่มาทำความรู้จักกับสมองมากขึ้น


วิธีการผ่อนคลายสมอง ห่างไกลสมองเสื่อม

สมองคนเรา ก็เหมือนอวัยวะที่ทำงานหนักตลอดเวลา และ พอเวลาผ่านไป 10 ปี หรือ 20 ปี สมองก็เริ่มมีการสั่งงานช้าลง ไม่ต่างกับเครื่องจักร ที่หมดประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้ เรามีวิธีให้สมองกลับมาเหมือนเดิมได้ 

 

 

ดร.เทอรี่ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเต้นรำไม่ว่าจะจังหวะอะไร สไตล์ไหน ทั้งวอลซ์ แทงโก้ รุมบ้า หรือซัลซ่า เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายสมองและเพิ่มความสามารถของสมอง เพราะต้องทำความเข้าใจกับท่าใหม่ ฟังเพลง ตัดสินใจ ตลอดจนจดจ่อกับจังหวะและท่าเต้น

 

ขอบคุณแหล่งภาพ : http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aston27&date=19-09-2006&group=2&gblog=55

การลดความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการรักษาความจำ ซึ่ง ดร.เทอรี่มองว่า คนส่วนใหญ่สูญเสียความทรงจำ เพราะความเครียดมากกว่าโรคภัยหรือการเจ็บป่วยเสียอีก

"ความเครียดเป็นตัวทำลายความจำอันดับหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกต คือมีทั้งความเครียดที่ดีและไม่ดี ทุกคนควรรักษาความสมดุลของความเครียดทั้งสองส่วน"

 

ขอบคุณแหล่งภาพ : http://www.dietshowto.com/in/yoga/yoga-class

กิจกรรมเพื่อลดความเครียดแบบง่าย ๆ ได้แก่ การเล่นโยคะ การนวด การออกกำลังกาย การรำไท้เก๊ก ฟังเพลง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการนอนหลับสนิทในตอนกลางคืน เมื่อคนเราอ่อนล้าหรือเหนื่อยมาก ๆ ร่างกายจะเกิดความเครียดและความดันเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น

การออกกำลังกายสมองตลอดช่วงชีวิตจะช่วยป้องกันการสูญเสียความจำ โรคอัลไซเมอร์ และโรคสมองเสื่อมชนิดต่าง ๆ ในเวลาต่อมาได้

ดร.เทอรี่กล่าวว่า การฟังเพลงเบา ๆ อาบน้ำอุ่น ๆ เป็นวิธีเตรียมตัวสำหรับการนอนหลับที่ดี สิ่งที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งก่อน

เข้านอน คือการมองที่หน้าจอสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากอุปกรณ์เหล่านี้จะรบกวนการนอนหลับ เพราะมนุษย์ไม่คุ้นเคยกับแสงสีนี้ในเวลากลางคืน

สิ่งที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสุขภาพสมองได้ คืออาหารที่มีคุณค่าและสมดุลทางโภชนาการ กล่าวคือ ควรรับประทานอาหารจำพวกปลา ผักและผลไม้สด หรือการดื่มไวน์ 1 แก้วต่อวัน ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากธรรมชาติอย่างแปะก๊วยหรือวิโนซีติน ก็สามารถช่วยบำรุงสมองได้เช่นกัน

 

ขอบคุณแหล่งภาพ : http://www.vcharkarn.com/varticle/42942

 

ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัดและอาหารทอด เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ หรือที่เรียกว่า "โรคเบาหวานของสมอง"

"ในอนาคต การใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเลตที่แพร่หลาย จะเปลี่ยนวิธีการใช้สมองของเรา เทคโนโลยีจะมีอิทธิพลต่อวิธีการใช้สมองของเรา และอาจช่วยให้เราสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น การวิจัยและพัฒนาสมองอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต จะทำให้การรักษาสมองจากโรคภัยและความเจ็บป่วยเปลี่ยนแปลงไป"

เพื่อเป็นการระแวดระวังไม่ให้โรคนี้เกิดขึ้นกับคนรอบข้างในระยะที่เกินเยียวยา ดร.เทอรี่แนะนำว่า หมั่นสังเกต

 

เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำกันได้  ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งผู้ที่มีความเครียดก็ทำได้เช่นกันคะ

 

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://campus.sanook.com/1371206/%E0%B8%94%E0%B8%A3.%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1/


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที