จริยา

ผู้เขียน : จริยา

อัพเดท: 29 เม.ย. 2014 05.22 น. บทความนี้มีผู้ชม: 6385 ครั้ง

ภาวะที่การเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ และยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่นานกว่า 6 เดือน ส่งผลให้เอกชนไทยขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น


นักลงทุนไทยสนใจเบนเข็มลงทุนในเมียนมาร์ หนีปัญหาทางการเมืองไทย

ปัญหาทางการเมืองยังไม่ค่อยคลี่คลาย ทำให้มีนักลงทุนจากหลายที่ ไม่ค่อยกล้ามาลงทุนหรือ ทำธุรกิจด้วย  แม้กระทั้งนักธุรกิจคนไทยที่หนีไปลงทุนที่ต่างประเทศ 

 

ขอบคุณแหล่งภาพ : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1380873427

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานเสวนา " Embracing Myanmar's boundless prosperity in the new economic era " ว่าในภาวะที่การเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ และยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่นานกว่า 6 เดือน ส่งผลให้เอกชนไทยขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ซึ่งประเทศเมียนมาร์กำลังได้รับความสนใจ ล่าสุดคือโครงการติลาวา และ โครงการทวาย ที่นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจเป็นพิเศษ และกำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสของเอกชนไทยโดยเฉพาะในธุรกิจค้าขาย ก่อสร้าง โรงพยาบาล พลังงาน โรงแรม

นอกจากนี้รัฐบาลเมียนมาร์ได้ปรับกฎระเบียบการลงทุนต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการลงทุนของต่างชาติมากขึ้น ซึ่งธนาคารกสิกรไทยก็พร้อมสนับสนุนสินเชื่อที่ไปลงทุนในเมียนมาร์ โดยพิจารณาตามความสามารถของแต่ละโครงการ ซึ่งท่าทีนักลงทุนไทยต่อเมียนมาร์หลายโครงการอยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการ ยังไม่สรุปเม็ดเงิน และรอดูการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมาร์

อย่างไรก็ตามสัดส่วนโครงการตัดสินใจลงทุนในเมียนมาร์ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40-45 จากปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 20 ขณะเดียวกันการที่ธนาคาร เน้นสินเชื่อลงทุนต่างประเทศมากขึ้น เพื่อรักษาเป้าหมายการขยายตัวสินเชื่อปีนี้ให้เติบโตร้อยละ 7-8

 

 “อินเด็กซ์ ครีเอเทีฟ วิลเลจ

 

“อินเด็กซ์ ครีเอเทีฟ วิลเลจ  หวั่นปัจจัยการเมือง เบนเข็มซบเมียนมาร์เดินหน้าทำธุรกิจเต็มสูบ พร้อมเปิดตัวบริษัทน้องใหม่ “ไอซีวีเอ็กซ์” เผยภาพรวมตลาดอีเวนต์ปีนี้ตกเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปีที่แล้ว     

    นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอเทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ยังไม่สามารถคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปในทิศทางใดได้ คงต้องเฝ้าสังเกตการณ์ในวันที่ 28 มกราคมนี้ ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการหารือข้อสรุปเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไร
    ซึ่งหากข้อสรุปยังคงมีมติให้เดินหน้าทำการเลือกในวันที่ 2 ก.พ.นี้ คาดว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนกับวันที่ 26 ม.ค. บริเวณวัดศรีเอี่ยมที่ผ่านมา แต่หากเลื่อนการเลือกตั้งต่อไปคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังคงปักหลักชุมนุมเหมือนเดิม  และจากปัจจัยลบดังกล่าวขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจนกว่าสถานการณ์จะมีความสงบมากกว่านี้


    อย่างไรก็ดี ทางบริษัทได้เห็นโอกาสจากอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเมียนมาร์ (จีดีพี) ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงถึง 6.5% เนื่องจากมีนักธุรกิจต่างชาติสนใจเข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมาร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยถือเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีนที่เข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมาร์มากที่สุด ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศเมียนมาร์ยังคงมีความต้องการค่อนข้างสูง วัดได้จากการขยายตัวของธุรกิจโรงแรม อพาร์ตเมนต์ และร้านอาหารที่เข้าไปเปิดให้บริการในประเทศเมียนมาร์ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการเปิดตัวบริษัท ไอซีวีเอ็กซ์ จำกัด ซึ่งจะทำหน้าที่ให้บริการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศเมียนมาร์ขึ้นอีกด้วย


    “จากการเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง คาดการณ์ว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ในประเทศปีนี้น่าจะตกลงไปอีกประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่ตกลงไปประมาณ 20% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมอีเวนต์ปี 2556 มีมูลค่าเพียง 13,500 ล้านบาท ลดลงจากปี 2555 ที่มีมูลค่า 15,000 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทางบริษัทอยากขยายธุรกิจมายังประเทศเมียนมาร์ให้มากขึ้น โดยคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จากการดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาร์จะอยู่ที่ 250 บ้านบาท หรือคิดเป็น 10-15% จากรายได้รวม ซึ่งภายในอีก 3-5 ปีสัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 30-40% โดยในขณะนั้นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและภายในประเทศจะอยู่ที่ 50 : 50 ขณะเดียวกันทางบริษัทยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาทางธุรกิจอีกหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย” นายเกรียงไกรกล่าว.

 

 

การเปิดประตูต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศของเมียนมาร์ ที่รัฐบาลของนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ส่งสัญญาณไปยังนอกประเทศเป็นระลอกๆ ได้สะท้อนความต้องการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจอย่างชัดเจน และมีผลตอบรับจากนักลงทุนทั่วโลก จนทำให้เศรษฐกิจเมียนมาร์เวลานี้เริ่มขยายตัวดีขึ้นมาก 

ADB หรือธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย คาดว่า เศรษฐกิจเมียนมาร์ จะขยายตัวร้อยละ 6.5 ในปี 2556 และร้อยละ 6.8 ในปี 2557 ซึ่งก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย เพราะหลังจากโลกตะวันตกทยอยยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างประเทศก็พากันแห่เข้าเมียนมาร์ ทำให้ทุกวันนี้ ราคาสินค้าทั่วไปสูงขึ้น ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นที่ดินและสำนักงานให้เช่าก็ขยับสูงขึ้น อย่างไร้เหตุผล 
    
ตรงกับผลสำรวจของบริษัทค้าขายบ้านและที่ดิน ที่มีชื่อเสียงอย่าง Colliers International Myanmar ที่พบว่า ค่าเช่าสำนักงานในสิงคโปร์ ซึ่งมีราคาเฉลี่ยประมาณ 74 เหรียญสหรัฐต่อตารางเมตร ยังถูกกว่าในย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของเมียนมาร์ อย่างไม่น่าเชื่อ 

สำหรับ ไทยในฐานะเพื่อนบ้าน จะมองข้ามความสำคัญของเมียนมาร์ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนอกจากไทยจะมีชายแดนติดต่อกับเมียนมาร์ถึง 2,400 กิโลเมตรแล้ว เรายังมีการค้าขายตามแนวชายแดนระหว่างกัน โดยในปี 2555 มีมูลค่าถึง 1.8 แสนล้านบาท และคาดว่าในปี 2556 นี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านบาท 
    
ขณะ ที่ในมุมมองของต่างชาติที่ไกลออกไป ส่วนใหญ่ยังเห็นว่า การลงทุนในเมียนมาร์มีความเสี่ยงอยู่มาก กลุ่มที่ไม่พร้อมจะเสี่ยง ก็ใช้นโยบายเฝ้าติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจไปพลางๆ ก่อน 

ปัจจุบัน ไทยต้องเข้าสู่กระบวนการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนในเมียนมาร์ ฉะนั้น การกำหนดนโยบายต่างประเทศและนโยบายเศรษฐกิจของไทยต่อเมียนมาร์ ให้ทันสมัยกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
    
วันนี้ ต้องถือว่ารัฐบาลเมียนมาร์ ประสบผลสำเร็จในการเปิดประเทศจนทั่วโลกไม่อาจมองข้ามไปได้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ นายเต็งเส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ เป็นผู้นำที่มีความสามารถสูง เป็นนักยุทธศาสตร์ที่บริหารประเทศให้เกิดความสมดุลย์ อีกทั้งยังสร้างอำนาจต่อรองได้มาก ด้วยการจัดสรรผลประโยชน์ทางการค้า การลงทุน รวมทั้งจัดการกับอิทธิพลทางการเมืองระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศมหาอำนาจได้ อย่างแนบเนียนยิ่ง 
    
จนกล่าวได้ว่า เมียนมาร์ในวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พร้อมกับความมั่นคงของประเทศที่สูงขึ้นด้วย 

ถ้าการเมืองในปัจจุบันยังไม่สามารถเคลียร์ ก็อาจทำให้เศรษฐกิจในประเทศไทย เกิดความทดถอย และ ขาดทุนจนได้ เพราะ ไม่มีนักลงทุนคนไหนมาลงทุนในประเทศไทย

 

ขอบคุณแหล่งที่มาและรูปภาพ

http://www.oknation.net/blog/parnpree/2013/12/06/entry-1

http://www.mcot.net/site/content?id=535e1eb2be047023668b4589#.U19ymbdZqzc

http://mcot-web.mcot.net/mcot-testing/site/content?id=50a0a8c0150ba0ef5c000022#.U190lbdZqzc

http://www.thaipost.net/news/280114/85192

 http://money.sanook.com/182346/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที