เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ จะพบว่า สถานประกอบการขนาดใหญ่มีจำนวนคอมพิวเตอร์ใช้ในการดำเนินงานเฉลี่ยต่อกิจการมากที่สุด คือ ประมาณ 78 เครื่องต่อกิจการ และคิดเป็นร้อยละ 49.3 ที่ใช้งานในลักษณะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเป็นประจำ เมื่อพิจารณาการใช้อินเทอร์เน็ตของสถานประกอบการแต่ละขนาด พบว่า สถานประกอบการขนาดใหญ่มีสัดส่วนของการใช้อินเทอร์เน็ต ประมาณร้อยละ 90.7 รองลงมาคือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กตามลำดับ และจำนวนบุคคลากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยต่อสถานประกอบการที่ใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุด 43 คน[1]
วัตถุประสงค์ในการใช้อินเทอร์เน็ตในการดำเนินกิจการของสถานประกอบการส่วนใหญ่ ได้แก่ การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้นหาข้อมูล การรับ-ส่งข้อมูลทางอีเมล์ การซื้อ/ขายสินค้าและบริการหรือดำเนินธุรกิจคู่ค้า ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด และใช้เป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่น ๆ ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินกิจกรรม ได้แก่ ความสะดวกในการติดต่อธุรกิจกับคู่ค้า ความสะดวกในการชำระเงินค่าสินค้าและบริการ สามารถลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน ทำให้กระบวนการธุรกิจดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น เช่น การรับส่งเอกสารอิเล็คทรอนิกส์ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า สามารถขยายเวลาทำการหรือระยะเวลาการดำเนินงานได้มากกว่าชั่วโมงปกติ
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี พ.ศ. 2547 พบว่า การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คิดเป็นร้อยละ 93.61 ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อการประกอบกิจการ ขณะที่การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการบริการและประมวลผลจากส่วนกลางมีเพียงร้อยละ 6.38 ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อการประกอบกิจการทั้งหมด และสำหรับการใช้คอมพิวเตอร์จากที่อื่นที่ไม่ใช่สำนักงานอันดับแรกสุดคือ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจากที่บ้านคิดเป็นร้อยละ 61.5 การใช้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่คิดเป็นร้อยละ 33.4 และการใช้บริการจากศูนย์บริการสารสนเทศอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 5.1 ตามลำดับ เมื่อเทียบจากตัวเลขในปี 2546 พบว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่บ้านเพิ่มขึ้น 14.6% การใช้บริการจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เพิ่มขึ้น13.9% และการใช้บริการจากศูนย์บริการสารสนเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 4.7% (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 : เปรียบเทียบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนอกสำนักงาน
ตารางเปรียบเทียบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนอกสำนักงาน | |||
สถานที่ |
ปี พ.ศ.2546 (ร้อยละ) |
ปี พ.ศ. 2547 (ร้อยละ) |
อัตราการเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
ที่บ้าน |
46.9 |
61.5 |
เพิ่มขึ้น 14.6 |
อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ |
19.5 |
33.4 |
เพิ่มขึ้น 13.9 |
ศูนย์บริการสารสนเทศอื่น ๆ |
0.4 |
5.1 |
เพิ่มขึ้น 4.7 |
หมายเหตุ : เป็นการเปรียบเทียบปริมาณการใช้ (ไม่ใช่จำนวนผู้ใช้) โดยเฉลี่ย
จากตัวเลขดังกล่าวสามารถวิเคราะห์ได้ว่าลักษณะการทำงานของสถานประกอบการต่าง ๆ เริ่มมีบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่นิยมทำงานนอกสถานที่หรือนอกสำนักงานมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการทำงานจากที่บ้านเพิ่มมากขึ้น โดยมีปัจจัยที่สำคัญในการผลักดันและเป็นแรงกระตุ้นในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1. กระบวนการพัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและครอบคลุมการให้บริการมากขึ้นในประเทศไทย
2. ผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับการที่รัฐบาลประกาศลอยตัวราคาน้ำมัน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที