เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ โบอิ้ง 777 ที่หายไป ถือเป็นเครื่องบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เกิดสถิติเกิดเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิตเพียง 1 ครั้ง
สืบเนื่องจากเหตุ เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ที่สูญหายไปตั้งแต่เวลา 01.30 น. ของวันที่ 8 มีนาคม 2557 ล่าสุดสำนักข่าวเอพี เปิดเผยว่า เครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777 ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และยังมีความปลอดภัยสูงที่สุดอีกด้วย
เอพีระบุว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777 สามารถเดินทางได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมงและมีประวัติความปลอดภัยที่น่าประทับใจ เพิ่งเกิดอุบัติเหตุครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มใช้เมื่อ 19 ปีก่อนเมื่อสายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ของเกาหลีใต้ไถลออกนอกทางวิ่งที่นครซานฟรานซิสโกของสหรัฐเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 3 คนจากคนบนเครื่องทั้งหมด 307 คน
โบอิ้ง 777 ได้รับความนิยมจากสายการบินหลายแห่งเนื่องจากเครื่องยนต์ขนาดมหึมา 2 เครื่อง ทำให้บินได้ไกลถึง 7,250 ไมล์ โดยไม่ต้องแวะพัก มีความเร็วในการบินเกือบ 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเครื่องบินที่ใช้ 4 เครื่องยนต์ ทั้งยังสามารถบรรทุกผู้โดยสาร กระเป๋า สินค้าและเชื้อเพลิงหนักถึง 155 ตัน
นอกจากนี้ โบอิ้ง 777 ยังเป็นเครื่องบินเครื่องยนต์คู่รุ่นแรกที่ได้รับอนุญาตให้บินเหนือมหาสมุทรที่ห่างจากสนามบินลงจอดฉุกเฉินถึง 180 นาที เนื่องจากเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้านการบินเห็นว่า สามารถบินได้นานเกือบ 3 ชั่วโมงด้วยเครื่องยนต์เพียงเครื่องเดียวในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ปัจจุบันราคาของโบอิ้ง 777 รุ่นใหม่ตั้งไว้ที่ 261.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,368 ล้านบาท)
เครื่องบินจัมโบ้เจ็ทขนาดใหญ่ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ลำนี้ สามารถบินจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองที่อยู่อีกฟากของโลก โดยสามารถบินติดเนื่องกันได้นานถึง 16 ชั่วโมง แต่สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือ เรื่องของความปลอดภัย โดยในรอบ 19 ปีตามประวัติของเครื่องบินรุ่นนี้ พบอุบัติเหตุเครื่องบินตกจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นคือเหตุการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 ที่ครื่องบินของสายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์ แล่นไถลออกนอกรันเวย์ในซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน จากผู้โดยสารทั้งหมด 307 คน
สายการบินต่าง ๆ ชื่นชอบเครื่องบินรุ่นนี้ เนื่องจากเครื่องบินรุ่นนี้สามารถบินได้ในระยะไกลเพราะมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 2 เครื่อง โดยเครื่องยนต์แต่ละเครื่องสามารถบรรจุแถวที่นั่งในรถโค้ชได้ถึง 5 ที่นั่ง สำหรับข้อดีของการมีเครื่องยนต์ 2 เครื่อง คือช่วยให้เครื่องบินรุ่นนี้ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องบินที่มีเครื่องยนต์ 4 เครื่อง อย่างโบอิ้งรุ่น 747
แม้จะมีความปลอดภัยสูงสุด แต่เครื่องบินโบอิ้ง 777 ก็เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยครั้งนั้นเครื่องบินของสายการบินบริติช แอร์เวย์ เกิดไถลออกนอกรันเวย์ประมาณ 300 เมตร ที่สนามบินฮีทโทรว์ในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) ขณะที่ มาเลเซียแอร์ไลน์ ก็เคยมีปัญหากับการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005)
ในตอนนั้น เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ซึ่งบินจากกรุงเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย มุ่งหน้าไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในระดับความสูง 38,000 ฟุตเหนือมหาสมุทรอินเดีย ได้เกิดปัญหาซอฟต์แวร์ของเครื่องขัดข้องจนคำนวณความเร็วและความเร่งผิดพลาด เป็นเหตุให้เครื่องบินบินสูงเกินกว่ากำหนดไปอีก 3,000 ฟุต ท้ายที่สุดกัปตันต้องยุติการทำงานของโหมดออโต้ไพลอทและเข้าควบคุมการบินด้วยตนเอง ก่อนที่จะร่อนลงจอดที่เมืองเพิร์ธอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777 จะเคยเกิดเหตุขัดข้องมาก่อน แต่อุบัติเหตุที่ร้ายแรงจริง ๆ ก็มีเพียงครั้งเดียว ดังนั้น การที่เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์หายไปจากจอเรดาร์ในครั้งนี้ จึงยังคงเป็นปริศนาว่า เกิดจากสาเหตุใดกันแน่
ขอขอบคุณที่มา
เรียบเรียงข้อมูลโดยBy สำนักข่าวไทย TNA News
http://www.mcot.net/site/content?id=531ac63abe0470a6408b45c6
http://hilight.kapook.com/view/99031
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก MANAN VATSYAYANA / AFP
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที