โดย : จีราวัฒน์ คงแก้ว
เป็นผู้นำอาจต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปี แต่ใครจะคิดว่าในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเราก็สามารถปรับตัวเองให้ดูเป็นผู้นำได้ด้วยบริการจากที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์
ถ้าคุณพยายามที่จะทำตัวธรรมดาๆ คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่า คุณเองนั้นสุดยอดได้มากขนาดไหน”
คำนำโดนๆ จาก “วีณา ทองแถม” โค้ชด้านบุคลิกภาพ(Image Coach) ที่ฝากไว้ให้คิด ในหนังสือ "หล่อ...ให้เป็น Men’s Styling" คู่มือแต่งหล่อ ที่ผู้ชายต้องมี กระตุกความคิดหนุ่มๆ ให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง ไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่ไฉไลกว่า โดยเฉพาะคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ผู้บริหาร หรือมีชีวิตเบื้องหน้าที่อยู่บนความคาดหวังและความสนใจของใครหลายๆ คน
“วีณา” ไม่ใช่มือใหม่ในงานที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ เธอคือ คนไทยคนแรกที่ Certified หลักสูตร Styling Coaching จากประเทศอังกฤษ ตามมาติดๆ กับหลักสูตร Men Styling จาก BBI สหรัฐอเมริกา มีโอกาสร่ำเรียนแบบส่วนตัวกับ “Carla Mathis” Image Master 1 ใน 10 ของโลก ผู้สอน Image Consultant และเขียนตำรา “The Triumph of Individual Style” ซึ่งถูกขนานนามว่าไบเบิ้ลฉบับที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ที่ทุกคนต้องมี
การเรียนรู้และลับเหลี่ยมฝีมืออย่างไม่สิ้นสุด เมื่อได้เข้าเป็นสมาชิก AICI (Association ofImage Consultant professional) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ต้องเก็บชั่วโมงบินจากการทำงาน สั่งสมเขี้ยวเล็บในงานด้านนี้
ทำไมวันนี้หลายคน โดยเฉพาะระดับผู้นำ ผู้บริหาร ถึงเลือกใช้บริการที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ ยอมเสียเงินหลักหมื่นหลักแสน ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ‘การลงทุน’ เพื่อ ‘เพิ่มทุน’ ให้ตัวเอง
โค้ชวีณา บอกเราว่า บุคลิกภาพ การแต่งกาย การเลือกใช้สี และโทนเสียง ไล่ไปจนการวางตัวและสะท้อนบุคลิกภาพบางอย่างออกมา สามารถทำให้เราเป็นผู้นำ หรือผู้บริหาร ที่โดดเด่นและแตกต่างได้ แม้แต่การปรับลุ้คมาแต่งตัวใหม่โดยเลือก “เสื้อผ้าที่ใช่คุณ” ก็นับเป็นการลงทุน ที่จะสร้างแต้มต่อ ส่งเสริมหน้าที่การงาน และสร้างความก้าวหน้าให้กับตัวเองได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน
“อาชีพและโอกาส ส่งผลต่อการแต่งกายที่ออกมา อย่างเราทำงานในสถาบันซึ่งต้องการความน่าเชื่อถือ เช่นบริษัทกฎหมาย สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา การแต่งตัวก็อาจต้องดู Conservative หน่อย การใช้สีใช้แบบก็ต้องดูเรียบๆ แต่ถ้าทำงานครีเอทีฟ ก็อาจมีลูกเล่นเข้าไปได้ หรือกรณีที่สไตล์เราอาจจะครีเอทีฟมาก แต่ดันไปทำงานเป็นอาจารย์ ซึ่งความขัดแย้งนี้ ก็สามารถบริหารด้วยการแต่งตัวได้ เพื่อไม่ให้รู้สึกขัดแย้ง และเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเราด้วย”
บุคลิกภาพ การใช้สี การเลือกแบบ การวางตัว การใช้เสียง ทุกอย่างต้อง “ไปด้วยกัน” และสามารถสะท้อนตัวตนของเราออกมาจากทั้งภายนอกและภายใน ดั่งคำที่ว่า “Look good outside feel great inside”
“เมืองไทยเราใช้เสื้อผ้าเป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเสื้อผ้าในเรื่องอื่น อย่างเช่น กรณีที่ผู้บริหารจะแจ้งข่าวร้าย เขาบอกว่า ต้องใช้สูทสีอ่อน เพราะจะทำให้เรื่องมันดูซอฟท์ลง ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่า เรื่องนี้ก็ใหญ่แล้ว ยังมาในลุ้คที่ทำให้ดูหนักเข้าไปอีก นี่เห็นชัดว่า เสื้อผ้าไม่ได้เป็นแค่เครื่องนุ่งห่มและมีความละเอียดอ่อนมาก”
ไม่ใช่แค่บรรเทาสถานการณ์ แต่บุคลิกภาพที่ดี ยังช่วยให้ผู้บริหารได้รับการยอมรับ คนทำงานดีจะถูกโปรโมทได้เร็วขึ้น แม้แต่การไปสมัครงานก็สามารถมีแต้มต่อ ขายตัวเองได้ในเวลาไม่กี่นาที นี่คือจุดขายของบริการที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์
เธอบอกว่า การแต่งกายของผู้ชายดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พอลงไปเรียนแบบ “เชิงลึก” จริงๆ เลยได้พบว่า ยังมีรายละเอียดอีกเยอะมาก และเปิดมุมมองในการแต่งตัวของผู้ชายให้กับโค้ชด้านภาพลักษณ์อย่างเธอ
“ก่อนหน้าที่จะไปเรียน เป็นคนที่มองสูทแต่ไม่เห็นสูท”
เธออธิบายว่า ก่อนหน้านี้เวลาเห็นผู้ชายใส่สูทก็คิดแค่ว่า ก็แค่สูท ก็ใส่ๆ ไป จะมีอะไรแตกต่างกันมากมายเชียวในเรื่องของสูท แต่พอไปเรียนเลยได้พบว่า แค่เลือกสูทที่ดี ก็สามารถสร้างรูปร่างใหม่ให้กับหนุ่มๆ ได้
“เลือกสูทเหมือนจะง่าย กระทั่งผู้บริหารระดับสูงในบ้านเรา ก็ยังนิยมซื้อสูทสำเร็จมาใช้ ซึ่งบางทีมันก็ใส่ได้นะ อย่างสมัยก่อน เราก็อ๋อ โอเคใส่สูท แต่พอเริ่มเห็นมันแล้ว ก็รู้ว่ายังปรับให้ดูดีขึ้นได้อีก อย่าง ความหลวม คือความชราภาพ มันจึงต้องพอดี ความพอดีจะทำให้ดูหนุ่มขึ้น ดูกระฉับกระเฉงและอ่อนเยาว์ ซึ่งความพอดีมักไม่ได้มาจาก เสื้อผ้าสำเร็จ”
นั่นคือเหตุผลที่หลายคนอาจต้องยอมลงทุนกับการตัดสูทราคาแพง หลักหมื่น หลักแสนบาท เพื่อให้ได้ความพอดีที่เหมาะกับลุ้คของตัวเองจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่เธอบอกว่า ทำไมการแต่งตัวถึงเป็น “การลงทุน” ไม่ใช่ “ค่าใช้จ่าย” เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนที่จะได้ ก็คือ ความสำเร็จ “ขั้นกว่า” ที่จะคืนกลับสู่วิถีแห่งผู้นำนั่นเอง
ยังมีรายละเอียดอีกมาก ของการเปลี่ยนภาพลักษณ์ในแบบฉบับผู้ชาย ที่เธอบอกว่า สามารถทำออกมาเป็น Check Point ไล่กันไปได้แต่ละเรื่องแต่ละจุด แต่ก็ไม่มีความซับซ้อนมากเท่ากับลุ้คของคุณผู้หญิง ซึ่งการให้บริการที่ได้ผลที่สุด ก็คือ ผู้รับบริการที่ “หิว” อยากเปลี่ยนแปลง อยากเรียนรู้ คนแบบนี้ไม่ต้องพูดเยอะ และกล้ากระโดดจากจุดที่คุ้นชิน มาเปลี่ยนตัวเองด้วยภาพลักษณ์ใหม่ อย่างบางคนลุกมาแต่งตัวใหม่ ตัดผม ทำสีผม โดยรู้สึกมั่นใจขึ้น และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ซึ่งเธอว่า เป็นเหมือนการได้ “เปลี่ยนชีวิต” ให้กับลูกค้า
5 ปี ของการทำธุรกิจ เธอบอกว่าเป็นการเริ่มต้นที่ยาก โดยเฉพาะการจะให้คนยอมรับให้บริการใหม่ๆ ในช่วงแรก จึงมีทั้งบริการแบบ “ฟรี” ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง และพิสูจน์ให้ตลาดได้เห็นว่าการเปลี่ยนลุ้คได้ผลจริงมากน้อยแค่ไหน จนลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทั้งแบบลูกค้าองค์กรที่จัดคอร์สเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้กับพนักงาน คลาสเรียนสำหรับบุคคลทั่วไป ไล่ไปจน การเป็น Personal Coaching ให้กับเหล่าผู้นำ ผู้บริหาร ในอัตราค่าบริการ แบบ Privet Coaching ก็ตั้งแต่ 5 พัน ถึงหลักหมื่นบาท ที่ให้บริการตั้งแต่การค้นหาบุคคลิกไปจบท้ายที่การช้อปปิ้งเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนลุ้ค หรือแบบเป็นคลาส ที่คิดกันตั้งแต่วันละ 6 หมื่นบาท ไปจนถึงประมาณ 1.5 แสนบาท จำนวนผู้เรียนตั้งแต่ 15 คน ขึ้นไป ไม่เกิน 35 คน สอนกันแบบ 1 วัน หรือ 2 วัน แล้วแต่ความสนใจของผู้เรียนและองค์กร
“สมัยก่อนเรื่องภาพลักษณ์ คนจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องรอง เวลาจะเทรนพนักงานก็จะมุ่งไปที่เรื่องกลยุทธ์อะไรต่างๆ ก่อน แต่วันนี้บริษัทเองก็รู้ว่ามันไม่เวิร์คอีกต่อไป อาจจะช่วยได้บ้างแต่ก็ช่วยไม่ได้มาก ตอนนี้แนวโน้มของการฝึกอบรมก็จะเป็นซอฟท์สกิลมากขึ้น รวมถึงเรื่องการปรับภาพลักษณ์ เพราะมองว่าหนึ่งบวกหนึ่งต้องได้สาม การเปลี่ยนภาพลักษณ์พนักงานช่วยองค์กรได้มากกว่า ที่สำคัญยังทำให้เขาจงรักภักดีกับองค์กรมากขึ้นด้วยเพราะเหมือนเปลี่ยนชีวิตเขา”
เธอสะท้อนความคิด ก่อนบอกภาพรวมในตลาดที่ยังมีโอกาสและน่าเล่น แม้วันนี้จะมีคนเข้ามาทำงานด้านที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์มากมาย แต่น้อยคนนักที่จะมี Certified ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จึงยังมีโอกาสสำหรับคนที่คิด “เอาจริง” กับงานด้านนี้ และกล้าทุ่มเทได้เหมือนที่เธอสร้างตัวเองขึ้นมา โดยทำให้ตัวเองมีชั่วโมงบินสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมีโอกาสอีกมหาศาลในตลาดนี้ แม้แต่การเปิดอาเซียนในอนาคต นั่นก็คือตลาดใหญ่ของที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์
โค้ชวีณา เป็นหนึ่งตัวอย่างของคนทำงาน ที่เลือกผันชีวิตมาสู่งานที่รัก ด้วยการค้นพบตัวเองในเวลาที่ยังไม่สายเกินไป เธอบอกว่าโชคดีที่ได้เจอสิ่งที่รัก หลังจากที่เคยต้องรักในสิ่งที่ทำ และยังได้ทำธุรกิจที่ช่วยคนได้อีกด้วย โดยขอเป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยยกระดับการแต่งตัวของคนไทย ขณะที่มนุษย์เงินเดือนหลายคน อยากออกมาทำสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ยังไม่กล้าพอ ไม่มั่นใจ ไม่รู้ตัวเอง กระทั่งคิดแต่ว่าจะมีเงินคุ้มค่ากับความเปลี่ยนแปลงไหม เธอทิ้งท้ายด้วยประโยคสะกิดใจว่า..
“ถ้าคิดเรื่องเงินก่อน ความรักก็เกิดไม่ได้”
เพื่อให้คนที่อยากทำธุรกิจ กล้าลุกมามุ่งมั่นกับฝันและความรักของตัวเอง จนประสบความสำเร็จได้อย่างเธอในวันนี้
.......................................
Key to success
แจ้งเกิดในธุรกิจที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์
๐ รู้สิ่งที่ชอบและลงทุนศึกษาอย่างจริงๆ จังๆ
๐ เก็บเกี่ยวชั่วโมงบิน สร้างความเชื่อถือในตลาด
๐ ปรับบริการให้เข้ากับตลาดไทย เน้นเห็นผลเร็ว
๐ หาช่องทางประชาสัมพันธ์ตัวเองให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
๐ ให้คนเข้าใจว่า นี่คือการลงทุนเพื่อเพิ่มทุน ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย
๐ ทำธุรกิจ คิดแต่เรื่องเงิน ความรักก็เกิดไม่ได้
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
http://www.policy.doe.go.th/clipping/c120204_1.pdf
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/smes/20140220/563555/Image-Consultant%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95.html
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที