ในช่วงรอบวันที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง และมีเหตุการณ์ไหนที่น่าสนใจ ให้ท่านแล้ว
ในหัวข้อ 10 อันดับ ข่าวเด่นประจำวันที่ 9 มกราคม 2557 หากไม่อยากตกข่าวห้ามพลาดเด็ดขาด
ที่มา : toptenthailand
10.รถพิศวง เปิดกระจกเอง พร้อมกัน 4 บาน เชื่อเป็นวิญญาณ
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ประหลาด หลังจากรถยนต์โตโยค้า คัมรี่ ไฮบริด สีขาว ทะเบียน กท 3170 ลำปาง ที่จอดอยู่หน้าบ้านของ นายชัยนรินทร์ อายุ 48 ปี และนางธัญญารัตน์ วัฒนชัยไตรจักร อายุ 43 ปี สามีและภรรยา เป็นผู้บริหารบริษัท ลำปางลิสซิ่ง จำกัด เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านว่า พบเหตุการณ์ประหลาดเมื่อกระจกทั้ง 4 บานของรถยนต์คันดังกล่าวได้เปิดลงพร้อมกัน สร้างความตกตะลึง ขนลุก และความประหลาดใจกับคนในบ้านที่พบเห็นอย่างมากเชื่อว่า ไม่ใช่มาจากความผิดปกติจากวงจรไฟฟ้าของรถทำให้เกิดไฟกะพริบ ซึ่งรถคันนี้ซื้อออกมาจากโชว์รูมรถ และใช้มาได้เพียง 2 ปีเท่านั้น
เจ้าของรถกล่าวต่อไปว่า ที่น่าสังเกต คือ ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใด ก็ไม่สามารถที่จะเปิดกระจกรถลงมาพร้อมกันแบบนี้ได้ในคราวเดียว และในขณะนั้นรถไม่ได้เสียบกุญแจ นับเป็นความน่าพิศวงอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วานนี้ (8 มกราคม 2557) ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกบัลลังก์ไต่สวนพยานในคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของ
สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ว่า ร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ มีความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 หรือไม่ ทั้งนี้ นายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า จะไต่สวนพยานที่รู้เห็นเรื่องเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้าน จำนวน 2 ราย ได้แก่ นางสาวรังสิมา และนายนริศรเท่านั้น โดยจะแยกออกใน 2 ประเด็น คือ กระบวนการตรากฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ต่อมา นางสาวรังสิมา ขึ้นเบิกความว่าพร้อมขอให้ตุลาการเปิดคลิปที่มาประกอบการพิจารณาด้วยว่า ตั้งแต่ตนเป็น ส.ส. มา 4 สมัย ล้วนเห็นการเสียบบัตรแทนกันทุกสมัย แม้รู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ก็มีการทำมาตลอด กระทั่งตอนนี้มีหลักฐานเอาผิดจากคลิปดังกล่าว ซึ่งบุคคลในคลิปนั้นคือ นายนริศร ทองราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สกลนคร แต่นายนริศรกลับปฏิเสธ ทั้งนี้ ภาพในคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการพิจารณามาตรา 6 และ 20 ของวาระ 2 เกิดขึ้นในวันที่ 20 กันยายน 2556 ความจริงคือ ตนถ่ายทุกมาตรา แต่ภาพไม่ชัด และขอยืนยันว่า บุคคลในคลิปคือนายนริศรจริง มีการเสียบบัตรหลายครั้งมาก ถือว่าเป็นการกดบัตรแทนกัน
ด้านนายนริศร ได้ขึ้นเบิกความว่า ยอมรับว่าเป็นบุคคลในคลิปจริง ส่วนบัตรในมือที่หลายใบ เป็นเพราะทำบัตรหายบ่อย เป็นคนขี้ลืม และที่ผ่านมาก็เสียบบัตรแสดงตนหลายครั้ง ทำเป็นประจำ และทำมาเป็น 10 ปี ซึ่งในคลิปดังกล่าว ตนจำไม่ได้ว่าลงมติเรื่องอะไร ฉะนั้นจึงไม่เป็นการฉ้อฉล
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถามกลับว่า การมีบัตรหลายใบเป็นเพราะทำหายบ่อย ฉะนั้นการแสดงตนต้องเสียบเพียง 1 ใบ แต่ทำไมถึงเสียบหลายครั้ง และถ้ามีบัตรจริง ทำไมต้องพกบัตรสำรอง มีการสื่อสารกับบุคคลที่นั่งรอบข้างหรือไม่
นายนริศร ตอบว่า ปกติตนเป็นแบบนี้ตลอด อาจจะมีคนอื่นทำแบบนี้ด้วย แต่ไม่มีการถ่ายคลิปเอาไว้ ส่วนประเด็นคนข้าง ๆ ตนตอบไม่ได้ว่าเป็นใคร เพราะไม่ได้พูดคุยกันและไม่รู้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตาม ตนมีความเคารพนับถือในตัวนางสาวรังสิมา และไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้ตนจะเป็นเหยื่อทางการเมือง
8.ส.ต.อ.ภัทร เพ็ชรอาวุธ เมายา
เมื่อกลางดึกของวันที่ 7 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การ์ด กปปส. ที่เวทีราชดำเนิน สามารถจับกุมชาย
คนหนึ่งในสภาพมึนเมา ส่งตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นตำรวจกองสารนิเทศ ชื่อ ส.ต.อ.ภัทร เพ็ชรอาวุธ ผบ.หมู่ พิพิธภัณฑ์กองสารนิเทศ ตรวจพบพกยาไอซ์ขนาด 1 กรัม เข้าไปในพื้นที่การชุมนุมด้วย
ขณะที่ ส.ต.อ.ภัทร ที่มีใบหน้าปูดบวมก็ยอมรับว่า ได้เสพยาไอซ์ที่ได้มาจากเพื่อนจริง ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมเพื่อไปซื้อของ แต่ก็มีเรื่องกับการ์ด กปปส. จนถูกชกต่อยที่ใบหน้า ส่วนเรื่องปืนนั้น ตนพกเพราะว่าไม่อยากเก็บเอาไว้ที่บ้าน แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจพกไปในพื้นที่ชุมนุม ทางด้านตำรวจก็รับเรื่องไว้ ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งอยู่ในจุดเกิดเหตุ พร้อมตั้งข้อหาพกพาอาวุธ และเครื่องกระสุนเข้าพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคง อีกทั้งยังพกยาเสพติดประเภทหนึ่งไว้ในความครอบครองเพื่อเสพ
ด้านนายพงษ์พันธ์ เสมา การ์ด กปปส. เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้ชุมนุมเห็นว่า ส.ต.อ.ภัทร ได้ทำท่าชักอาวุธปืนวิ่งไล่นักศึกษาอาชีวะที่มาเป็นการ์ดด้วย ทางการ์ดจึงเข้าจับกุม จนค้นตัวเจออาวุธและยาเสพติดดังกล่าว
นอกจากนี้ โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้สำรวจจำนวนผู้ชุมนุม กปปส. พบว่ามีประมาณ 5,000 คน ขณะที่ตอนนี้เหลือเพียง 500 คนเท่านั้น ส่วนกลุ่ม กองทัพธรรมที่ชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ มียอดชุมนุม 250 คน และกลุ่ม คปท. ที่ชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาล มี 150 คน
7.กนก แซว ยิ่งลักษณ์งงไหม ประยุทธ์ เปรียบปฏิวัติเหมือนนิทานวัวกับกา
กนก รัตน์วงศ์สกุล สงสัยยิ่งลักษณ์จะเข้าใจไหม หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เปรียบเรื่องการปฏิวัติเหมือนนิทานวัว
กับกา หากวัวไม่มีแผล กาก็ไม่จิก หวั่น รักษาการนายกฯ โต้กลับ หลังไม่มีแผล มีแต่ด้านหน้า
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2557 นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้แชร์ลิงก์ข่าว "ผบ.ทบ. ไม่ยืนยันไม่ปฏิวัติ เตือนทุกฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรง แนะดูบทเรียนปี 53" ของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ลงในเฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul Fan Page พร้อมกับยกข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปรียบเทียบสถานการณ์บ้านเมืองเหมือนเรื่องอีกากับวัว ที่หากวัวมีแผล อีกาก็จะมาจิกหลังทุกวัน ถ้าไม่มีแผลก็ไม่มีอีกามาจิกให้ฟัง
ดวงเมือง 2557 ยังวุ่นหนัก โหรพรหมลิขิต อักษรณรงค์ เชื่อ จัดเลือกตั้งได้ แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซ้ำอาจถูกปฏิวัติหลัง
เลือกตั้ง เพราะดวงเมือง ดวงยิ่งลักษณ์ตก
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2557 อาจารย์พรหมลิขิต อักษรณรงค์ นักโหราศาสตร์ชื่อดังของจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกมาทำนายดวงเมือง 2557 ว่า จะเกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศไทยแน่นอน เพราะตั้งแต่วันนี้ไป ฤกษ์ดาวเสาร์กับดาวอังคารเป็นคู่อริกัน ซึ่งดาวเสาร์คือเทพเจ้าแห่งสงคราม ส่วนดาวอังคารแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นอกจากนี้ดาวศุกร์ก็มาถูกดาวเสาร์ทับ ทำให้ลัคนาบ้านเมืองวุ่นวายตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม อาจารย์พรหมลิขิต มองว่า การเลือกตั้งน่าจะดำเนินไปได้ แต่อาจไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะตอนนี้ดาวศุกร์ในดวงเมืองเป็นกาลกิณี ดาวเสาร์เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ไม่มีฤกษ์ดีเลย จึงทำนายว่า หลังเลือกตั้งเสร็จสิ้นก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และจะเกิดเหตุจลาจล มีการล้มตายเกิดขึ้น เพราะทั้งฝ่ายรัฐบาลรักษาการ พรรคเพื่อไทย และ กปปส. ต่างไม่มีใครยอมกัน และต้องการเป็นใหญ่ในรัฐสภาหรือในแผ่นดิน
คำรณวิทย์ ลาออก กระแสข่าวลือสะพัด ล่าสุด ผบช.น. โต้ไขก๊อก บอกเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ยันยังทำหน้าที่ต่อไป
วันที่ 9 มกราคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสข่าวจากกองบัญชาการตำวจนครบาล (บช.น.) ระบุว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการ ถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
โดยรายงานระบุด้วยว่า สำหรับสาเหตุของการยื่นใบลาออกอย่างกะทันหันก่อนจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้นั้น เนื่องจากทนแรงกดดันจากหลายฝ่ายไม่ไหว จากสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง และการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกจับตาและโจมตีอย่างมาก อีกทั้งมารดาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ขอร้องให้ลาออกด้วยนั้น
ตนเองไม่ได้ลาออกจากตำแหน่ง จะยังคงทำหน้าที่นี้ต่อไป ตราบใดที่ผู้บังคับบัญชา ให้ความไว้วางใจในการทำงาน
พร้อมรายละเอียดข่าวเกี่ยวกับการจัดงานวันเด็กในหลายพื้นที่และการงดจัดงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลทำให้
เด็กๆส่ออดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นกิจกรรมไฮไลท์ของทำเนียบรัฐบาล
โดยชาวสังคมออนไลน์ต่างแสดงความคิดว่า “วันเด็กเซ็งจุงเบย” ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคำที่ใช้ในการพาดหัวข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์เพราะเป็นศัพท์แสลงและใช้เล่นๆเท่านั้น ไม่ใช่ศัพท์ที่ใช้ทางการหรือเป็นที่ยอมรับ ซึ่งถึงแม้จะมีการให้ความเห็นว่าคำดังกล่าวเป็นวิวัฒนาการทางภาษาที่มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่ผู้อ่านกลุ่มอื่นที่เป็นผู้ใหญ่หรือไม่ใช่กลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอาจเกิดความไม่เข้าใจได้
จากกรณีที่ นางแดง ศิริสอน วัย 48 ปี และนายอุดม ศิริสอน วัย 51 ปี ชาวบ้าน ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ถูก
ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกและตัดไม้ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากที่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ทั้งคู่ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในพื้นที่อุทยานป่าสงวนดงระแนง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเก็บเห็ดป่า ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มลักลอบตัดไม้ในบริเวณดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้เข้าตรวจพื้นที่แล้วพบเห็นพอดี จึงได้ขอเข้าจับกุม ซึ่งกลุ่มที่ลักลอบตัดไม้ได้หลบหนีไป ส่วนทั้งสองกลัวว่าจะถูกจับกุมได้หลบหนีไปด้วย
กระทั่ง นางแดง ศิริสอน และนายอุดม ศิริสอน ถูกดำเนินคดีตามหมายเรียกในที่สุด โดยทั้งคู่ถูกศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุก 30 ปี ขณะสารภาพลดโทษ เป็นจำคุก 15 ปี ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนระหว่างฎีกาในข้อหาบุกรุกและลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ล่าสุด (8 มกราคม 2557) นางแดง และ นายอุดม ศิริสอน ได้รับการปล่อยตัวแล้ว
2.คณะสงฆ์ออกร่างประกาศ ห้ามพระขับรถ-โบกรถ ฝ่าฝืนมีโทษหนัก
คณะสงฆ์หนเหนือ ออกร่างประกาศ ห้ามพระ-เณรขับทุกชนิด พร้อมขอความร่วมมือเลิกโบกรถ หวั่นมิจฉาชีพฉวย
โอกาสสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน และเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ พระพรหมโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวงและเจ้าคณะภาค 5 เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ใน 2 เรื่องหลัก คือ
1. การพิจารณาออกร่างประกาศคณะสงฆ์หนเหนือห้ามพระภิกษุ-สามเณรขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เนื่องจากปัจจุบันจะมีพระภิกษุบางรูปขับขี่รถยนต์ หรือรถจักรยนต์สัญจรไปมาบนทางหลวงหรือในที่ชุมชน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม
การกำหนดบทลงโทษ ตั้งแต่การตักเตือนหากมีการกระทำผิดซ้ำซาก ก็จะมีบทโทษสูงสุด เช่น การภาคทัณฑ์ ห้ามทำเรื่องเสนอเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นเวลา 3 ปีตลอดจนการพิจารณาความดีความชอบต่าง ๆ หรือให้ขาดจากความเป็นพระ
2. การขอความร่วมมือไม่ให้พระภิกษุโบกรถ เพื่อขอโดยสารรถยนต์ของประชาชนผู้สัญจรไปมาบนถนนทางหลวง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการสร้างความรำคาญให้แก่เจ้าของรถ ซึ่งบ่อยครั้งเมื่อประชาชนเห็นว่าพระภิกษุโบกรถ ก็จะให้โดยสารไปด้วย ขณะที่พระบางรูปจะใช้โอกาสนี้ให้ประชาชนไปส่งตามสถานที่ต่าง ๆ และยังขอปัจจัยอ้างเป็นค่ารถอีก
1.ศาลรัฐธรรมนูญ ลงมติเสียงข้างมาก ชี้ แก้มาตรา 190 ขัด รธน.
วานนี้ (8 มกราคม 2557) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา
พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา รวมถึงสมาชิกรัฐสภา 381 คน ได้ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ว่าด้วยเรื่องอำนาจรัฐสภาในการให้ความเห็นชอบการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศของฝ่ายบริหาร เข้าข่ายเป็นการกระทำล้มล้างการปกครองและทำให้ได้อำนาจในวิธีที่ไม่ได้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 และ มาตรา 125 วรรค 1 ทำให้ได้อำนาจการปกครองด้วยวิธีการที่ไม่ได้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่การแก้ไขเนื้อหา ก็ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 3, 4, 5, 87 และ 122 ดังนั้นศาลจึงมีมติชัดว่า ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68
ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ้างเรื่องดังกล่าวมาจากความผิดในการทำหนังสือข้อตกลงกับกัมพูชา เรื่องปราสาทพระวิหาร ดังนั้น การแก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จของฝ่ายบริหาร อีกทั้ง ศาลรับธรรมนูญเห็นว่า ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอำนาจรัฐทุกระดับ การตัดเนื้อหาส่วนดังกล่าวทิ้งไป เท่ากับทำลายสิทธิประชาชน ทำลายความเสมอภาค
ขณะที่นายวิรัตน์ กล่าวหลังจากศาลตัดสินว่า ขอขอบคุณศาลที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และหลังจากนี้จะนำเรื่องฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป โดยล่ารายชื่อประชาชน 20,000 คน เพื่อชี้มูลความผิด และถอดถอนตามระบบรัฐสภา
ที่มาข้อมูล http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20140109083937532
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที