ตอนที่ 2 การทดสอบไหวพริบ
ขบวนแถวอันยาวเหยียดที่ทำให้หลายคนที่มาสมัครทดสอบเริ่มมีหมอกแห่งการถอดใจตั้งเค้าในความรู้สึกขึ้น สภาแอนเดสดูๆไปแล้วเนื้อที่ก็ไม่กว้างขวางมากทำให้โอลิเวียที่อยู่ในร่างของเด็กผู้ชายรู้สึกสงสัยอย่างช่วยไม่ได้
สภาแอนเดสดูภายนอกแล้วเหมือนกับว่าเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดไม่ได้กว้างใหญ่อะไร ถ้าให้ประมาณน่าจะจุคนได้โดยที่เบียดเสียดกันอย่างมากที่สุดก็น่าจะได้สักสี่สิบถึงห้าสิบคน แต่ตอนนี้คนที่ต่อแถวอยู่นี่ดูท่าทางจะเยอะกว่าความจุโดยประมาณในสายตาของโอลิเวียหลายเท่าตัว มือบางปาดหยดน้ำใสๆที่ไหลลู่ตามใบหน้าเรียวคนก็แน่น อากาศก็ร้อน แล้วเมื่อไรสภาจะเปิดสักที เวลาทดสอบที่แน่นอนก็ไม่ได้แจ้งมา ให้กะจากสายตาเขาน่าจะยืนอยู่เป็นลำดับที่สามพันกว่าๆ ขนาดถ่อมาตั้งแต่เช้ามืดนะเนี่ย
นาย... เป็นเจ้าชายเมืองไหนเหรอ เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังของเขา โอลิเวียในร่างของเด็กหนุ่มผิวหน้าขาวเนียน พวงแก้มแต้มสีชมพูเรื่อจางๆสม่ำเสมอ เส้นผมสีบลอนด์ยาวระบ่าที่ถูกรวบไว้หลวมๆด้วยริบบิ้นสีทอง ร่างของหนุ่มน้อยสวมชุดโค้ทหนาสีขาวสว่างตาด้านหน้าติดกระดุมทองสองเม็ดกลางลำตัว ด้านหลังของโค้ทตัวยาวมีลายวิจิตรสีทองขนาดใหญ่ที่ดูสวยงาม ส่วนด้านในสวมเชิ๊ตบางและกางเกงผ้านุ่มสีขาวล้วน ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นเด็กหนุ่มจากตระกูลสูงศักดิ์แล้วยิ่งบุคลิกลักษณะภูมิฐานที่ดูนิ่งสงบนี่ด้วยแล้ว ไม่แปลกที่จะมีใครบางคนคิดว่าเขาเป็นเจ้าชายหรือรัชทายาทจากที่ไหนสักแห่ง เพราะที่โรงเรียนแอนเดสมักจะมีคนที่มีศักดินาใหญ่โตมาลงทดสอบเรียนแทนที่จะสมัครเข้าเรียนโดยเสียเงินปกติ สาเหตุหนึ่งก็เพื่อจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง
ไม่ใช่หรอก โอลิเวียตอบเสียงนุ่มด้วยมาดสงบ รักษาท่าที อยู่ในร่างผู้ชายเขาจะกระโตกกระตากมากไม่ได้และเขาก็ไม่ต้องการสุงสิงกับใครโดยไม่จำเป็น บุคลิกนิ่ง เงียบ สุขุม ความจริงไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย แต่เพื่อความปลอดภัย ควรจะอยู่อย่างสันโดษ นั่นคือสิ่งที่เขาประเมินไว้ในใจ
เด็กชายที่เอ่ยถามดูอายุไล่เลี่ยกับโอลิเวีย เส้นผมสีฟ้าอ่อนและนัยน์ตาสีเดียวกันกับผมมีประกายแห่งความสดใส ตื่นเต้น เสื้อผ้าที่ใส่เป็นชุดง่ายๆ แค่เสื้อยืดและกางเกงขายาวพอดีตัว สะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กไว้ที่บ่า ดูทะมัดทะแมง
แต่นายดูท่าทาง....... คุณชายมากเลยนะ ชื่ออะไรเหรอฉันชื่อ สเตฟาน คาสโตร
โอลิเวอร์.... โอลิเวอร์ ฮิลลารี
ว่าแต่.... ลูกแก้วนั่น.... นัยน์ตาสีฟ้าคู่โตจ้องมองลูกแก้วขนาดจ้อยที่ห้อยลำคอเรียวอย่างสงสัย
ลูกแก้วกักเวท พูดพลางลูบลูกแก้วสีฟ้าโปร่งแสงอย่างเบามือ ลูกแก้วนี่ทำเขาหมดเงินไปเกือบครึ่งของที่มีอยู่ ทำให้สามวันที่ผ่านมาต้องอยู่อย่างอดอยากในห้องเช่าของโรงแรมรังมด
แต่จะไม่ลงทุนก็ไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้านี่ลำพังพลังของเขาอาจจะมีไม่มากพอที่จะสอบผ่านได้
คุณประโยชน์ของมัน จะดึงเอาพลังจิตที่แข็งแกร่งของเจ้าของและบรรยากาศรอบตัวแปรเป็นพลังเวท... ถ้าอากาศหนาวพลังเวทป้องกันจะมีประสิทธิภาพแข็งแกร่ง ถ้าอากาศร้อนพลังเวทโจมตีจะมีประสิทธิภาพรุนแรง ถ้าในสภาวะอากาศปลอดโปร่งเบาสบายพลังเวทด้านการฟื้นตัวของผู้ใช้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด....
มีของดีขนาดนี้ ไม่ใช่เจ้าชายจริงๆเหรอ สเตฟานหนุ่มตาซื่อยังทู่ซี่ความคิดเดิม
ก็จริงน่ะสิ ไอ้ที่เห็นว่าดูดีมันก็ไม่ใช่ของมีค่าอะไรมากมายหรอก เป็นเจ้าชายก็อาจจะไม่จำเป็นต้องแต่งตัวแบบนี้สักหน่อย ชุดอย่างนายเจ้าชายบางองค์เขาก็ใส่กันออกเกลื่อนนะ
หา? ไม่จริงหรอกเจ้าชายทีไหนเขาจะแต่งตัวมอซออย่างนี้กัน
ของอย่างนี้มันดูแต่เปลือกไม่ได้หรอก สเตฟาน
หลังจากที่โอลิเวียหรือโอลิเวอร์ ฮิลลารีต้องยืนแข้งขาเหี่ยวแห้ง และคุยเล็กๆน้อยๆตามแต่เจ้าคนสดใสที่ดูท่าทางไม่เมื่อยไม่เหนื่อยจะงัดมาพูดคุย เป็นเวลาร่วมสี่ชั่วโมง ก็มีเสียงประกาศจากหน้าสภาที่ได้ยินกันทั่วถึงว่าจะมีการสอบข้อเขียนเชิงปฏิบัติกันเป็นอย่างแรก ให้ค่อยๆเดินอย่างเป็นระเบียบเข้าไปด้านในสภา
ฟังแล้วก็อดมุ่นหัวคิ้วไม่ได้ สภาแค่นั้น มันพอเหรอ?
แต่มีโอกาสสงสัยได้ไม่นานแถวด้านหน้าก็ค่อยทยอยกันเข้าด้านในอย่างรวดเร็ว โดยด้านหลังก็เบียดเสียดเข้ามาอย่างไม่รีรอ ทำให้ร่างผอมเพรียวของโอลิเวียไหนตามกระแสผู้คนเข้าสู่สภา ในเวลาชั่วอึดใจ
ด้านในผิดจาดที่เขาคาดเกือบทั้งหมด ห้องนี้ไม่ได้จุคนได้เพียงสี่สิบถึงห้าสิบคน ที่นี้พอเข้ามาด้านในแล้วก็จะเห็นว่ามันไม่ได้มีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวตามที่เห็นด้านนอก.... ด้านหลังสุดของสภามีประตูที่พื้นและบันไดนำพวกเขาและผู้สมัครสอบทุกคนลงไปสู่ห้องโถงกว้างขวางใต้ดิน หรืออาจจะยิ่งกว่าห้องโถง เพราะที่นี่สามารถจุคนสองหมื่นกว่าคนที่มาสมัครหรือมากกว่านั้นเท่าหนึ่งอย่างสบายๆ
เจ้าหน้าที่คุมการสอบที่สวมเชิ๊ตและกางเกงสีดำสนิท ผายมือเชิญทุกคนเดินตามทางและนั่งลงที่โต๊ะตรงส่วนใดก็ได้ โต๊ะในนี้มีกี่ตัวโอลิเวียไม่สามารถใช้ดวงตาคู่เดียวนี้มองสำรวจและนับได้หมด รู้แต่เพียงลักษณะของโต๊ะนั้นเป็นโต๊ะยาว ยาวมากจนไม่เห็นอีกฝั่งของโต๊ะ ไม่มีการแยกย่อยนั่งคนละโต๊ะ การสอบครั้งนี้ผู้ออกข้อสอบคงมั่นใจมาก ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางจะสามารถลอกข้อสอบกันได้
ผ่านไปอีกสองชั่วโมงการเคลียร์พื้นที่จึงสิ้นสุดลงภายในห้องกว้างสุดลูกหูลูกตาที่เงียบสงัด ด้านหน้าสุดของโต๊ะตัวยาวที่ใช้สอบ มีโต๊ะสูงสำหรับหนึ่งคนนั่งตั้งตระหง่านอยู่ แล้วชายคนหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการทดสอบก็ปรากฏตัวขึ้น ณ ที่นั่น
ข้อสอบจะปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกคุณหลังจากที่ผมพูดจบ โจทย์ของการสอบทฤษฎีเชิงปฏิบัติครั้งนี้คือ
จงบอกชื่อของตนบนกระดาษขาวที่เตรียมให้
ผู้ที่ทำเสร็จแล้วเคาะโต๊ะด้วยมือสองทีแล้วข้อสอบของคุณก็จะถูกส่งมาที่กรรมการ จากนั้นขอให้คุณเดินกลับขึ้นไปตามทางที่คุณเข้ามาตอนแรก และที่ทางออกจะมีคุณจะได้ทราบผลการทดสอบขั้นแรกของคุณเอง เริ่มได้ สิ้นเสียงกรรมการคุมสอบ แผ่นกระดาษเปล่าสีขาว ปากกา และขวดหมึก ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของผู้สมัครสอบทุกคน
แค่เขียนชื่อเนี่ยนะ ง่ายเกินไปหรือเปล่า
โจทย์ปัญหานั่นมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?
โอลิเวียรู้สึกตะหงิดๆ หันไปมองผู้สมัครสอบด้านข้างที่เขียนชื่อของตัวเองลงไปบนกระดาษขาวด้วยปากกาและน้ำหมึกที่มีมาให้....
มองไม่เห็นตัวหนังสือ แต่หมอนั่นก็ยังเขียนต่อไปเหมือนไม่รู้เรื่อง
แปลว่าถ้าใช้ปากกาที่เตรียมมาก็จะมองไม่เห็นงั้นหรือ?
โจทย์บอกให้ บอก บนกระดาษที่เตรียมให้ก็แปลว่ากระดาษแผ่นนี้สามารถใช้ได้ แต่ไม่ได้ระบุว่าอุปกรณ์ที่เหลือคือเครื่องมือ....
และไอ้คำว่าบอก ก็ไม่ได้หมายถึงให้เขียน
โอลิเวียใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายลูบเล็บของนิ้วชี้มือขวา.. เล็บที่สั้นก็พลันยาวและยังมีปลายเล็บที่แหลมคมมาก เธอลองใช้เล็บกรีดลงไปบนกระดาษเล็กน้อย กระดาษขึ้นรอยขาดเรียบไม่ลุ่ยเหมือนกับว่าใช้มีดคัตเตอร์ที่มีปลายคมกริบกรีดลงไป โอลิเวียใช้เล็บอันแหลมคมของตัวเองนั้น กรีด สลัก ให้ขาดเป็นรอย ชื่อตัวเองลงบนกระดาษขาว
โอลิเวอร์ ฮิลลารี
ก๊อกๆ
เธอเคาะโต๊ะสองทีและอุปกรณ์ทั้งสามก็หายวับไป...
โอลิเวียสาวเท้านำพาร่างของตัวเองกลับไปยังที่ๆตัวเองก้าวมาในคอนแรก....ตอนนี้ในใจได้แต่เพียงภวนาขอให้มันเป็นอย่างที่เธอคิด ขอให้มันเป็นอย่างที่เธอคาดด้วย...
หน้าสภาแอนเดสมีกระดานสีขาวที่ตอนแรกไม่มีตั้งอยู่... ด้านบนตัวหนังสือสีเงินที่ส่องประกายสลักว่า รายชื่อผู้ที่สอบผ่านทฤษฎีเชิงปฏิบัติ
เลื่อนต่ำลงมามีตัวหนังสือสีแดงเข้มส่องประกายเช่นกัน สลักชื่อของผู้ที่สอบผ่านตามลำดับเวลา ซึ่งตอนนี้มีอยู่เพียงสิบสองชื่อ..... ชื่อแรกทำเอาดวงตาของเธอต้องเบิกกว้าง
1.สเตฟาน คาสโตร
หมอนั่นเห็นซื่อๆเซ่อๆท่าทางสนุกสนาน ไม่น่าเชื่อว่าจะ..... นัยน์ตาสีเขียวขุ่นตวัดมองรายชื่อจนครบ ดวงตาต้องเบิกกว้างอีกครั้ง
ไม่มีชื่อของเธอ
เธอทำผิด..... ?
โอลิเวียในร่างเด็กหนุ่มจ้องมองร่ายชื่ออย่างคาดคั้น... หวังให้คนที่สิบสามเป็นเธอ แต่มันกลับไม่ใช่คนที่สิบสามก็ยังไม่ใช่เธอออยู่ดี
คว้าน้ำเหลว...
สอบไม่ผ่านตั้งแต่ขั้นแรก
เสียเงินไปกับลูกแก้วบ้าๆนี่อีก!
แล้วทีนี้จะไปเริ่มตั้งแต่ตรงไหนอีกดีละเนี่ย.... คิดแล้วก็พาลให้รู้สึกหดหู่ขึ้นมากระทันหัน ตอนนี้เงินก็ร่อยหรอ แถมไม่มีเป้าหมายใหม่ในการเดินทาง หวังเต็มที่กับการมาทดสอบไม่คิดเลยว่ามันจะล่มไม่เป็นท่า..
โอลิเวอร์!~ เสียงใสดังเจื้อยแจ้ว เสียงของสเตฟาน หนุ่มน้อยผู้ซ่อนความร้ายกาจไว้ใต้ใบหน้าสดชื่นรื่นเริง... สอบผ่านใช่ไหม? ผ่านอยู่แล้ว ยิ่งฟังยิ่งทำให้โอลิเวียรู้สึกเหมือนตัวเธอกำลังถูกกดให้จมลงไปในดินทีละนิดๆ น่ากลัวว่าจะทำให้เธอทะลุลงสู่ห้องสอบด้านล่าง...
ไม่... มันไม่มีชื่อฉัน เอ่ยเสียงเบา โดยยังคงรักษาท่าทีสงบ แต่ทว่าสเตฟานกลับไม่ใส่ใจเสียงของชายหนุ่มโอลิเวอร์คนนี้เลย
อยู่ไหนน้า โอลิเวอร์ ฮิลลารี อยู่ไหนน้า พูดอย่างร่าเริง พลางไล่รายชื่อที่กระดานนั้นซ้ำไป
ซ้ำมา.. เอ อยู่ไหนกันเนี่ย
มันไม่มีสเตฟาน
อยู่ไหนน้า~
ฉันไม่ผ่าน
อ้ะ! เจอแล้ว
เฮ้อ.... ก็ฉันบอกนายแล้วว่า...... เฮ้ย! อะไรนะ มาดเมิด นิ่งเนิ่งอะไร โอลิเวอร์ ฮิลลารี ลืมหมด ความหวังที่ดับวูบจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีเขียวขุ่นไล่รายชื่อขึ้นมาจากด้านล่าง
ตัวหนังสือสีแดงส่องประกายที่ค่อยๆเรืองขึ้นมา...
15. โอลิเวอร์ ฮิลลารี
เก่งจังๆ สเตฟานพูดพลางปรบมือเบาๆ ตอนนี้ตัวโอลิเวียเองอยากจะกรี๊ดออกมาตามแบบฉบับของเด็กสาวซนๆปกติที่เป็นตัวเธอ แต่ตอนนี้พยายามสะกดอารมณ์แล้วนัยน์ตาที่เกือบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้นก็ค่อยๆคลายเป็นสีเขียวเหมือนเก่า ริมฝีปากของเด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบาง และนั่นก็คือสิ่งเดียวที่โอลิเวอร์แสดงออกให้สเตฟานเห็น.. ว่าเขา กำลังยินดี
ผู้ที่สอบผ่านในรอบแรกมีทั้งหมดราวหนึ่งหมื่นคน โดนตัดออกไปแล้วเกินครึ่ง แต่ที่เหลือนี่ก็ยังเยอะอยู่ดี ผู้ที่สอบผ่านทั้งหมดกลับเข้ามายังห้องสอบใต้ดินซึ่งตอนนี้โต๊ะทั้งหมดได้ถูกเก็บไปหมดแล้ว กรรมการการทดสอบกล่าวว่า การสอบขั้นแรกคือขั้นที่ผ่านมาเมื่อครู่นั้นถือเป็นการทดสอบ ไหวพริบ การสังเกต ความรอบคอบ และการใช้เวทเบื้องต้น ผู้ที่สอบไม่ผ่านไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเรียนที่นี่ แม้แต่ผู้ที่เข้ามาเรียนโดยไม่ใช่ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มาสมัครเรียนในแบบปกติที่ไม่ต้องมีการทดสอบหลายขั้น ก็ยังต้องสอบข้อสอบทฤษฎีเชิงปฏิบัตินี่เช่นกัน
การทดสอบขั้นที่สอง เป็นการทดสอบไหวพริบอีกเช่นกัน แต่ครั้งนี้จะเป็นการปฏิบัติอย่างแท้จริง.... กรรมการการคุมสอบขั้นที่สองกล่าวเกริ่นก่อนจะกระแอมเบาๆหนึ่งครั้งแล้วกล่าวต่อ
ขั้นที่สองเราจะทดสอบกันด้วยการ...
เป่ายิ่งฉุบ!!
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที